ตอนที่ 144 คลอดลูกและทำหมัน

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

เดือนสามในฤดูใบไม้ที่แสนอบอุ่น ต้อนรับการคลอดลูกของซูสุ่ยเลี่ยนครั้งที่สอง

เฟิ่งรั่วเอ๋อร์คลอดฝาแฝดหน้าตาเหมือนกันไปตั้งแต่วันที่ยี่สิบเดือนสองอย่างราบรื่นดี เซวี่ยลี่ดีใจจนอุ้มไม่ยอมวาง

จนกระทั่งต้นเดือนสาม ครบกำหนดคลอดของซูสุ่ยเลี่ยน เขาก็ยังไม่ยอมกลับเซวี่ยหมิงตามแผนที่วางไว้

ตามความคาดการณ์ของหยางจิ้งจือ ซูสุ่ยเลี่ยนน่าจะคลอดในวันที่หนึ่งเดือนสาม แต่พอผ่านวันที่หนึ่งมาก็หวังว่าจะเป็นวันที่ห้า แต่นางก็ยังคงไม่รู้สึกปวดท้องคลอด

หยางจิ้งจือมองสตรีเบื้องหน้านึกสงสัย “บอกมาตามตรง สามีหน้าน้ำแข็งเจ้าให้เจ้ากินอะไร”

ส่วนใหญ่หากสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี กำหนดคลอดก็ยิ่งยืดออกไป ทารกอยู่ในครรภ์มารดายิ่งนานก็ยิ่งได้สารอาหารเยอะ การเจริญเติบโตก็จะยิ่งสมบูรณ์ แต่ทว่าสุขภาพของซูสุ่ยเลี่ยน บอกตามตรง หยางจิ้งจือ ไม่คิดว่านางจะยืดเวลาคลอดออกไปได้

“เปล่านะ” ซูสุ่ยเลี่ยนคิดอย่างงุนงง ไม่มีจริงๆ นอกจากมีครั้งหนึ่ง เขาทนความคิดถึงของนางไม่ไหว พานางไปเขาต้าซื่อเยี่ยมครอบครัวเสี่ยวฉุน ตอนนั้นรู้สึกกระหายน้ำ ไปดื่มน้ำในถ้ำหมาป่าที่ผสมกลั่นหยกเซียนอยู่ หรือว่าจะเป็นเหตุนี้ แต่ไม่น่าใช่ ตอนนางตั้งครรภ์แรกก็เคยดื่ม ยังดื่มไม่น้อยด้วย ก็ไม่ใช่ว่าคลอดก่อนกำหนดหรือ ยังเกือบจะคลอดไม่ได้ด้วย

“เช่นนั้นก็น่าแปลก…” หยางจิ้งจือสีหน้าไม่เข้าใจ “แต่ทว่าข้าว่าเจ้าสุขภาพดี ไม่ต้องกังวล เลยกำหนดคลอดก็คงไม่เกินครึ่งเดือน คาดว่าก็คงจะสองสามวันนี้แล้ว”

ตามคาด บ่ายวันที่สิบสองเดือนสาม หลินซือเย่าเดินเป็นเพื่อนนางตอนเช้าเสร็จ นางก็เริ่มปวดท้อง แต่ทว่าการคลอดครั้งนี้ราบรื่นดี ปวดท้องไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ก็คลอดออกมาเป็นทารกอ้วนจ้ำม่ำน้ำหนักถึงเจ็ดชั่งแปด

คนที่รออยู่นอกห้องคลอดต่างดีใจจนส่งเสียงร้องเฮดัง โดยเฉพาะพวกสามซือ เริ่มแย่งกันอุ้มทารกน้อย จะพาเขาไปดูแล

“เฮ้ย เจ้าเลือกหลงเอ๋อร์ไปแล้วไม่ใช่หรือ นี่ของข้า!” ซือชงรีบกอดทารกที่เงียบลงหลังจากแผดเสียงร้องดังลั่นไว้แน่น อดหันไปคำรามใส่ซือทั่วไม่ได้

“หลงเอ๋อร์ก็หลงเอ๋อร์ เขาก็คือเขา ใครกำหนดว่ามีหลงเอ๋อร์แล้วจะอุ้มเขาไม่ได้” ซือทั่วทำท่าจะเข้าไปแย่ง การได้หยอกซือชงเล่นก็เป็นเรื่องสนุกไม่น้อย

“ชิ่ว!” ซือชงไม่สนใจคำแก้ตัวของซือทั่วแม้แต่น้อย

ตอนทารกแฝดครบเดือน หลินหลงไม่ทำให้ผิดหวัง คว้าเอาแหวนหยกมรกตอันเป็นสัญลักษณ์ของประมุขหอเฟิงเหยา กลายเป็นประมุขคนต่อไปที่ซือทั่วจะอบรมสั่งสอนไปอีกสิบสามปี

แม้ว่าซือหลิงจะทำหน้าดุใส่ซือทั่ว ตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยมองเขาดีๆ แต่นั่นคือสิ่งที่หลินหลงจับเอง นางอายุสิบสามเมื่อใด ก่อนนางจะตัดสินใจรับตำแหน่งประมุขหอเฟิงเหยาหรือไม่ คนอื่นๆ ย่อมไม่มีสิทธิ์กล่าวอันใด

ส่วนหลินเซียว ตอนพิธีทำนายครบเดือน ไม่ว่าหยกประดับ เงินประดับ หรือทองประดับที่สีสันงดงามล้วนไม่เอา ถึงกับจับเอาหม้อที่ทำจากไม้ที่ไม่รู้ใครวางเข้าไป ทำเอาผู้คนรอบๆ เงียบกริบ

ทายาทบุตรสาวจวนอ๋องจิ้งกับรัชทายาทเซวี่ยหมิง…กุลสตรีตระกูลสูงเชี่ยวชาญงานปักกับนักฆ่าวิทยายุทธ์สูงส่ง ถึงกับ…เป็นพ่อครัวหน้าเตา?

เฮ้อ…ตอนนี้คิดถึงแล้วก็ยังทำให้พวกเขาแปลกใจไม่หาย

สุดท้ายหลินเซียวถูกหยางจิ้งจือหัวเราะดังอย่างไม่เกรงใจที่สุดอุ้มขึ้นมากอดแน่น ระดมหอมแก้มไม่หยุด ประกาศดังว่า “ฮ่าๆ เจ้าตัวน้อย พ่อครัวกับหมอต่างกันไม่มาก ล้วนเป็นงานที่ใช้ฝีมือ หรือย้ายมาอยู่สายน้าอย่างข้าดี รับรองว่าจะทำให้สิบห้าปีจากนี้กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียงทั่วแผ่นดินต้าหุ้ย”

หยางจิ้งจือมือไว ทำให้ซือชงขัดใจ ช้าไปก้าวหนึ่ง ถูกหยางจิ้งจือแย่งไปแล้ว

ฮือ ฮือ ฮือ แม้เขามีศิษย์ไม่น้อย แต่ที่เขาต้องการก็คือทายาทสืบทอดงานของเขา ลูกศิษย์เขาพวกนั้นแต่ละคนลื่นไหลมาก พอได้ยินว่าให้พวกเขาไปแต่งงานมีลูกได้ ก็พากันลื่นหายไปไม่เห็นแม้เงา

กว่าจะรอให้ลูกซือหลิงทำพิธีทำนายครบเดือน เขาวาดหวังว่าป้ายคำสั่งหอกว่างชื่อโหลวที่แสนจะงดงามดึงดูดจะเข้าตาทารกแฝดบ้าง ปรากฏว่าหลินหลงคว้าไว้ไม่นานก็โยนทิ้งไป

เขาสาบานเลย เขาเห็นสายตานางมารน้อยหลินหลงที่เพิ่งครบเดือน ส่งสายตาดูแคลนใส่ป้ายของเขา

ดังนั้นทารกอ้วนจ้ำม่ำคนนี้ เขาตัดสินใจแล้วว่าทันทีที่เกิดก็จะอุ้มทุกวัน ทุกเวลา อุ้มจนเขาจำได้แต่ซือชง ไม่จำซือหลิง อุ้มจนเขาครบเดือนแล้วก็คว้าแต่ป้ายหอกว่างชื่อโหลวไม่วาง ไม่สนใจอะไรอื่นอีก

เชอะ เขาต้องกู้หน้าจากเสียงเยาะเย้ยตอนพิธีทำนายครบเดือนปีก่อนให้ได้

……

“ลำบากเจ้าแล้ว”

นอกห้องคลอดครึกครื้นยิ่ง ในห้องคลอดเงียบสงบดี

หลินซือเย่าประคองซูสุ่ยเลี่ยนที่ดูเหน็ดเหนื่อย บรรจงจุมพิตริมฝีปากนางอ่อนโยน

“ยังไหวอยู่ ลูกเราล่ะ เขาสบายดีไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากนอนอยู่บนเตียง เหนื่อยจนไม่คิดจะขยับ แม้ว่าการคลอดครั้งนี้จะราบรื่นอย่างน่าประหลาด แต่อย่างไรก็ผ่านความเจ็บปวดมาครึ่งชั่วยาม ฝืนทนมาถึงตอนนี้โดยไม่สลบไป ก็เรียกว่าไม่ง่ายแล้ว

“ลูกเราสบายดี มีแต่คนแย่งกันอุ้มเขาหลายคน” หลินซือเย่านวดจุดที่ทำให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าให้กับนางหลายจุด เห็นใบหน้านางมีแต่ความเหนื่อยล้า ในใจก็รู้สึกสงสารปลอบใจว่า “นอนเถอะ ข้าจะเฝ้าเจ้าเอง”

“อืม” ซูสุ่ยเลี่ยนไม่อาจฝืนความง่วงเหน็ดเหนื่อยได้อีกต่อไป จึงผล็อยหลับอย่างรวดเร็ว

หลินซือเย่ามองใบหน้านางที่หลับสนิทอย่างตกในภวังค์ ก่อนจะบรรจงจุมพิตหน้าผากนาง “ข้ารักเจ้า…” เขากระซิบข้างหูนาง เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากบอกรักที่เก็บอยู่ในส่วนลึกของใจ และเลือกตอนที่นางหลับอีกด้วย

เขารู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่สามีที่แสดงออกเก่ง ที่จะกล่าวแสดงความรักให้นางฟังตลอดเวลาได้ แม้ว่าในใจเขาจะมีความรักอัดแน่น แต่จะให้พูดออกมา เขาก็พูดไม่ออก นางเคยนึกตำหนิความทึ่มทื่อเช่นนี้ของเขาไหม

แต่ทว่าแม้ว่าในใจของนางนึกตำหนิเขา เขาก็ไม่ยอมให้นางไปจากอ้อมกอดของเขาอย่างเด็ดขาด

นางเป็นของเขา ตั้งแต่พบกันที่ถ้ำหมาป่า ก็กำหนดให้ชีวิตสองคนมีวาสนาร่วมกัน

ตอนนี้นางคลอดลูกให้เขาสามคน เขาก็ยิ่งเชื่อในเรื่องนี้

เขาประคองหน้าผากชื้นเหงื่อของนางที่เหน็ดเหนื่อยจนหน้าซีดเผือด มองไปยังหยดเลือดที่ยังคงเปื้อนอยู่บนผ้าปูเตียง เขาก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ไม่ยืดเยื้ออีกต่อไป

……

“อะ…อะไรนะ” หยางจิ้งจืออดดึงหูตัวเองไม่ได้ มองหลินซือเย่าอย่างไม่อยากจะเชื่อถามว่า “ทำ…หมัน?”

นางได้ยินไม่ผิดใช่ไหม เรื่องพวกนี้หาเป็นภพก่อนของนางก็ไม่เห็นว่าผู้ชายเห็นแก่ตัวพวกนั้นจะยอมทำ แต่คนโบราณเบื้องหน้าผู้นี้…

ใช่แล้ว เขาเป็นห่วงสุ่ยเลี่ยนกระมัง ตั้งท้องคลอดลูกในยุคสมัยนี้ยังคงเป็นเรื่องอันตรายสำหรับผู้หญิง ในระหว่างนี้มีอันตรายที่อาจเป็นไปได้อีกมากมาย อัตราเสียชีวิตก็ไม่น้อย แต่เขาถึงกับต้องการทำหมัน…

“อืม” หลินซือเย่ากวาดตามองสตรีที่กำลังอึ้งตาค้าง อดรำคาญไม่ได้พยักหน้าว่า “ยิ่งเร็วยิ่งดี เตรียมการเสร็จแล้วก็มาบอกข้า”

“เอ่อ?…ทำไมเลือกข้า” หยางจิ้งจือพึมพำ

อย่างไรนางก็สตรียังไม่แต่งงานนะ

แม้ว่าผู้ป่วยไม่แบ่งแยกเพศ แต่ภพก่อนของนาง หรือที่นี่ ก็ไม่ได้เปิดกว้าง ตั้งแต่ตั้งโรงหมอมาถึงตอนนี้ก็หนึ่งปีได้แล้ว แต่ผู้ชายมารักษา นางก็ยังต้องปิดหน้าด้วยผ้าแพร

จะว่าไปหมอหลวงที่ฮ่องเต้เซวี่ยหมิงพามาก็ไม่น้อยนะ

“เจ้า…ควรรู้ ทำหมันต้องผ่าตัด ไม่ใช่กินยาก็ได้” นางแอบเตือน ไม่ใช่ว่าอาย แต่กลัวเขา ก่อนผ่าตัดหากพบว่าต้องถอดกางเกง…เกิดโมโหไม่หักคอนางสิแปลก!

“รู้” แต่แม้เช่นนี้ เขาก็ยังคงให้นางช่วย พวกที่มาจากเซวี่ยหมิง แต่ละคนหัวโบราณจะตาย พอได้ยินว่าเขาจะทำหมัน ก็เอาแต่กอดเสาไม่ยอมพยักหน้าทำให้ เหมือนคนที่ทำหมันไม่ใช่เขา แต่เป็นพวกเขาเสียอย่างนั้น

“ในเมื่อเจ้ารู้ ก็รอข้าจัดการให้แล้วกัน ใช่แล้ว จะบอกสุ่ยเลี่ยนไหม”

หากสุ่ยเลี่ยนรู้ว่าสามีที่รักนางถูกมีดนางทำหมัน ทำให้นางสูญเสียความสุขในการมีลูกไป จะมาคิดบัญชีกับนางไหม

“ไม่ต้อง” หลินซือเย่ากล่าวเบาๆ สีหน้าแอบมีแววเขินอาย ก่อนจะถูกเขาเคลื่อนพลังกดลง เรื่องเช่นนี้คนรู้น้อยเท่าไรยิ่งดี

“หวังว่าปากเจ้าจะปิดสนิทดีเหมือนวิชาแพทย์ดีๆ ของเจ้า”

เขาเตือนไม่เหมือนเตือน ทำเอาหยางจิ้งจืออดขนลุกหวาดกลัวไม่ได้ เย็นเยียบมาก สุ่ยเลี่ยนรับเขาได้อย่างไรเนี่ย

……

“ยังไม่ครบเดือนก็ออกเดินทางแล้ว ไม่เป็นไรจริงหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนนอนอยู่บนเตียงสะอาดถามอย่างเป็นห่วง

“เขาต้องการเช่นนี้” หลินซือเย่าป้อนน้ำแกงปลาให้นาง พลางกล่าวน้ำเสียงนิ่งเรียบ

เซวี่ยลี่ต้องการให้งานฉลองสองทารกแฝดครบเดือนของเขาจัดที่เซวี่ยหมิง แต่เฟิ่งรั่วเอ๋อร์ยังต้องการพักผ่อน การเดินทางนี้อย่างน้อยก็ต้องสิบวัน ใช่ว่าต้องเดินทางล่วงหน้าสิบวันหรือ

นับนิ้วดู ก็อีกไม่กี่วันก็ออกเดินทางแล้ว

“ท่านพ่อก็จริงๆ เลย…” ซูสุ่ยเลี่ยนไม่รู้ควรกล่าวถึงบิดาสามีนางที่พอดื้อรั้นขึ้นมาก็ไม่คนเอาอยู่ผู้นี้อย่างไรดี

“เขาคงคิดจะหาฤกษ์งามยามดีประกาศให้ใต้หล้าได้รู้ทั่วกัน” สมาชิกราชวงศ์มีความลำบากของพวกเขา ในเมื่อเขาไม่คิดเข้าไปข้องเกี่ยวก็ไม่ควรข้องเกี่ยวกับการตัดสินใจเซวี่ยลี่

“เฮ้อ ดังนั้นข้าคิดว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาดีที่สุด” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นด้วยกับเขา น้ำเสียงเริ่มปลง

“อืม รอให้ซีเอ๋อร์โตอีกหน่อย ข้าจะพาเจ้าท่องเที่ยวทั่วหล้า” หลินซือเย่ารั้งนางเข้ามากอดไว้ พลางรับปากอ่อนโยน

หลินซี ลูกคนที่สามของนางและเขา ครั้งนี้เขาตั้งชื่อเอง ที่เรียกว่า ซี ก็เพราะพ้องกับคำว่า ซี ที่แปลว่าทะนุถนอม แปลว่านางคือของล้ำค่าที่เขาจะทะนุถนอมไปชั่วชีวิต

“ดี” นางวาดหวังวันนี้มานานแล้ว “ขอเพียงอย่าเหมือนตอนนี้ ปีหน้าก็มีอีกคน…” นางคิดแล้วก็อดยู่ปากไม่ได้

เขาหัวเราะเบาๆ ก้มหน้าลงจุมพิตริมฝีปากนาง กระซิบข้างหูนางว่า “วางใจ ไม่อีกแล้ว…”

“ทำไม” นางฟังเสียงเขาไม่ชัด รับรู้ได้แต่ลมหายใจร้อนผ่าวทำเอาจักจี้จนหูแดงไปหมด

เขาหัวเราะเบาๆ พลางดึงดูดใบหูแดงร้อนผ่าวของนาง

นางไม่รู้ไม่เป็นไร เขารู้ก็พอแล้ว…

ข้างกายเขามีนางกับเจ้าสามแสบก็พอแล้ว เขาไม่อยากทนรับความรู้สึกหวาดกลัวเช่นนั้นอีกแล้ว ตั้งแต่นางตั้งครรภ์จนนางคลอด…ราวกับใจเขากำลังถูกย่างบนเตาไฟ ชีวิตนี้ผ่านมาสองครั้งก็เพียงพอแล้ว