เฟิ่งชิงหัวมองดูรูปของคนคนนั้น มิใช่ใครที่นางรู้จัก ไม่ก็คนนี้ใช้ทักษะการแก้ไขใบหน้าเช่นกัน หรืออาจจะเป็นเพียวเบี้ยที่คนเบื้องหลังหามา
“เช่นนั้นในตอนที่คนคนนั้นมา สามารถแจ้งข้าได้หรือไม่ ?”
“ได้ ๆ ได้แน่นอน” โม่เหลิงรีบกล่าว
“ขอบใจมาก”
“หามิได้ ๆ ท่านชายครั้งนี้ก็ถือได้ว่าช่วยฉีเป่าเจเอาไว้มาก หากสามารถนำคนคนนั้นมาถามมูลเหตุได้จริง ๆ ก็สามารถหลีกเลี่ยงความสูญเสียใหญ่ของฉีเป่าเจได้”
“ไปเถอะ” จ้านเป่ยเซียวอยู่ข้าง ๆ ฟังอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าพูดไปพอสมควร ก็เอ่ยปากกล่าว
เฟิ่งชิงหัวกำลังจะจากไป จู่ ๆ ก็คิดอะไรได้ กล่าวกับโม่เหลิง : “นั่น ท่านชายโม่ข้ายังมีเรื่องอยากถามเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“ท่านชายเกรงใจแล้ว ท่านพูดเถอะ” โม่เหลิงกล่าวพลางยิ้ม
เฟิ่งชิงหัวกล่าว : “เช่นนี้ ของที่พวกเจ้าฉีเป่าเจขาย ไม่รู้ว่าของที่ขายไปแล้ว ในตอนที่ยังไม่ได้ชำระเงิน สามารถคืนได้ไหม ? และหักค่าธรรมเนียมอะไรอย่างนั้น”
โม่เหลิงพยักหน้า : “ได้ขอรับ ปกติพวกเราจะเก็ยค่าธรรมเนียมกับเงินทองที่ผิดสัญญา ท่านเองก็รู้ พวกเราจะต้องจ่ายราคาต่ำสุดให้ผู้ขายก่อน และยังมีการดำเนินแรงงานอะไรต่าง ๆ ไม่ทราบว่าท่านชายอยากจะคืนอะไร ?”
เพิ่งพูดจบ โม่เหลิงก็รู้สึกว่าหลังของตนถูกลูกธนูสองดอกปักอยู่ มือเท้าก็เย็นยะเยือกขึ้นมา
ความรู้สึกของสถานการณ์ที่ต่างกันสุดขั้วในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่สบายเลยจริง ๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าของโม่เหลิงก็แข็งทื่อตามมา
เฟิ่งชิงหัวเมื่อได้ยินตาก็เป็นประกาย : “เช่นนี้นี่เอง ปะการังแดงในงานประมูลวันนี้ก็สามารถคืนได้ใช่ไหม ?”
“ดะ” จิตใต้สำนึกของโม่เหลิงอยากจะพูดว่าได้ แต่สายตาข้างหลังกลับดูเหมือนจะเอาจริง แทงเขาจนแทบกระอักเลือดตาย
ใช้หางตามองไม่รู้ตัว กล่าวทันที : “แต่ทำเช่นนั้นไม่ได้ ท่านชาย ท่านในยามปกติก็ถือว่าได้ ท่านลองคิดดู งานประมูลที่หนึ่งปีมีครั้ง ข้าจะให้ท่านคืนได้อย่างไร คนฝ่ายนั้นจะมองข้าอย่างไร จะรู้สึกว่าพวกเราย้อมแมวขาย จงใจจะฉวยโอกาสขึ้นราคา ? พูดอีกอย่าง คนขายก็คงไม่ยอมรับสินค้าส่งคืนหรอกขอรับ”
เฟิ่งชิงหัวชี้จ้านเป่ยเซียวที่ไม่พูดจาข้าง ๆ : “ถึงแม้เป็นท่านอ๋องเจ็ดก็คืนไม่ได้ ?”
การแสดงออกของโม่เหลิงครั้งนี้สมเหตุสมผลและยุติธรรมอย่างเด็ดขาด ใบหน้าปราศจากรอยยิ้ม ส่ายหน้ากล่าว : “ไม่ได้ นี่เป็นความตั้งมั่นของเราฉีเป่าเจ อย่าว่าแต่ท่านอ๋อง ถึงแม้จะเป็นเถ้าแก่ของพวกเราฉีเป่าเจก็ไม่สามารถได้”
เดิมทีความรู้สึกที่ตื่นเต้นของเฟิ่งชิงหัวก็ลดลงมาทันใด ถอนหายใจยาว : “ก็ได้”
ระหว่างที่พูด ก็มองไปยังจ้านเป่ยเซียวอย่างอ่อนแรง : “ท่านอ๋อง หนึ่งล้านตำลึง เจ้ามีเยอะขนาดนั้นไหม ?”
ไม่รอให้จ้านเป่ยเซียวพูด โม่เหลิงก็รีบกล่าว : “ไม่ต้อง ๆ พวกเราฉีเป่าเจทุกปีจะต้องจ่ายค่าเช่าให้ท่านอ๋อง หักจากในนั้นก็ได้ขอรับ นายท่านของพวกเราบอกไว้แล้ว”
เฟิ่งชิงหัวไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับหอไล่ตามเมฆา ได้ยินโม่เหลิงพูดเช่นนี้ก็อดอ้าปากค้างไม่ได้ : “ค่าเช่าของหอไล่ตามเมฆานี้สูงขนาดนั้นเชียวรึ ?”
มองดูสายตาของจ้านเป่ยเซียวเต็มไปด้วยประกาย
จ้านเป่ยเซียวเชยตางขึ้ย : “ฉะนั้น เจ้าไม่ลองพิจารณาดูหรือ ? หากเจ้าอยู่กับข้า ของข้าทั้งหมดก็เป็นของเจ้า”
มุมปากของเฟิ่งชิงหัวกระตุก : “ขอบคุณ ไม่ต้อง ความรู้สึกของลมเย็นที่กระเป๋าเสื้อนั้นดีมาก ข้าคนนี้เห็นเงินทองราวกับฝุ่นละอองสกปรก”
พูดว่าไม่สนใจ แต่แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตผู้ร่ำรวย