ตอนที่ 157 กลัวหมา

สามีข้า คือพรานป่า

สามีข้า…คือพรานป่า ตอนที่ 157 กลัวหมา

เฉินเจียวเจียวกลับมาที่บ้านของนางพร้อมกับเงิน จากนั้นก็คิดอย่างรอบคอบว่าจะหาสูตรได้อย่างไร

อยู่ๆก็นึกได้ว่าโรงงานไม่ได้สร้างไว้สูงมากนัก หากปีนขึ้นไปบนหลังคา แล้วงัดกระเบื้องออกมา จะเข้าไปไม่ได้เลยหรือ?ตอนออกมาอาจจะลําบากเล็กน้อย แต่ก็สามารถซ่อน ตัวอยู่ในมุมใดมุมหนึ่งของโรงงานสักครู่ รอจนกว่าคนที่ทํางานในโรงงานจะมา จากนั้นค่อยใช้โอกาสนี้ย่องออกมาเงียบ

เมื่อตัดสนใจว่าจะใช้แผนนี้ เฉินเจียวเจียวก็รออย่างใจเย็น สําหรับค่ําคืนที่จะมาถึง นางไม่เคยเข้าใกล้โรงงานเลย ดังนั้น จึงไม่รู้ว่าในบ้านที่หยุนเถียนเถียนอาศัยอยู่จะมีเสียงสุนัขเห่าออกมาเป็นครั้งคราว

ตกเย็นคนงานเลิกงานกลับบ้าน เมื่อหยุนเถียนเถียนมาถึง นางก็ลงกลอนประตูทั้งสองบานและขังหมาป่าตัวน้อยไว้ในโรงงาน

ฮูหยินซูเกินและสามีเข้าพักผ่อนแต่หัวค่ํา นี่คือสิ่งที่เฉินเจียวเจียวต้องรอ นางไม่ได้บอกพ่อแม่ของนางเรื่องแผนนี้ เพราะบอกไปพวกเขาอาจจะไม่เห็นด้วย

ที่สําคัญคือนางต้องการเก็บเงินสองร้อยตําลึงไว้ในมือ ดังนั้นจึงจงใจปิดบังฮูหยินซูเกิน

เมื่อความมืดมิดเข้าคืบคลาน หมู่บ้านก็เงียบสงบลง ไม่มีเสียงอื่นใด นอกจากเสียงของแมลงในต้นฤดูใบไม้ร่วง

เฉินเจียวเจียวจงใจใส่เสื้อผ้าฝ้ายที่นางไม่ค่อยใส่มากนัก และลอบออกจากบ้านโดยถือบันไดไม้ในบ้านมาด้วย

จากนั้นก็ลอบไปที่ด้านนอกโรงงาน แต่ในขณะที่นางเพิ่งตั้งบันได หมาป่าตัวน้อยที่อยู่ข้างในก็ได้ยินเสียงจึงเห่าขู่เสียงดังลั่น!

เสียงหมาเห่ากลางดึกอย่างรุนแรง ในไม่ช้าหยุนเถียนเถียนและหยุนเคอซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ทั้งสองสวมเสื้อผ้าแล้วลุกจากเตียง

แม้แต่เฉินเฉินก็วิ่งออกมาอย่างงัวเงีย “พี่สาว มีอะไรผิดปกติหรือ?”

หยุนเถียนเถียนกล่าวอย่างไม่สบายใจนัก “เป็นเด็กเป็นเล็กจะกังวลอะไร? กลับไปพักผ่อนให้สบาย หากเจ้าเลื่อนเวลานอน พรุ่งนี้เจ้าจะเรียนได้อย่างไร?”

แม้ว่าเฉินเฉินจะไม่พอใจเล็กน้อยที่พี่สาวปฏิบัติต่อเขาราวกับเป็นเด็ก แต่เขาก็ยังเก็บตัวอยู่ในห้องอย่างเชื่อฟัง!

หยุนเคอและหยุนเถียนเถียนมองหน้ากัน ก่อนจะเดินออกไปที่ประตูบ้าน!

ด้านเฉินเจียวเจียว ทันทีที่หมาป่าตัวน้อยเปล่งเสียงแรกออกมา นางก็ตกใจกลัวแล้ว เมื่อเห็นว่าหยุนเถียนเถียนจุดตะเกียงตรงข้างๆลานบ้าน!

จึงรีบวิ่งเตลิดออกไป แม้แต่บันไดก็ถูกวางทิ้งไว้ที่นั่น

แต่นางไม่สนใจอะไรแล้ว หากถูกจับได้เท่ากับว่านางเป็นขโมย! กลัวว่าชีวิตนี้จะไม่มีใครกล้าแต่งงานกับนางอีก ยิ่งไปกว่านั้นนางทําเรื่องนี้โดยไม่ได้บอกพ่อแม่ตั้งแต่ต้น เมื่อเรื่องราวบานปลาย เกรงว่าแม่ที่เคยถูกทําร้ายเพราะนางจะไม่ลุกขึ้นมาปกป้องอีก

เมื่อหยุนเถียนเถียนออกมาที่หน้าโรงงาน ก็เห็นบันไดไม้พาดกับขอบผนังอยู่ข้างโรงงานและยังมีรองเท้าปักหล่นอยู่ตรงใต้บันใด! ดูจากลักษณะแล้ว หมู่บ้านนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าใส่รองเท้าปักดีๆเช่นนี้

หยุนเถียนเถียนก้มลงหยิบรองเท้าปักขึ้นมาอย่างอดสงสัยไม่ได้ ในเมื่อสามารถซื้อรองเท้าปักลายเช่นนี้ได้ แล้วเหตุใดถึงต้องทําเรื่องลับๆล่อๆเช่นนี้ล่ะ?

อีกทั้งหมู่บ้านก็สงบสุขอยู่เสมอ ไม่เคยได้ยินว่ามีผู้หญิงคนไหนที่มีนิสัยชอบย่องเบาเช่นนี้มาก่อน

แต่ในเวลานี้ หยุนเถียนเถียนต้องออกมาตรวจสอบแล้วเป็นแน่ นางไม่กล้าออกไปเพราะกลัวจะถูกจับ ทําอย่างไรดี? แต่ถ้าไม่ออกไปตามหา หากวันพรุ่งนี้หยุนเถียนเถียนเจอรองเท้าแล้วโวยวายขึ้นมา นางคงสิ้นหวังแล้วจริงๆ

ทั้งที่รู้ว่าคนผู้นั้นต้องตกใจหนีไปแล้วและโรงงานก็ไม่น่ามีอะไรเสียหาย! แต่หยุนเถียนเถียนก็เปิดประตูเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียด

หมาป่าตัวน้อยทําหน้าที่ของมันโดยการเห่าร้องเมื่อได้ยินเสียง ดังนั้นผู้ร้ายจึงไม่น่าจะทันได้ทําอะไร แต่ตกใจเสียงร้องเสียก่อน

เรื่องนี้ยิ่งพิสูจน์ให้เห็นมากขึ้นว่าเฉินผิงอันไม่ได้โกหกตั้งแต่แรก และใครบางคนก็กําลังจับตาดูโรงงานของนางอยู่จริง

แต่อีกฝ่ายไม่ได้บอกตรงๆว่าเป็นใคร หรือว่าถึงเวลาที่ต้องไปหาเฉินผิงอันอีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะทําคุณประโยชน์ให้นาง แต่เขาก็ได้ผลประโยชน์บางอย่างแก่ตัวเองเช่นกัน

เช้าตรู่ หยุนเถียนเถียนถือเนื้อตากแห้งสองชิ้นแล้วเดินไปที่ลานบ้านของเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันนั่งอยู่ตรงลานบ้านพร้อมกับไหเหล้าตั้งแต่เช้า เขาเมาจนไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

หยุนเถียนเถียนเดินเข้าไปใช้เท้าเตะเขา เฉินผิงอันรู้สึกว่าดวงตาที่มัวเมาอยู่นั้นลืมขึ้นมาทันที! นัยน์ตาพร่ามัวสะท้อนภาพใบหน้าอันเลือนลาง

“หยุนจิงเอ๋อ! เจ้าก็มาดูข้ากลายเป็นตัวตลกหรือ? ตอนนี้ชีวิตข้าเหมือนคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิง เจ้ามาดูเรื่องตลกนี้สิ!”

มุมปากของหยุนเถียนเถียนกระตุกเล็กน้อย บอกว่าเกลียดหยุนจิงเอ๋อ ตอนเมากลับพูดถึงไม่หยุด แต่ไม่เห็นถึงความเกลียดชังเลยสักนิด

อย่างไรก็ตาม บางสิ่งต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หยุนเถียนเถียนใช้กระบวยแตงโมตักน้ําในถังเก็บน้ําแล้วสาดใส่หน้าเฉินผิงอัน

น้ําในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงนั้นเย็นเฉียบ

เฉินผิงอันตื่นขึ้นและเห็นหยุนเถียนเถียนยืนมองดูเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย

“เจ้ามาทําอะไรที่นี่?”

หยุนเถียนเถียนไม่รีบร้อน นางขยับเก้าอี้แล้วนั่งลงเอง “ท่านใช้ชีวิตได้ดีนี่ เมาขนาดนี้ตั้งแต่เช้า!”

เฉินผิงอันพูดด้วยใบหน้าบูดบึง “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”

“อืม! ท่านเมาแล้ว และแม่ของข้าก็คงไม่สนใจท่านอีกแล้ว! หากไม่ใช่เพราะข้า นางคงไม่แม้แต่จะมองท่านด้วยซ้ํา!”

เฉินผิงอันยืนขึ้น ตบเสื้อผ้าที่มีรอยยับย่น แล้วนั่งลงบนธรณีประตูโดยไม่เลือกสถานที่

“เจ้ากําลังจะพูดอะไร? พูดมาสิ! ไม่อย่างนั้นข้าจะออกไปแล้ว!”

แม้ว่าหยุนเถียนเถียนจะรู้สึกว่าเฉินผิงอันน่าสงสาร แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาเคยทํามาก่อน นางก็รู้สึกว่าเขาสมควรได้รับมัน

“ข้าแค่อยากถาม เมื่อวานนี้ท่านบอกว่ามีคนกําลังจับตาดูโรงงานของข้า สรุปแล้วเป็นผู้ใด?”

เฉินผิงอันก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร เขาไม่รู้ว่าหากพูดโดยไม่มีหลักฐานจะเป็นปัญหาหรือไม่!

“เมื่อคืนนี้ มีหญิงผู้หนึ่งกําลังจะปีนบันไดที่ด้านนอกโรงงาน โชคดีที่หมาป่าตัวน้อยอยู่ที่นั่น นางจึงกลัวและหนีไป!”

เฉินผิงอันไม่แปลกใจ คราวที่แล้วเฉินเจียวเจียวทําไม่สําเร็จ ดังนั้นนางจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน จึงเป็นไปได้สูงมากที่จะลงมือใหม่อีกครั้ง!

แต่หญิงผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าเป็นผู้หญิง? หรือนางมีหลักฐานอยู่ในมือ!?

“ข้ารู้ว่าท่านต้องรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เมื่อวานนางกลัวเจ้าหมาน้อยจนรีบวิ่งออกไปและรองเท้าของนางก็หล่นอยู่ข้างหนึ่ง! ข้าเห็นว่ามันเป็นรองเท้าปัก จึงคิดว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนในหมู่บ้านที่สามารถซื้อรองเท้าปักได้? เฉินผิงอัน ข้ามาที่นี่เพื่อพิสูจน์ ท่านจะพูดหรือไม่พูดก็ไม่สําคัญสําหรับข้า!”