สามีข้า… คือพรานป่า ตอนที่ 158 เฉินเจียวเจียวอีกแล้ว
ตอนที่ 158 เฉินเจียวเจียวอีกแล้ว
เฉินผิงอันอดไม่ได้ที่จะโต้กลับ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามาจากในหมู่บ้านของเรา?
หยุนเถียนเถียนยิ้มอย่างสงบ ”เฉินผิงอัน ถึงสมองของท่านจะมีปัญหา ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะโง่! หากแบกบันไดเป็นระยะทางไกลจากหมู่บ้านข้างเคียงมาจนถึงหมู่บ้านของเรา! ในช่วงนั้น เขาต้องเดินผ่านบ้านของพวกข้า หยุนเคอเป็นนายพราน หากใครผ่านมาเขาก็ต้องรู้”
“ไม่มีผู้ใดสามารถแบกบันไดผ่านบ้านของพวกข้าและปืนขึ้นโรงงานได้! หมายความว่าต้องเป็นคนในหมู่บ้าน ถึงตอนนี้แล้วท่านยังต้องปิดบังให้ผู้อื่นอีกหรือ?
เฉินผิงอันเงียบไปครู่หนึ่ง มีรองเท้าปักเป็นหลักฐาน
“เป็นเฉินเจียวเจียว! แม้ข้าจะไม่รู้ว่านางคิดอะไร แต่นางก็คือคนที่แอบไปที่ประตูโรงงานของเจ้าครั้งที่แล้ว! ทว่าข้าไม่มีหลักฐานใดๆ และเจ้าอาจไม่เชื่อในสิ่งที่ข้าพูด ดังนั้นข้าจึงไม่ได้บอกในตอนแรก”
หากเป็นคนอื่น หยุนเถียนเถียนอาจจะไม่เชื่อ แต่ถ้าคนนั้นคือเฉินเจียวเจียว นางจึงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย!
ความคิดของผู้หญิงบางคนนั้นอธิบายไม่ถูก เห็นได้ชัดว่าหยุนเคอเป็นคนที่ทําให้ขุ่นเคืองไม่ใช่นาง! แต่เฉินเจียวเจียวกลับมาโยนความเกลียดชังทั้งหมดใส่หัวของนาง
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้ว แต่หมาป่าตัวน้อยที่ท่านให้ข้านั้นทําได้ดีมาก เพื่อเป็นการขอบคุณ เก็บเนื้อตากแห้งพวกนี้เอาไว้กินเสีย ถึงแม้ว่าตอนนี้ท่านจะไม่เหลืออะไรแล้ว แต่ก็ยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป หากไม่มีที่ไปจริงๆ เฉินเฉินจะไม่ทิ้งท่านไว้ผู้เดียวแน่นอน”
“แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ควรพึ่งพาเขา เนื่องจากหนังสือสัญญาซื้อขายนั้นอยู่ในมือของข้า อย่าได้บีบบังคับให้ข้าต้องนํามันออกมา”
เฉินผิงอันไม่กล่าวอะไร เมื่อหยุนเถียนเถียนได้รู้ในสิ่งที่ตนต้องการแล้ว นางจึงหันหลังกลับและเดินออกไป!
ทันทีที่นางเดินไปที่ประตูเฉินผิงอันก็หยุดนางไว้ก่อน
“เจ้าต้องยกเฉินเฉินให้กับผู้อื่นหรือ?”
หยุนเถียนเถียนหันกลับมาเยาะเย้ย “แล้วอย่างไร? เด็กที่มีพรสวรรค์เช่นนี้จะต้องถูกทําลายอนาคตเพียงเพราะพ่อแม่สองทําตัวไม่เหมาะสมหรือ? เฉินผิงอัน ตอนนี้ที่เด็กยังมีชีวิตอยู่ ท่านควรต้องขอบคุณพระเจ้า!”
“ท่านรู้หรือไม่ว่าเด็กใช้ชีวิตอย่างไรในบ้านหลังจากที่ท่านออกไปข้างนอก? ก่อนหน้านั้นเมื่อตอนที่ข้ายังอยู่ หลินชวนฮวายังพอมีที่ให้ระบายความโมโห นางจึงไม่ได้โหดร้ายกับเขานัก อย่างมากที่สุดก็ให้อดข้าวในบางมื้อ แต่เมื่อข้าออกจากบ้านหลังนี้เฉินเฉินต้องกลายเป็นกระสอบทรายตั้งแต่อายุยังน้อย!”
“ท่านเป็นพ่อแต่ไม่เคยปกป้องลูก ทั้งยังช่วยให้เขาถูกทารุณอีกด้วย! เฉินผิงอัน ชีวิตของท่านช่างล้มเหลวเสียจริง ในฐานะลูกชาย ท่านก็โกรธเคืองแม่ของท่าน ในฐานะสามี ภรรยาคนแรกก็ไม่เคยสนใจท่าน! และภรรยาคนที่สองที่ถูกมองว่าเป็นสมบัติในมือ กลับกลายเป็นทรยศท่าน!”
“ที่สําคัญที่สุดคือในฐานะพ่อ ท่านไม่สามารถปกป้องลูกของตัวเองได้! ตอนนี้เด็กคนนั้นมีแต่ความโกรธเคือง แม้ว่าพวกข้าจะพยายามสอนเขาอย่างดีที่สุด แต่เงามืดในวัยเด็กจะติดตามเขาไปตลอดกาล!”
เฉินผิงอันส่ายหัวซ้ําแล้วซ้ําเล่า “ไม่! ข้าเองก็ตั้งใจจะส่งเขาไปโรงเรียน! เขาจะไม่ล่าช้าแม้ว่าจะอยู่ที่บ้าน!”
“ใช่แล้ว ท่านกําลังวางแผนที่จะส่งเขาไปเรียน! แล้วผลลัพธ์คืออะไร? โยนเขาให้เฉินเฉิงเย่? วันแรกที่เฉินเฉิงเย่สอนเขาก็ทุบตีจนเขาลงไปกองอยู่กับพื้น หากข้าไปไม่ทัน ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไร!”
“จากนั้นหลินชวนฮวาก็เป่าหูท่าน จนท่านคิดว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนมีพรสวรรค์! แต่ตอนนี้เขาเพิ่งได้เล่าเรียนอย่างจริงจัง และอาจารย์ของเขาจะให้เขาเข้าร่วมการสอบซิ่วไฉในปีหน้า! เฉินผิงอัน ท่านไม่ใช่แค่ตาบอด แต่หัวใจยังมืดดํา!”
หยุนเถียนเถียนมองเฉินผิงอันที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาซีดเผือดเพราะคําพูดของนาง จึงทําร้ายเขาต่อไปไม่ลง เพียงแค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และหันหลังเดินออกจากลานบ้านของเฉินผิงอัน!
ลานบ้านดูรกไปหน่อยเพราะไม่มีภรรยาคอยดู เมื่อมองดูบ้านที่รกร้าง เฉินผิงอันคิดว่าเขาอยู่คนเดียวแล้ว จึงถอดผ้าคาดเอวออก แล้ววางไว้บนคานหลังคา
จากนั้นก็นั่งลงที่ธรณีประตูและสูบยาสูบไปหนึ่งห่อ
หยุนเถียนเถียนกําลังเดินไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน แน่นอนว่ามีรองเท้าปักอยู่ในตะกร้าในมือของนาง! ดังนั้นนางจึงไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเฉินผิงอันเกือบมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย!
หรือที่คาดเอวอยู่บนคานบ้าน อาจจะรู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกว่าเฉินผิงอันจะมีความขัดแย้งในใจ!
ทุกครั้งที่หัวหน้าหมู่บ้านเห็นหยุนเถียนเถียนมาที่ประตู เขามักจะรู้สึกกังวลใจอยู่เสมอว่ามีบางอย่างที่เขาต้องรับมือ!
ก่อนหน้านี้เขาถูกขอให้จัดการเรื่องดีๆ และครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านก็ได้รับประโยชน์มากมายจากสิ่งเหล่านั้นเช่นกัน! แต่วันนี้ใบหน้าของหยุนเถียนเถียนนั้นมืดมน ดูเหมือนว่าจะมีไม่มีอะไรดีเกิดขึ้น!
เฉินซึ่งถามอย่างระมัดระวัง ” แม่หนูหยุน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? มีอะไรหรือ? บอกหัวหน้าหมู่บ้านมาว่าเกิดอะไรขึ้น! ข้าจะช่วยตัดสินให้หากทําได้!”
หยุนเถียนเถียนเดินตามหัวหน้าหมู่บ้านและนั่งลงบนเก้าอี้ แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดไม่นานมานี้หัวหน้าหมู่บ้านจึงสุภาพกับนางขึ้น หรือเพราะผลประโยชน์เหล่านั้น!
แต่เมื่อวันนี้มาแล้ว อะไรที่ควรพูดก็ต้องพูด!
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้านคงจะไม่รู้ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าพบว่าแม่กุญแจที่ประตูโรงงานถูกเคลื่อนย้าย ข้าจึงเก็บความสงสัยไว้ในใจ และเอาสุนัขตัวเล็กๆ เข้าไปไว้ข้างในโรงงาน! แม้ว่ามันจะไม่กัดคน แต่เมื่อได้ยินเสียงมันก็ยังเห่าได้!”
“เมื่อคืนข้าได้ยินเสียงหมาเห่า ทุกคนในบ้านจึงลุกไปดู! เมื่อพวกข้าไปถึงหน้าโรงงาน ก็เห็นเพียงบันไดไม้ที่พาดอยู่ข้างกําแพงและรองเท้าปักที่ตกอยู่!”
“ชัดเจนแล้วว่ามีคนอยากปินขึ้นไปบนหลังคาแล้วแอบเข้าไปในโรงงานของข้า! แต่ที่ไหนได้ข้ามีหมาเฝ้าอยู่ จึงตกใจกับเสียงเห่าร้อง และทํารองเท้าหล่นหายด้วยความตื่นตระหนก”
สีหน้าของหัวหน้าหมู่บ้านกลายเป็นเคร่งขรึม “คนในหมู่บ้านต่างเป็นคนเรียบง่ายและซื่อสัตย์นานแล้วที่ไม่มีขโมยเช่นนี้!”
สีหน้าของหยุนเถียนเถียนไม่ค่อยสู้ดีนัก หัวหน้าหมู่บ้านจึงเห็นใจนางยิ่งขึ้น!
“หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านก็รู้ว่าทุกคนย่อมยินดีไม่ว่าข้าจะสร้างโรงงานขึ้นที่ใด และไม่จําเป็นต้องสร้างในหมู่บ้านของเราด้วยซ้ํา เหตุผลที่ข้าทําเช่นนี้ก็เพราะเห็นแก่ความเมตตาของคนในหมู่บ้านตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ข้าอดไม่ได้ที่จะหวาดระแวง! ไม่ว่าคนผู้นั้นจะต้องการในกําแพงเข้ามาทําอะไร ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่ท่านและข้าจะสามารถชดใช้ได้!”