ตอนที่ 76 หลุมศพที่โดดเดี่ยว

“ชายที่แตกต่างจากทุกคนบนโลกใบนี้” ชิวเยวี่ยถงถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้นมาช้าๆ สีหน้าของนางแสดงความจริงจังออกมาทันทีไม่มีใครรู้ว่าทำไมนางถึงแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา แม้แต่หญิงสาวฝาแฝดที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุดก็ไม่อาจเข้าใจเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

แต่ชิวเยวี่ยถงก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกและกลับไปที่ห้องของนาง ส่วนชิวจูและชิวเหม่ยนั้นได้แต่หันมามองหน้ากันและแยกย้ายไปทำงานของตนเอง

คำพูดของซูจินหลุนนั้นดูเหมือนว่าจะถูกลืมเลือนไปแล้ว

พระอาทิตย์เริ่มตกดินและความมืดก็เริ่มเข้ามาปกคลุมโลกใบนี้ มู่อี้เดินออกมาจากที่ซ่อนตัวของเขาในตอนนี้ นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ฉีต้ายังคงเป็นคนที่เดินนำมา เขาสามารถเดินขึ้นมาบนภูเขาได้อย่างราบรื่นและรู้ดีว่าจุดไหนบ้างที่เป็นจุดอับสายตาบนภูเขาแห่งนี้

ในขณะเดียวกันกลางคืนก็เป็นช่วงเวลาที่เนี่ยนหนิวเอ้อร์สามารถแสดงฝีมือของนางออกมาได้ด้วยเช่นกันผู้คนมากมายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดนั้นต่างก็ถูกนางสังหารไปอย่างรวดเร็ว ในสายตาของฉีต้านั้นมู่อี้ได้กลายเป็นคนที่น่าสะพรึงกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในตอนนี้เขาไม่อาจมองเห็นเนี่ยนหนิวเอ้อร์ได้เลย

แต่เขาเห็นว่าทุกๆครั้งที่มีเสียงหวีดหวิวขึ้นมาในความมืดนั้นมู่อี้ก็จะหันไปมองตำแหน่งที่เสียงดังขึ้นมาและจากนั้นก็จะเดินตรงเข้าไปที่ตำแหน่งนั้นทันที ในตอนแรกฉีต้าก็รู้สึกกังวลอยู่บ้างแต่ในท้ายที่สุดเขาก็อดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าเสียงหวีดหวิวที่ดังขึ้นมานั้นมันคือเสียงอะไร มันเหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังผิวปากอยู่ในความมืดตรงหน้าเขาแต่เมื่อเข้าไปดูก็เห็นว่าเป็นศพของมนุษย์ที่ตายอยู่ภายในเงามืด

มู่อี้ได้กลายมาเป็นบุคคลที่น่าตกตะลึงในสายตาของเขา

พวกเขาค่อยๆเดินทางเข้าใกล้หมู่บ้านของโจรภูเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนที่จะเข้าไปในหมู่บ้านนั้นมู่อี้ก็หยุดเดินอย่างกะทันหันและแม้แต่ใบหน้าของเขาก็ดูเคร่งขรึมมากยิ่งขึ้นในตอนนี้

ฉีต้ารู้สึกอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในตอนนี้เขาก็เห็นว่ามู่อี้เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหลุมศพที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวข้างถนนขึ้นภูเขา

แม้ว่าแสงจันทร์ที่ส่องลงมาจะไม่ได้สว่างมากนักแต่ฉีต้าก็สามารถมองเห็นหลุมศพตรงหน้าเขาได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาเห็นท่าทีที่มู่อี้มีต่อหลุมศพนี้ เขากระซิบขึ้นมาเบาๆเพื่ออธิบายทันที “ท่านนักพรต นี่คือหลุมศพของหัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาคนเก่าซึ่งเป็นผู้ที่สร้างหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นมา เขาถูกฝังอยู่ที่นี่หลังจากตายไปและแม้แต่ป้ายหน้าหลุมศพก็ไม่อนุญาตให้ตั้งเอาไว้ขอรับ”

“หัวหน้าคนเก่าของกลุ่มโจรภูเขางั้นหรือ?” มู่อี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและเขาก็พยักหน้า

“แม้แต่หลุมศพก็ตั้งอยู่โดดเดี่ยวข้างถนน หัวหน้าคนเก่าของโจรภูเขาผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ” มู่อี้พูดขึ้นมาทันที

ทันทีที่เสียงของเขาพูดขึ้นมาฉีต้าก็รู้สึกได้ถึงลมเย็นที่พัดเข้ามาจากด้านหลังของตนเองและขนของเขาก็ลุกขึ้นมาทันที

ในฐานะที่เป็นสายลับฝีมือเก่งกาจคนหนึ่ง ประสาทการรับรู้ของฉีต้านั้นถือว่ายอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่สายตาของผู้คนที่จ้องมองมาที่เขาโดยไม่ได้ตั้งใจเขาก็ยังรู้สึกได้

ในตอนนี้ฉีต้ารู้สึกเหมือนกับว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่และเขาก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขารู้สึกราวกับว่าตอนนี้ตนเองกำลังอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตและเขาอาจจะตายได้ตลอดเวลา

“เหตุใดท่านผู้ยิ่งใหญ่ถึงต้องไปรังแกคนธรรมดาด้วยขอรับ?” ในตอนที่ฉีต้ายืนนิ่งไม่กล้าขยับไปไหนและคิดว่าตัวเองกำลังจะตายนั้น มู่อี้ก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งและจากนั้นก็มีแสงสีขาวล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ ร่างกายที่หนาวเย็นและยืนนิ่งไม่กล้าขยับไปไหนของฉีต้าก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

“ท่านลงเขาไปก่อนแล้วรอข้าอยู่ที่นั่น” เมื่อมู่อี้พูดจบ ฉีต้าที่กลับมาขยับได้อีกครั้งก็รีบวิ่งลงเขาไปทันทีหลังจากที่ทำความเคารพมู่อี้ครั้งหนึ่ง

“พรึบ!”

หลังจากฉีต้าจากไปก็ตามมาด้วยลมที่เต็มไปด้วยพลังหยินพัดอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดจนชุดคลุมของมู่อี้ต้องปลิวไปตามสายลมทันที

“โฮก!”

ในตอนนี้เนี่ยนหนิวเอ้อร์ที่ซ่อนตัวไม่ให้ฉีต้าได้เห็นนางนั้นก็ปรากฏตัวออกมา นางยืนอยู่ข้างๆมู่อี้พร้อมกับจับมือของมู่อี้ด้วยมือเล็กๆของนางและคำรามใส่หลุมศพที่อยู่ตรงหน้า

ฟังดูอาจจะแปลกประหลาดแต่เสียงคำรามของเนี่ยนหนิวเอ้อร์นั้นไม่ได้ดังมากนัก แต่สายลมพลังหยินที่พัดอยู่ก่อนหน้านี้ก็หายไปทันทีและแสงจันทร์ก็ดูจะสว่างขึ้นเล็กน้อย แสงจันทร์ทอดยาวอยู่เหนือหลุมศพแห่งนี้และมีเพียงเงาเดียวเท่านั้นที่ฉายลงมาบนพื้นดินนั่นคือเงาของมู่อี้

“หัวหน้าคนก่อนของกลุ่มโจรภูเขาได้เข้าบุกเบิกภูเขาลูกนี้จนกลายเป็นหมู่บ้าน เขาได้รับเงินจากการเก็บค่าผ่านทางและแม้ว่าเขาจะตายไปแล้วเขาก็ยังคงอยู่ที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าเขาจะยอมรับเงินกระดาษของข้าหรือไม่?”

ในที่สุดหลังจากที่เสียงของมู่อี้หยุดลงก็มีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นเหนือหลุมศพที่โดดเดี่ยวแห่งนี้ซึ่งมันดูคล้ายคลึงกับภาพลวงตาและยังดูพร่ามัวอย่างยิ่งแต่มู่อี้ก็ไม่ได้ประมาทในตอนนี้ แม้ว่าจะมีเพียงแค่เงาแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคือภัยคุกคามอย่างแน่นอน

มู่อี้ถือธงราชันย์แห่งวิญญาณเอาไว้ในมือขวาของเขาที่อยู่ใต้แขนเสื้อและมืออีกข้างหนึ่งก็จับยันต์สายฟ้าเอาไว้

มู่อี้จ้องมองไปที่เงาดำที่อยู่บนหลุมฝังศพและรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากเงาดำนั้น นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันที่มาจากภูเขาเสี่ยวหานด้วยเช่นกัน

ดูเหมือนว่าถ้าหากเงาดำนี้แสดงความโกรธออกมาภูเขาเสี่ยวหานก็จะแสดงความโกรธออกมา ถ้าหากเงาดำนี้มีความสุขภูเขาเสี่ยวหานก็จะมีความสุขด้วยเช่นกัน

มู่อี้นึกถึงภูมิประเทศของภูเขาเสี่ยวหานแห่งนี้และจากนั้นก็จ้องมองไปที่หลุมศพตรงหน้าอีกครั้ง เขาพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้เรื่องศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยมากมายนักและเทียบไม่ได้กับพวกหมอดูซินแสเหล่านั้น แต่เขาก็พอมองออกเลยว่าฮวงจุ้ยที่ดีหรือไม่ดีนั้นเป็นอย่างไร

ภูเขาเสี่ยวหานมีภูมิประเทศที่สูงต่ำสลับกัน มีภูเขาและแม่น้ำรายล้อมทั่วทุกด้านย่อมไม่เหมาะสมที่จะใช้อยู่อาศัย

การที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ แม้ไม่อาจพูดได้ว่าคนเหล่านั้นจะยากจนและย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ แต่คนเหล่านั้นเหมือนกับติดกับดักแห่งความตายและต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆและไม่อาจแก้ไขอะไรได้เลย

เกิดและตายอยู่ที่นี่และคนรุ่นต่อไปก็จะยากจนและย่ำแย่ลงไปมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วลูกหลานของพวกเขาก็จะเกิดมาเป็นเสมือนภาระ

แต่ในตอนนี้หมู่บ้านของกลุ่มโจรภูเขานั้นดูเหมือนจะไม่ได้ติดอยู่ในกับดักที่ว่านั่นเลย เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนที่ได้เปลี่ยนแปลงพื้นที่บริเวณนี้และเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของทุกๆคนที่อยู่ที่นี่

ดูจากหลุมศพของหัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาคนเก่าของกลุ่มโจรภูเขาแล้ว มู่อี้ก็เข้าใจขึ้นมาทันที

“ท่านหัวหน้า ท่านหัวหน้าเจ้าคะ มีแสงไฟ มีแสงไฟ” ชิวจูรีบวิ่งมาที่บ้านของชิวเยวี่ยถงอย่างรวดเร็วและตะโกนเสียงดังออกมาทันที

“แสงไฟอะไรกัน?” ชิวเยวี่ยถงเดินออกมาจากบ้านและจ้องมองที่ชิวจูด้วยสีหน้าที่งุนงงเล็กน้อย

“เป็นแสงไฟ แสงไฟจากตะเกียงที่ท่านหัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาคนเก่าทิ้งเอาไว้ในศาลาบรรพบุรุษเจ้าค่ะ” ชิวจูหายใจเข้าลึกๆและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว

ศาลาบรรพบุรุษที่หัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาคนเก่าสร้างขึ้นมานั้นถือเป็นที่ลี้ลับอย่างยิ่ง คนส่วนใหญ่ในกลุ่มโจรภูเขาต่างก็ไม่เคยทราบเรื่องนี้เลยและศาลาบรรพบุรุษก็ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้เสมอจนเริ่มเกิดความทรุดโทรมขึ้นมา ภายในศาลานั้นนอกจากธูปที่ถูกจุดเพื่อกราบไหว้บรรพบุรุษอย่างต่อเนื่องแล้วมีเพียงตะเกียงที่หัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาคนเก่าทิ้งเอาไว้เท่านั้น ในตอนนี้การที่อยู่ๆตะเกียงสว่างขึ้นมาย่อมไม่เชื่อเรื่องธรรมดาอย่างแน่นอน

หัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาคนเก่าก่อนที่ท่านจะตายไปได้บอกเอาไว้ว่าตะเกียงอันนี้เกี่ยวข้องกับโชคชะตาของผู้คนทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ ถ้าหากตะเกียงนี้ถูกจุดขึ้นมานั่นหมายความว่าหมู่บ้านแห่งนี้กำลังจะตกอยู่ในความอันตรายหรือมีภัยคุกคามกำลังเข้ามาที่นี่

ผ่านมานานหลายปีเรื่องที่หัวหน้ากลุ่มโจรภูเขาคนเก่าพูดเอาไว้นั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย แม้ว่าชิวเยวี่ยถงจะพยายามจุดตะเกียงนี้ขึ้นมาด้วยเปลวไฟแต่นางก็พบว่าตะเกียงนี้ไม่มีทางติดขึ้นมาเลยและนางก็คิดว่าตะเกียงอันนี้คงไม่มีทางส่องแสงออกมาได้อีกครั้งแน่นอนเพราะนางมั่นใจว่าตราบใดที่นางอยู่ที่นี่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีทางถูกทำลายอย่างแน่นอน

เมื่อเวลาผ่านไปนางก็เริ่มหลงลืมตะเกียงที่ถูกทิ้งเอาไว้ในศาลาบรรพบุรุษนี้แล้ว

จนกระทั่งตอนนี้เมื่อนางได้ยินคำพูดของชิวจูความคิดก็พุ่งทะลุจิตใจของนางออกมาทันที นางรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วและทิ้งชิวจูให้ยืนอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว

ชิวจูมองเข้าไปในบ้านที่ว่างเปล่า หลังจากที่หายเหนื่อยนางก็รีบตามหัวหน้าของตนเองไปทันที

ด้านหลังของหมู่บ้านแห่งนี้มีศาลาบรรพบุรุษที่ทรุดโทรมหลังหนึ่งตั้งอยู่ ในตอนนี้มีคนหลายคนที่รวมตัวกันอยู่ที่นั่น ชิวเยวี่ยถง ฝาแฝดทั้งสองคน และชายชราที่มีหน้าที่ดูแลศาลาบรรพบุรุษแห่งนี้ ทุกๆคนต่างก็มองเข้าไปในศาลาบรรพบุรุษและจ้องมองไปที่ตะเกียงที่กำลังส่องแสงออกมา