บทที่ 123 แบบร่างคันธนูและหน้าไม้

ในนิยาย กู้อิ๋นคาดเดาตัวตนของคนที่ทิ้งแบบแปลนอาวุธไว้ นางเชื่อว่าเขาเป็นทายาทของสกุลโม่ แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ช่างไม้ที่สามารถออกแบบคันธนูและหน้าไม้เช่นนี้ได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา

ชายชราที่เว่ยฉิงเจอในคุกจะเป็นปรมาจารย์แห่งการสร้างอาวุธจริงหรือ?

ถังหลี่ไม่ได้รู้สึกว่าตนกำลังขโมยของกู้อิ๋น เพราะตามจริงแล้วหลังจากที่ได้กลับมาเกิดใหม่ กู้อิ๋นเองก็ได้ช่วงชิงของคนอื่นไปมากมาย

หลังจากที่นางได้คันธนูและหน้าไม้มา กู้อิ๋นรู้ถึงความสำคัญของมันทันที หญิงสาวกลัวว่าความลับของตนจะถูกชาวนาผู้นี้เปิดเผย นางจึงฆ่าปิดปากเขาเสีย ชาวนาผู้นี้ใจดีรับนางเขามาในครอบครัวโดยไม่รู้เลยว่ามันคือการนำหายนะมาสู่ตนเอง ดังนั้นของชิ้นนี้ไม่สมควรเป็นของกู้อิ๋นอย่างเด็ดขาด!

ในทางตรงกันข้ามผู้เฒ่าหยินกลับมอบให้เว่ยฉิงด้วยความเต็มใจ

เว่ยฉิงเป็นนักล่าสัตว์อยู่แล้ว หลังจากที่พลิกกระดาษดูสองสามหน้า ชายหนุ่มก็ตระหนักถึงพลังของหน้าไม้ในมือนี้ เขารีบเก็บกระดาษทั้งหมดใส่เข้าไปในกล่องตามเดิม

“ฮูหยิน อย่าบอกเรื่องนี้กับผู้ใด” เว่ยฉิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

หากไม่แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมได้ มันก็จะนำความเดือดร้อนมาให้ มนุษย์นั้นมีความโลภซึ่งจะนำภัยมาสู่ตัวเหมือนกับชาวนาในนิยายผู้นั้น…

สามีของนางตัดสินใจได้อย่างรอบคอบมาก

“เอาไปซ่อนไว้อย่าให้ใครรู้” ถังหลี่พยักหน้า

ชายหนุ่มขุดดินและฝังมันลงไปอีกครั้ง ก่อนจะกลับบ้านไปพร้อมกับภรรยา ทั้งคู่ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับกล่องไม้ใบนี้อีกเลย

…………..

เว่ยฉิงอยู่กับภรรยาของเขาระยะหนึ่ง หลังจากที่มั่นใจว่าสภาพจิตใจของนางดีขึ้นแล้วเขาจึงกลับไปทำงานที่จวนสกุลเซี่ย

นายท่านเซี่ยไปงานเลี้ยงฉลองของพวกบัณฑิตและค้างแรมนานกว่าสิบวันก่อนจะกลับมาที่เหยาสุ่ย และเมื่อกลับมาถึง ทันทีที่ชายชราได้ยินข่าวของเว่ยฉิง เขารีบติดตามอย่างใกล้ชิดทันที เมื่อรู้ว่าเว่ยฉิงไม่มีอันตรายเขาถึงได้โล่งใจ

“คราวหน้าหากมีอะไรเกิดขึ้นอีก เจ้าให้คนมาหาข้าได้เลย แม้ว่าตัวข้าจะไม่ได้มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่ข้าพอจะรู้จักคนสองสามคน”

นายท่านเซี่ยดีกับเขามาตลอด เว่ยฉิงพยักหน้าอย่างใส่ใจ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“ขอบคุณนายท่าน คราวนี้เป็นเหตุด่วนข้าถูกขังอยู่ในคุกไม่สามารถทำอะไรได้ เป็นภรรยาของข้าที่หาทางช่วยเหลือ”

“เจ้าได้ภรรยาที่ดี”

นายท่านเซี่ยรู้สึกประทับใจในภรรยาตัวน้อยของเว่ยฉิงที่เขาไม่เคยพบมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าเว่ยฉิงจงใจที่จะปฏิเสธเขา ชายหนุ่มจึงเอาแต่สรรเสริญเยินยอภรรยาของเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสตรีผู้นี้จะมีความสามารถเช่นเดียวกับที่เว่ยฉิงอวดเอาไว้จริง ๆ

หลังจากที่เว่ยฉิงกล่าวขอบคุณนายท่านเซี่ย ชายหนุ่มก็ขอตัวไปทำงานต่อ ในตอนนั้นเองเว่ยฉิงรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ราวกับว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่เขาตลอดเวลา

เว่ยฉิงลองเปลี่ยนสถานที่อยู่สองสามครั้ง สถานที่บางแห่งนั้นไม่สามารถหลบซ่อนได้เลยแต่เขาก็ยังรู้สึกถึงการจับจ้องอยู่เช่นเดิม หากเป็นเช่นนี้ก็มีอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือเขาอาจจะคิดไปเอง ส่วนอีกอย่างก็คือทักษะของอีกฝ่ายนั้นดีมาก

เว่ยฉิงคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไรที่จู่ ๆ ก็มีคนมาจับจ้องมองตามเช่นนี้ ทว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกจากรอคอยอย่างเงียบ ๆ เว่ยฉิงยังคงทำตัวเป็นปกติอย่างเช่นเดิม ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องเขาอยู่ตลอดวัน โดยไม่มีการเคลื่อนไหวจู่โจมใด ๆ

กลางดึกคืนนั้นหลังจากที่เขานอนหลับก็มีเสียงเคาะที่บานหน้าต่างห้องนอนของเขา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะดังขึ้นสี่ครั้ง

เว่ยฉิงลืมตาขึ้นทันที ดวงตาสีเข้มจับจ้องไปที่หน้าต่าง ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าเจ้าของดวงตาคู่ที่ได้เฝ้ามองเขามาทั้งวันได้มาหาเขาแล้ว!

เขาไม่ชอบความรู้สึกของการตกเป็นเหยื่อ หากมีใครเข้ามาทำร้าย เว่ยฉิงเลือกที่จะสู้จนตัวตาย ขย้ำคอศัตรูจนเนื้อขาดวิ่น ทว่าหลังจากที่ได้พบกับถังหลี่เขารู้สึกหวงแหนชีวิตของตนเองมากขึ้น

แต่ไม่ว่าตอนนี้เขาจะหวงแหนมันสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้

เพียงแต่เขาต้องการรู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร และมีจุดประสงค์เช่นไร

เว่ยฉิงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เขาลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า เปิดประตูออกไป เมื่อเห็นเงามืดผ่านหน้า ขาเรียวยาวของเว่ยฉิงก้าวตามเงานั้นไปทันที ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังจงใจชะลอความเร็ว ทำให้เว่ยฉิงสามารถตามเขาไปได้อย่างง่ายดาย เขาแฝงตัวในความมืดลัดเลาะออกไปจากจวนสกุลเซี่ย จนในที่สุดก็มาหยุดที่บ้านหลังหนึ่ง

เว่ยฉิงเดินไปที่ประตูบ้านลงมือเคาะประตู ไม่นานนักบานประตูจึงค่อย ๆ เปิดออก ด้านหลังประตูเป็นชายชราผู้หนึ่งแต่งกายในชุดสีดำ เขาแสดงความเคารพอย่างนอบน้อมต่อเว่ยฉิง

“นายน้อยโปรดเข้ามาด้านในก่อน นายท่านกำลังรอพบท่านอยู่ด้านใน” เขาทำท่าทางเชื้อเชิญเว่ยฉิง

ชายหนุ่มก้าวตามชายชุดดำไป คนผู้นั้นหันกลับมามองเว่ยฉิงบ่อยครั้ง

“วันนี้ทั้งวัน เจ้ายังมองข้าไม่พออีกหรือ?”

เว่ยฉิงขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงเคืองขุ่น

แทนที่อีกฝ่ายจะโกรธ เขากลับคลี่ยิ้มออกมา

“ข้าเห็นนายน้อยดูเหมือนสหายเก่าข้ายิ่งนัก ทำให้ข้าคิดถึงเขาจนอดไม่ได้ที่จะมองดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขออภัยด้วย”

เว่ยฉิงขมวดคิ้วไม่สนใจเขาอีก

ตอนนี้เขากำลังอยู่ในลานบ้านหลังหนึ่ง ลานแห่งนี้มีทางเข้าอยู่สามทาง ทางออกสามทาง มีอาณาบริเวณใหญ่มาก คนทั้งสองเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้อง ชายชุดดำเคาะประตู เมื่อประตูเปิดออกเขาจึงผายมือเชื้อเชิญให้เว่ยฉิงเข้าไปข้างใน

“นายท่านกำลังรอนายน้อยอยู่ข้างใน”

เมื่อเขาก้าวเข้าไปประตูก็ปิดลงทันที

ภายในห้องนี้มีเทียนไขให้ความสว่างอยู่ภายใน เว่ยฉิงสังเกตเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ในรถเข็นหันหลังให้เขา เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดเขาจึงค่อย ๆ หันมาหาเว่ยฉิงอย่างช้า ๆ เขาใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ ดวงตาจับจ้องผู้ที่เข้ามาอย่างตื่นเต้น

“อะ…ฉิง อาฉิง! เป็นเจ้าจริงๆ!”

“อาฉิงมานี่สิ”

เว่ยฉิงเดินไปหาชายผู้นี้ อีกฝ่ายมองเขาอย่างเอาใจใส่ เขายื่นมือออกมาทำท่าอยากแตะต้องเนื้อตัวเว่ยฉิง ชายหนุ่มจึงคุกเข่าลงเขาเกิดความรู้สึกทั้งเจ็บปวดและขมขื่นใจคละเคล้ากันอย่างบอกไม่ถูก บุรุษที่นั่งอยู่ในรถเข็นเอื้อมมือมาลูบหัวเขาเบา ๆ ก่อนจะดึงตัวเขาขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ข้างกาย

“อาฉิงเจ้าโตแล้ว” น้ำเสียงของเขาโล่งใจ

“ท่านคือบิดาข้าหรือ?” เว่ยฉิงจ้องเขา

“แค่ก แค่ก!” ชายคนนั้นไออย่างรุนแรงอยู่พักหนึ่ง หากตอนนี้ถอดหน้ากากออกจะเห็นได้เลยว่าใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว

“ข้าคือลุงสามของเจ้า อาฉิง เจ้าจำไม่ได้หรือ?”

“ข้าสูญเสียความทรงจำก่อนอายุแปดขวบของข้าไปจนหมดสิ้น” เว่ยฉิงส่ายหัว

“ในตอนนั้นตระกูลของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ข้าพาเจ้าหนี หากแต่มีคนมาขวางไว้ ทำให้พวกเราต้องแยกกัน…อาฉิง แค่เห็นเจ้าปลอดภัยดีข้าก็มีความสุขแล้ว หากเจ้าลืมมันไปก็อย่ารื้อฟื้นอีกเลย มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักหรอก ”

เขากวาดตามองดูมองเว่ยฉิงตั้งแต่หัวจรดเท้า…หลานชายของเขาสบายดี ยังมีชีวิตอยู่ ไม่แขนขาด ขาขาดหรือพิการแต่อย่างใด เขารูปร่างสูงใหญ่ หล่อเหลา แข็งแรงสมชายชาตรี นับว่าเป็นเรื่องดีอย่างที่สุดแล้ว

จมูกของเขาแสบเคือง รู้สึกอยากจะร้องไห้ ไม่…ลูกผู้ชายสกุลเซียวไม่เคยหลั่งน้ำตา นี่คือสิ่งที่บรรพบุรุษสอนเอาไว้

“ลุง…ท่านลุง…” เว่ยฉิงพูดอย่างเคอะเขิน

“ข้าเป็นใครหรือ?”

คนทุกคนย่อมอยากรู้เกี่ยวกับความทรงจำที่เขาหลงลืมไป เว่ยฉิงก็เช่นกัน

ชายชราที่เรียกตนเองว่าลุงสามไม่ตอบเขาแต่ถามถามกลับว่า

“อาฉิง เจ้าอยากไปกับลุงหรือไม่?”

“ไปที่ใด?”

“เมืองหลวง”

“ไม่ ข้าไม่อยากไป” เว่ยฉิงส่ายหัวอย่างแน่วแน่

“เพราะเหตุใดเล่า?”

“ข้ามีภรรยาและลูกแล้ว ข้าอยากอยู่กับพวกเขา” เว่ยฉิงไม่อ้อมค้อม

เขาแค่ต้องการมีชีวิตที่สงบสุขแก่เฒ่าไปกับภรรยาเท่านั้น หากเขาไปที่ซ่างจิง ชีวิตที่สงบสุขของเขากับถังหลี่จะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ชายหนุ่มไม่ต้องการให้นางและลูกๆตกอยู่ในอันตราย

—————-