บทที่ 124 ท่านลุงสาม
“อาฉิงของพวกเราแต่งงานมีภรรยาแล้วหรือ?” เซียวซานหลางหัวเราะ
ตอนนั้นหลานชายเขายังเป็นเพียงเจ้าหัวไชเท้าน้อยอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับแต่งงานมีภรรยาแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ
“ภรรยาของเจ้าสวยหรือไม่?”
“งดงามราวกับเทพธิดาเลยทีเดียว” รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นอย่างห้ามใจไม่อยู่
“เจ้ามีลูกกี่คนแล้วล่ะ?”
“ข้ามีลูกสามคน”
“ดี ดี ดียิ่ง!” เซียวซานหลางอุทานซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างยินดี
“หากเป็นเช่นนี้แล้วลุงจะไม่ขอเล่าเรื่องอดีตให้เจ้าฟังอีก ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว!” เว่ยฉิงพยักหน้ารับ เขาไม่ถามอะไรอีก
ทั้งสองคนพูดคุยสนทนากันอีกครู่ใหญ่ ท่านลุงของเขาจึงท้วงขึ้นมาว่า
“อาฉิง ผ่านไปค่อนคืนแล้ว ได้เวลาที่เจ้าต้องกลับไปแล้วล่ะ”
“ขอรับ ข้าต้องกลับแล้ว” เว่ยฉิงพยักหน้ารับ
“อาฉิง ….ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้เสีย แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเถิด” แววตาของเซียวซานหลางมืดลง
ชายหนุ่มเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวทันที เขาเม้มปากพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะเดินออกจากประตู ทันใดนั้นก่อนที่จะก้าวออกไปเขาชะงักฝีเท้า เว่ยฉิงหันหลังกลับไปมองลุงสามของตนอีกครั้งก่อนจะจากไป
สายตาของเซียวซานหลางมองตามหลังหลานชายไปจนลับสายตา ชายชุดดำเดินเข้ามาอยู่ข้างกายของเซียวซานหลาง
“นายท่าน…ท่านจะไม่พานายน้อยไปด้วยหรือ?” ชายชุดดำถามขึ้น
“อาฉิงไม่ต้องการไปกับเราหรอก ปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว”
“แต่ว่าถ้ามีนายน้อยล่ะก็ ทุกอย่างจะง่ายขึ้นนะขอรับ”
“ลุงเฮย น้องเล็กของข้าเฝ้าแต่อ้อนวอนขอให้อาฉิงมีสุขภาพแข็งแรง ส่วนความปรารถนาของข้าก็แค่ให้หลานชายข้าปลอดภัย ต่อให้ต้องผ่านความทุกข์ยากจนมือเปื้อนเลือดเพียงใดข้าก็จะเป็นคนทำมันเอง !”
“ขอรับนายท่าน ถ้าวิญญาณของคุณหนูเหมยรับรู้ นางจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอนที่นายน้อยยังมีชีวิตอยู่อีกทั้งมีชีวิตที่ดีเช่นนี้”
……
เว่ยฉิงกลับไปที่จวนสกุลเซี่ย เขาล้มตัวลงนอนแต่นอนไม่หลับได้แต่พลิกตัวไปมาไม่อาจข่มตาลงได้ ภาพบางอย่างแวบผ่านเข้ามาในความคิดดูคลุมเครือไม่ชัดเจนจนเว่ยฉิงรู้สึกปวดหัว แต่ชายหนุ่มไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันคืออะไรกันแน่
ในขณะที่ใกล้จะรุ่งสางจู่ ๆ ภาพ ๆ หนึ่งก็ผ่านเข้ามาในความคิด ดาบเล่มหนึ่งกำลังแทงมาที่เขา ทันใดนั้น ก็ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งเข้ามาขวางรับดาบเล่มนั้นแทนเขา !
ท่านลุง!
เว่ยฉิงลืมตาตื่นขึ้นทันที เขาไม่สบายใจมากจนถึงกับลางานกับนายท่านเซี่ยหนึ่งวัน ชายหนุ่มรีบไปที่บ้านหลังนั้น แต่กลับพบว่า ลานบ้านนั้นว่างเปล่า รกร้าง เต็มไปด้วยวัชพืชและใยแมงมุมไม่มีร่องรอยของผู้อาศัยอยู่เป็นเวลานานแล้ว
เว่ยฉิงเดินเข้าไปในห้องที่เขาพบกับลุงของตนเมื่อคืนอีกครั้ง หลังจากเปิดประตูออกจึงเห็นว่าห้องว่างเปล่า มีแต่เตียงนอนเก่าแทบพังจับฝุ่นหนา ไม่มีร่องรอยของผู้ใดเลย
ราวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น
ชายหนุ่มเดินไปที่เป่าชิงเก๋อด้วยความงุนงง เมื่อเห็นภรรยาเขาเข้าไปกอดนางไว้ทันที หลังจากที่เว่ยฉิงกอดถังหลี่ไว้ในอ้อมแขนสักพักเขาจึงได้รู้สึกตัวอีกครั้ง
ถังหลี่รู้สึกว่าสามีของนางกำลังสับสนอย่างบอกไม่ถูก นางกอดเขาแล้วลูบหลังเขาเบา ๆ อย่างปลอบปละโลม
“สามี…เกิดอะไรขึ้นหรือ?” หญิงสาวถามอย่างเป็นห่วง
“ฮูหยิน ข้าแค่คิดถึงเจ้า” น้ำเสียงของเว่ยฉิงฟังดูแข็งทื่อ
“จูบข้าหน่อยได้หรือไม่?”
ถังหลี่มองไปรอบ ๆ นางเห็นผู้คนขวักไขว่ไปมา ไม่ไกลนักมีสตรีที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่สองสามคน พวกนางกำลังมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาล้อเลียน พอเห็นเช่นนั้นนางถึงกับหน้าแดงก่ำ ถังหลี่ดึงสามีเข้าไปในห้องปิดประตู เขย่งกายขึ้นจูบริมฝีปากของเว่ยฉิง
ถังหลี่จูบเขาอย่างเต็มใจ หลังจากภรรยาจุมพิตเขาแล้วเจ้าลูกหมาตัวใหญ่ที่ซึมเศร้าก็เปลี่ยนเป็นเสือดาวที่ดุร้ายในทันที อารมณ์ของเว่ยฉิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเขาก็กลับสู่สภาวะปกติ
เว่ยฉิงรังแกภรรยาของตนเองอย่างร้อนแรง ก่อนจะกลับไปที่จวนสกุลเซี่ยเพื่อทำงานต่อ หญิงสาวมองสามีที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกสับสนเมื่อนางเห็นว่าตัวเว่ยฉิงนั้นไม่ปริปากพูดอะไร ถังหลี่จึงไม่ถามอะไรต่ออีก
หากเว่ยฉิงต้องการจะพูด เขาก็คงพูดออกมาเอง
…………
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ใกล้ถึงวันที่แปดเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งเป็นวันแต่งงานของหลันฮวาและจูเฉิง ถังหลี่เฝ้ามองหลันฮวาเติบโตขึ้นทีละก้าว ราวกับน้องสาวของตนเอง งานแต่งครั้งนี้หญิงสาวจึงใส่ใจกับมันมาก
ก่อนหน้านี้ถังหลี่ส่งของมากมายไปที่หมู่บ้าน เตรียมทุกอย่างสำหรับงานเลี้ยง ในวันก่อนงานแต่ง ถังหลี่พาเอ้อร์เป่าและซานเป่ากลับไปที่หมู่บ้านลี่เจีย
เมื่อหญิงสาวเดินทางถึงหมู่บ้าน นางรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่คึกคักเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ผู้หญิงทั้งหลายต่างยุ่งกับการจัดงาน เด็ก ๆ ก็พากันวิ่งเล่นไปรอบ ๆ
หลังจากเรื่องการปลูกสมุนไพร ชาวบ้านหลายคนรู้สึกขอบคุณถังหลี่เป็นอย่างมาก ยามนางเดินไปที่ใดจึงไม่ขาดคนเข้ามาทักทาย
“พี่สะใภ้เว่ยกลับมาแล้วหรือ?”
“ข้าเตรียมขนมมาให้ลูก ๆ ของเจ้าด้วยนะ”
หญิงนางหนึ่งวิ่งเข้าไปในครัวนำขนมออกมาให้เอ้อร์เป่าและซานเป่า แต่แล้วก็มีเสียงประชดประชันดังขึ้นมา
“เด็กเคยกินแต่ของดี ๆ จะมาสนใจขนมพื้น ๆ ของเจ้าหรือ?”
หญิงสาวเจ้าของขนมรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย ในขณะที่นางกำลังจะหยิบขนมกลับคืน เอ้อร์เป่ากับซานเป่าก็คว้าหยิบไปกินทันที
“อร่อยมาก ขอบคุณท่านป้า”
ท่านแม่ของพวกเขาเคยบอกเอาไว้ หากผู้คนหยิบยื่นของให้ด้วยไมตรีพวกเขาต้องสุภาพไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ
หญิงสาวคนนั้นยิ้มและลูบหัวซานเป่าเบา ๆ
“อืม…เด็กดี”
ถังหลี่พาลูกสาวลูกชายไปที่บ้านของหลันฮวา
“ชิ ทำเป็นอวด…” ผู้หญิงที่กล่าวประชดประชันเมื่อครู่มองตามแผ่นหลังของถังหลี่ไปอดไม่ได้ที่จะพูดเสียดสีขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉินกุ้ยฮวา เจ้าอิจฉาฮูหยินเว่ยหรือ? ค่อนแคะนางจะเกิดประโยชน์อะไร เหตุใดจึงไม่ให้สามีของเจ้าทำงานให้หนักขึ้นเล่า”
ใบหน้าของฉินกุ้ยฮวากระตุกเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
…
ถังหลี่พาลูกทั้งสองเดินไปถึงบ้านของป้าเกา ทั้งป้าเกาและหลันฮวาต่างทำงานที่โรงงานถุงหอม เมื่อพวกเขาหาเงินมาได้ก็นำมาปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัย บ้านหลังนี้เป็นบ้านใหม่ ลานดินถมด้วยทรายแม่น้ำอัดจนเรียบ
ป้าเกาที่กำลังมือไม่ว่างเหลือบมาเห็นถังหลี่และลูก ๆ นางรีบเชื้อเชิญเข้าไปในบ้านทันที
“เสี่ยวถัง นั่งก่อน ๆ” พอถังหลี่นั่งลง ป้าเกาจึงรินน้ำชาให้นางและเด็ก ๆ ใบหน้าของป้าเกาเต็มไปด้วยความปีติยินดี ดูก็รู้ว่านางมีความสุขมากเพียงใด…
นี่เป็นสิ่งที่นางเฝ้าฝันรอมาตลอด จะไม่ให้นางมีความสุขได้อย่างไร?
“บ้านของข้าไม่พอวางโต๊ะจัดเลี้ยง ข้าเลยขอยืมลานบ้านสองหลังติดกันเพื่อวางโต๊ะยี่สิบตัวแน่ะ” ป้าเกาพูดให้ถังหลี่ฟังด้วยรอยยิ้ม
จูเฉิงแต่งเข้าครอบครัวของป้าเกา ทำให้งานเลี้ยงนั้นต้องจัดขึ้นที่บ้านของป้าเกา มีจำนวนโต๊ะยี่สิบโต๊ะ จุคนได้ร่วมสองร้อยคน ทำให้คนทั้งหมู่บ้านสามารถเฉลิมฉลองงานวิวาห์ในครั้งนี้ประหนึ่งเป็นงานใหญ่โตเลยทีเดียว
ถังหลี่เสนอตัวช่วยในเรื่องนี้ นางต้องการให้หลันฮวามีภาพความทรงจำที่งดงาม อีกทั้งอยากให้ชาวหมู่บ้านลี่เจียได้เฉลิมฉลองกินอาหารกันอย่างเต็มที่ นางจึงให้ป้าเกาเชิญคนทั้งหมู่บ้านมางาน
ป้าเกากระดากอายที่จะให้ถังหลี่ออกเงินให้ แต่เมื่อถังหลี่ส่งข้าวและผักมาช่วยงานโดยที่ไม่ได้ต้องเอ่ยปาก ป้าเกาจึงไม่มีโอกาสที่จะปฏิเสธ ทำให้ป้าเกาซาบซึ้งใจประทับใจในตัวนางมากยิ่งขึ้น หญิงสาวผู้นี้ดีต่อหลันฮวามากเหลือเกิน เป็นบุญที่หลันฮวาได้สะสมมาจนทำให้ได้พบเจอกับสามีที่ดีและผู้คนที่ดีกับนางเช่นนี้
“ป้าเกาไปทำงานเถิด ข้าจะเดินไปดูรอบ ๆ เอง” ถังหลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ป้าเกาต้องจัดเตรียมงานหลายอย่างไม่ได้ว่างมือ พอได้ยินเช่นนั้นนางจึงพยักหน้าปลีกตัวออกไปทันที
ถังหลี่มองไปรอบ ๆ บริเวณจัดงาน คำอวยพรสีแดงขนาดใหญ่แขวนประดับอยู่กลางโถง ทุก ๆ ที่ล้วนมีผ้าไหมสีแดงมงคลแขวนอยู่ทั่วไป สีหน้าของชาวบ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดี ราวกับความสุขนี้ส่งต่อมาให้นาง ถังหลี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอารมณ์ดีมีความสุขขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
————————-