บทที่ 125 งานแต่งหลันฮวา
สุดท้ายแล้วเด็กทั้งสองคนก็ไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ อยู่กับที่ได้ พวกเขารีบวิ่งออกไปเล่นกับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน เอ้อร์เป่ากลายเป็นหัวโจกของเด็ก ๆ เขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโตฟัง
“แม่นางเว่ย!”
ถังหลี่ได้ยินเสียงเรียก เมื่อหันกลับไปมองก็พบหลี่โหยวไฉ่หัวหน้าของหมู่บ้านลี่เจีย
“ฮูหยินเว่ยว่างหรือไม่?” หลี่โหยวไฉ่ถาม
“ข้าว่าง” ถังหลี่ไม่มีอะไรทำนางพยักหน้ารับ
“ไปดูต้นกล้าสมุนไพรกับข้าได้หรือไม่?”
“เอาสิ”
ถังหลี่บอกให้เด็ก ๆ เล่นกันให้สนุก พอเลิกเล่นแล้วให้ไปหาฮูหยินซู ก่อนที่ตนเองจะเดินตามหลี่โหลวไฉ่ไป ระหว่างทางที่เดินไปมีชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่ปลูกสมุนไพรต่างพากันเดินไปด้วย จนถึงเนินเขาที่ปลูกพืชสมุนไพร
“แม่นางเว่ยนี่คือสมุนไพรที่พวกข้าปลูกกัน”
ถังหลี่มองไปที่ต้นสมุนไพรซึ่งมีความสูงประมาณคืบฝ่ามือมีใบสีเขียว
“คนของเถ้าแก่จางกล่าวว่าสมุนไพรชนิดนี้ทนต่ออากาศหนาวได้เป็นอย่างดี ตราบใดที่มันสามารถอยู่รอดไปได้ในวันที่หนาวอากาศหนาวจัด ต่อไปมันจะเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ”
หลี่โหยวไฉ่อธิบายให้นางฟัง ยามที่อากาศหนาวจัด เขาแทบข่มตานอนไม่ได้เลย เขาไม่ได้กลัวความหนาว หากคิดแต่เพียงว่าเขามีแค่สองมือเท่านั้นไม่อาจจะปกป้องต้นอ่อนของสมุนไพรเหล่านี้ไว้ได้ทั้งหมด
ถังหลี่พยักหน้ารับ ในยุคสมัยนี้ไม่มีแผ่นพลาสติกคอยป้องกันความหนาวให้กับต้นไม้ได้ ดังนั้นในสมัยโบราณเช่นนี้พวกพืชจึงหายากเพราะต้องขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศมากกว่า
“พี่สะใภ้เว่ย นี่คือสมุนไพรของบ้านข้า”
“ฮูหยินเว่ย ต้นนี้ของข้า”
ทันทีที่ชาวบ้านพากันเดินมาถึง พวกเขามีความสุขราวกับได้อวดลูกหลานของตน เมื่อเห็นสีหน้าที่มีความสุขของชาวบ้าน อารมณ์ของถังหลี่ก็ดีขึ้นไปด้วย
“เมื่อต้นอ่อนเหล่านี้โตขึ้น พวกเจ้าก็สามารถกินมันได้” ถังหลี่พูดกับชาวบ้าน
พวกเขาพากันหัวใจพองโต เดิมทีในฤดูหนาวชาวบ้านแทบจะปลูกอะไรไม่ได้เลย ต้นกล้าสมุนไพรพวกนี้คือความหวังเดียวในฤดูหนาวที่ยาวนานของพวกเขา
ถังหลี่อยู่ที่ไร่สมุนไพรของชาวบ้านเกือบทั้งวัน อากาศร้อนและเหงื่อออกมาก แต่นางก็ยังอารมณ์ดี
คืนนี้ถังหลี่นอนที่โรงงานถุงหอม หญิงสาวเดินไปที่โรงงาน พบว่าฮูหยินซูอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เอ้อร์เป่าและซานเป่าแล้ว พอฮูหยินซูเงยหน้าขึ้นมาเห็นถังหลี่ นางก็จัดแจงพูดขึ้นว่า
“มีน้ำร้อนอยู่ในหม้อใบนี้ เจ้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสีย” ถังหลี่ทำตามที่ฮูหยินซูพูด นางเช็ดเนื้อตัวให้สะอาดด้วยน้ำร้อนในถังไม้ที่ว่า จากนั้นจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วถึงได้เดินไปกินอาหารที่บ้านป้าเกากัน ก่อนจะกลับมานอนที่โรงงาน ฮูหยินซูจัดเตรียมห้องนอนพร้อมผ้านวมอุ่น ๆ ที่มีกลิ่นไอแดดจาง ๆ
“เจ้าของสิ่งนี้จะทำให้อุ่นมากขึ้น” ฮูหยินซูยัดถุงยาบางอย่างลงไปในผ้านวม
ถังหลี่หยิบขึ้นมาดูพบว่ามันอุ่นขึ้นจริง ๆ
“ฮูหยิน นี่อะไรหรือ?” ถังหลี่สงสัย
ในยุคปัจจุบันผู้คนมักจะมีถุงร้อน แต่ในสมัยโบราณเช่นนี้จะไปหาของแบบนั้นได้จากที่ใดกัน
“มีส่วนผสมมากเหลือเกิน ข้ารู้จักไม่หมดหรอก” ฮูหยินซูพูด ก่อนจะเอื้อมมือออกมาบีบที่บริเวณคอของถังหลี่ ถังหลี่รู้สึกปวดที่ต้นคอขึ้นมา ใบหน้าเล็ก ๆ ที่สวยงามของนางนางบิดเบี้ยว
“ฮูหยิน ข้าเจ็บ”
“ทนเอาหน่อยเถิด เจ้าเอาแต่ยุ่งวุ่นวายทั้งวันจนไม่ดูแลตัวเอง ข้าเพิ่งเรียนรู้วิธีนี้มาจากไท่หยวน ข้าจะนวดผ่อนคลายให้เจ้าเอง”
ดวงตาของถังหลี่เป็นประกาย
นวด?
ในสมัยโบราณเช่นนี้นางสามารถเพลิดเพลินไปกับการนวดได้ด้วยหรือ?
ฮูหยินซูเห็นท่าทางดีใจของถังหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
นางยังเป็นเด็กอยู่เลย!
ต่อให้เป็นเถ้าแก่เนี้ยโรงงานถุงหอม ร้านขายชาด และมีลูกถึงสามคนแล้ว แต่ที่จริงนางก็เป็นเพียงแค่เด็กสาวผู้หนึ่งเท่านั้น
จะไม่ให้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าได้อย่างไร?
“นอนลงไปเถิด ข้าจะบีบนวดให้” ฮูหยินซูว่า
ถังหลี่ไม่เกรงใจ นางนอนลงบนเตียง ภายในห้องมีเตาอั้งโล่อยู่ทำให้เด็ก ๆ ที่นอนห่มผ้าอุ่นสบายขึ้น เมื่ออากาศในห้องอุ่นขึ้น หญิงสาวจึงถอดเสื้อผ้าหนา ๆ ของตนออกสวมเพียงเสื้อบาง ๆ เท่านั้น ฮูหยินซูเหยียดมือออกไปเริ่มนวดไปตามร่างกายของถังหลี่
แรก ๆ จะรู้สึกเจ็บแต่หลังจากนั้นก็ผ่อนคลายมากขึ้น
ดวงตาของถังหลี่หรี่ลงอย่างเคลิบเคลิ้ม
“เมื่อเจ้าทำงานหนัก ก็สมควรใส่ใจกับร่างกายตัวเองด้วย อย่าได้ทำอะไรเกินกำลังนัก”
“กินอาหารให้ตรงเวลา นอนเมื่อถึงเวลานอน แล้วอย่าได้คิดเรื่องงานในเวลานอนล่ะ”
ฮูหยินซูว่ากล่าวตักเตือนนาง
ถังหลี่ได้ยินก็หน้าแดงพึมพำออกมาเบา ๆ
“ฮูหยิน ท่านเหมือนมารดาข้าเลย”
ถังหลี่ไม่มีแม่ แต่นางรู้สึกได้ว่าถ้ามีมารดาคงเป็นความรู้สึกเช่นนี้แหละ
“งั้นเจ้าต้องฟังมารดาล่ะ” ฮูหยินซูพูดด้วยรอยยิ้ม
ความจริงแล้วนางก็อายุพอที่จะเป็นมารดาของเด็กสาวตรงหน้าได้จริง ๆ หากแต่เด็กสาวผู้นี้ก็อยู่ไกลเกินกว่าจะมาเป็นลูกสาวของนางแล้ว อีกทั้งนางก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว…พอคิดแบบนี้แล้วนางก็ยิ้มออกมาจากพึงพอใจ
หลังจากที่ถังหลี่ถูกฮูหยินซูบีบนวดไปไม่นานนัก ร่างกายที่ตึงเครียดของนางก็ผ่อนคลายลง หญิงสาวค่อย ๆ ผล็อยหลับไป
เช้าวันรุ่งขึ้น ถังหลี่ลุกขึ้นมากินอาหารเช้า ก่อนจะพาบุตรทั้งสองไปที่บ้านของหลันฮวา ป้าเกาขอแรงสตรีในหมู่บ้านมากกว่าสิบสองคนมาช่วยงาน ทุกคนช่วยกันล้างผัก หุงข้าว ส่วนทางลุงหลี่ก็เกณฑ์แรงงานชายไปช่วยแบกโต๊ะขนเก้าอี้ แม้ทุกอย่างจะดูวุ่นวายแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ถังหลี่เข้าไปหาหลันฮวา วันนี้เด็กสาวสวยงามราวกับดอกไม้สีชมพูอ่อน เมื่อหลันฮวาเห็นถังหลี่ก็มีความสุขมาก ดวงตาของเด็กสาวทอประกายแวววาวอย่างสวยงาม
ถังหลี่ทักทายนาง
“หลันฮวาเอ๋อร์กำลังจะออกเรือนแล้ว” นางพูดด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของหลันฮวาเปลี่ยนเป็นสีแดงเด้วยความเขินอาย
“ให้ข้าช่วยเจ้าเเต่งตัวดีหรือไม่?” ถังหลี่กล่าว
ก่อนจะเข้ามาในนิยายเล่มนี้ถังหลี่เปรียบเสมือนภูติปลาหลี่ที่ดูดซับจิตวิญญาณของโลกและสวรรค์เอาไว้ ทำให้นางมีผิวพรรณที่งดงาม หญิงสาวแทบจะไม่ต้องแต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่านางก็ชอบที่จะเรียนรู้ จึงได้เชี่ยวชาญในการแต่งหน้าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อหลันฮวาตกลง ถังหลี่จึงนำชาดและแป้งผัดหน้าจากเป่าชิงเก๋อมาแต่งให้หลันฮวา
ทั้งสองอยู่ในห้องแต่งตัว ถังหลี่ชวนนางคุย
หลันฮวาชอบจูเฉิงมาก เมื่อพูดถึงเขา นางจะเอียงอาย แววตาทอประกายสดใสขึ้นมา
ถังหลี่ยื่นกระจกที่ทำจากทองเหลืองให้นางหลังจากแต่งหน้าเสร็จแล้ว หลันฮวาถึงกับตกตะลึงไป
นี่คือนางหรือ? …นางกลายเป็นสาวงามได้อย่างไร?
พี่ถังหลี่ช่างฝีมือดีจริง ๆ
ถังหลี่เกล้าผมให้นางไม่เป็น นางจึงหาหญิงสาวที่ชำนาญในการทำผมเจ้าสาวในหมู่บ้านมาช่วย จากนั้นจึงได้คลุมหน้าเจ้าสาวด้วยผ้าสีแดง
….
ในตอนบ่าย เสียงฆ้องและกลองดังขึ้นพร้อมกับขบวนเจ้าบ่าว การแต่งงานในครั้งนี้เป็นจูเฉิงที่เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ชายหนุ่มไม่มีบิดามารดา เขาถูกลุงเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก เมื่อถึงเวลาที่เขาจะแต่งงานเดิมทีลุงของเขาไม่ได้เต็มใจนัก เป็นเพราะภรรยาของเขาซึ่งเป็นป้าสะใภ้ของจูเฉิง พูดอยู่เสมอว่าจูเฉิงเป็นภาระ หากต้องแต่งภรรยาก็ต้องใช้เงินเป็นค่าสินสอดจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการให้จูเฉิงเเต่งงาน ทว่าในการแต่งงานครั้งนี้จูเฉิงไม่ต้องใช้เงินเลย ลุงของเขามาหาป้าเกาและลุงหลี่หลายครั้ง เมื่อเห็นว่าทั้งสองเป็นคนดีไม่ได้ดูถูกดูแคลนอะไรหลานชายของตน ลุงของจูเฉิงจึงวางใจ
วันนี้ครอบครัวของจูเฉิงยินดีที่จะส่งหลานชายมาที่บ้านป้าเกาเพื่อเข้าพิธีวิวาห์ เจ้าบ่าวแต่งกายด้วยชุดสีแดง ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข ชาวบ้านและผู้คนในงานต่างดูชื่นมื่นกันถ้วนหน้า ทำให้บรรยากาศนั้นเป็นไปอย่างรื่นเริง
ถังหลี่จับมือเจ้าสาวพาเดินออกมา ทันทีที่เจ้าบ่าวเห็นนางเขาแทบจะละสายตาไปจากหลันฮวาไม่ได้
“พี่เฉิง อย่ามัวแต่มองอยู่เลย รีบเข้าไปสิ” มีคนผลักจูเฉิงพร้อมกับเอ่ยหยอกล้อ
ชายหนุ่มเดินหน้าแดงเข้าไปหานาง
————————————–