บทที่ 115 การเลือกชุดแต่งงานที่นำพาอดีตหวนคืนสู่ใจอีกครั้ง

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

สือมูเฉินสังเกตเห็นว่าท่าทางหลานเสี่ยวถางดูแปลก ๆ และอดไม่ได้ที่จะถาม :“เสี่ยวถาง เกิดอะไรขึ้น?”

หลานเสี่ยวถางยื่นโทรศัพท์ให้กับเขา: “ต้องขอบคุณคุณนะ ฉันดังแล้ว……”

เมื่อสือมูเฉินอ่านเนื้อหาแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ถ้าหากคุณไม่ชอบ ผมก็สั่งให้คนลบรูปภาพออกให้หมด”

หลานเสี่ยวถางคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “จริงๆ แล้วมันก็ลบไปจนเกือบหมดแล้วล่ะ เรื่องที่เราจะแต่งงานกัน ไม่ช้าก็เร็วสื่อก็ต้องรู้อยู่ดี”

ในขณะที่พูดอยู่นั้น เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง:“งานแต่งงานของเราไม่ต้องจ้างนักข่าวมาได้ไหมคะ? ฉันไม่ค่อยชอบเรื่องส่วนตัวของเราต้องถูกเปิดเผยและเป็นข่าวตลอดเวลาค่ะ”

“ได้แน่นอน” สือมูเฉินกล่าว :“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเตรียมงานในแต่งงาน หรือเลือกสถานที่คุณเป็นคนตัดสินใจได้เลย ถ้าหากคุณชอบที่จะจัดที่ต่างประเทศ เราจะไปจัดงานกันที่คฤหาสน์ทิงไห่”

ตาของหลานเสี่ยวถางลุกเป็นประกาย: “งั้นก็ไปจัดที่คฤหาสน์ทิงไห่กันเถอะ ฉันชอบสถานที่แห่งนั้นมาก!”

“ตกลง เป็นโอกาสที่ดี ผมก็สามารถเชิญเพื่อนใน DR มาร่วมงานที่นั้นพร้อมกัน” สือมูเฉินกล่าวว่า:“เมื่อถึงเวลานั้น พวกคุณก็ลองแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันดู”

“เยี่ยมมากเลยค่ะ!” ริมฝีปากของหลานเสี่ยวถางยกขึ้น และความวิตกกังวลก่อนหน้านี้ก็ได้จางหายไปหมด

วันรุ่งขึ้น เธอกับสือมูเฉินไปที่ร้าน Viris ด้วยกันเพื่อเลือกชุดแต่งงาน

เนื่องจากการออกอากาศทางทีวีเมื่อวานนี้ เมื่อพนักงานในร้านเห็นสือมูเฉินก็จำเขาได้ทันที และพูดอย่างอัธยาศัยดีว่า:“คุณสือคะ เชิญค่ะ เชิญมาทางนี้ค่ะ!”

ในขณะที่พูดอยู่นั้นก็มองไปที่หลานเสี่ยวถาง ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา: “คุณผู้หญิงท่านนี้คือภรรยาของคุณใช่ไหมคะ คุณทั้งสองคนมาเลือกชุดแต่งงานหรือเปล่าคะ? ถ้าเช่นนั้นเดี๋ยวฉันจะเชิญดีไซเนอร์ของเราลงมานะคะ”

“ดีครับ” สือมูเฉินกล่าว:“เราขอลองเลือกดูก่อนนะครับ”

ชุดแต่งงานของร้าน Viris ต้องจองไว้ก่อนล่วงหน้า และตอนนี้ชุดที่จัดโชว์อยู่ในห้องโถงนั้น ซึ่งเป็นสินค้าที่ลูกค้าจองไว้ก่อนล่วงหน้าเกือบทั้งหมดแล้ว

ก่อนหน้านี้หลานเสี่ยวถางไม่เคยมีแนวคิดเรื่องชุดแต่งงานมาก่อน ดังนั้นเธอจึงมาที่นี่เพื่อดูสินค้าจริง จะได้มีแรงบันดาลใจบางอย่าง แล้วทำการจองชุดแบบที่ตัวเองชอบ

ผนังพื้นหลังของร้านพรีเวดดิ้งนั้นเป็นสีดำทั้งหมด ภายใต้แสงกระทบกับผนังสีดำและชุดแต่งงานสีขาวที่ตัดกันระหว่างแสงและความมืด เพชรบนชุดแต่งงานสะท้อนแสงระยิบระยับ

พูดได้เลยว่าผู้หญิงเกือบทุกคนมีความฝันในการแต่งงานแบบนี้ สวมชุดแต่งงานที่สวยงาม เดินเข้าพิธีพร้อมกับชายอันเป็นที่รัก และได้รับพรจากญาติและเพื่อน ๆ

หลานเสี่ยวถางยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง มองดูทีละชุดและเธอก็หยุดชะงักเมื่อเห็นชุดแต่งงานที่มีลายหางปลาชุดนั้น

“มูเฉิน ฉันคิดว่าชุดสไตล์นี้สวยมาก!” เธอพูดกับสือมูเฉินอย่างมีสดใส

สือมูเฉินพยักหน้า: “โอเค ถ้าเช่นนั้นเดี๋ยวเราขึ้นไปเลือกแต่สไตล์แบบนี้แล้วกัน”

ในเวลานี้แสงนอกหน้าต่างก็ส่องเข้ามา และแสงนั้นทำให้ตามัวอยู่ครู่หนึ่ง ทันทีที่ทั้งสองหันกลับมา พวกเขาทั้งสองก็ตกตะลึงเมื่อเห็นร่างที่ค่อนข้างคุ้นเคยอยู่นอกร้านพรีเวดดิ้ง

หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะมองดูอีกครั้ง แต่เนื่องจากแสงจากภายนอกนั้นแรงเกินไป ผู้หญิงคนนั้นยืนหันข้าง เมื่อเธออยู่ใต้แสงที่ส่องนั้นทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก

เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองสือมูเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ เห็นเพียงแค่ว่าเขาก็มองไปในทิศทางนั้นด้วยเช่นกัน

หัวใจของหลานเสี่ยวถางรู้สึกเจ็บแปลบๆ และเธอก็เอื้อมมือไปจับแขนของสือมูเฉินและถามว่า :“มูเฉิน คนที่เพิ่งเดินผ่านไปนั้น ฉันรู้สึกเหมือนพี่สาวของฉันยังไงยังงั้นแหละ ……”

สือมูเฉินพยักหน้า: “อืม ก็เหมือนนิดหน่อยน่ะ”

หลานเสี่ยวถางรู้ว่าสือมูเฉินกับหลานเล่อซินเป็นคู่หมั่นหมายกันมาก่อน และในขณะนี้ถ้าหลานเล่อซินปรากฏตัวขึ้นจริงๆ .……

เธอรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย และทันใดนั้นเธอก็ตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในความคิดของตัวเอง

ในอดีตเธอเคยคิดด้วยว่าถ้าหลานเล่อซินกลับมา เพราะเธอเป็นหนี้บุญคุณของครอบครัวตระกูลหลานที่ชุบเลี้ยงเธอมา อีกทั้งก่อนหน้านี้ระหว่างหลานเล่อซินและสือมูเฉินนั้นก็ได้หมั้นหมายกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น เธอจึงเลือกที่จะต้องยอมถอยออกมา

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้หลานเสี่ยวถางก็เพิ่งรู้สึกว่า ตัวเองนั้นไม่ได้เต็มใจที่จะยอมถอย!

ไม่ใช่เพราะความมั่งคั่งหรือความร่ำรวยของสือมูเฉินหรอกนะ แต่เป็นเพราะเธอรักเขามาก อีกทั้งเธอยังนึกไม่ออกเลยว่าชีวิตของตัวเองนั้นจะเป็นอย่างไรถ้าวันหนึ่งเธอทิ้งเขาไปจริงๆ!

บางทีเมื่อเกิดขึ้นกับตัวเอง ชีวิตที่สงบสุขของเธอและทำให้เธอดื่มด่ำเหมือนกบในน้ำเดือดใช้ชีวิตที่ประมาทเกินไป แต่ในขณะนี้เมื่อภัยคุกคามใกล้เข้ามาถึง เธอเพิ่งจะรู้สึกตื่นกลัว ไม่รู้ว่าเขาได้เข้าไปอยู่ก้นบึ้งของหัวใจเธอตอนไหน!

ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของหลานเสี่ยวถาง สือมูเฉินจับมือเธอแล้วเดินตรงเข้าไปในร้าน: “เสี่ยวถาง ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือไม่ สำหรับผมแล้วมันก็ไม่แตกต่างกันเลยสักนิด”

“จริงเหรอคะ?” หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมองสือมูเฉิน ฝ่ามือของเขานั้นทั้งกว้างและแห้ง เมื่อเทียบกับเธอแล้วที่เหงื่อออกเต็มมือ ดูเหมือนว่าเธอจะแสดงความต่ำต้อยและความกลัวของเธอออกมา!

“แน่นอน” สือมูเฉินกล่าวว่า:“ก่อนหน้านั้นที่คบเธอนั้นเป็นเพียงเพราะถูกหมั้นหมายเท่านั้น ในตอนนั้นไม่ว่าจะอยู่กับใครมันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ แต่เมื่อ 4 ปีที่แล้วเธอเลือกที่จากไปก็เท่ากับว่างานแต่งที่ได้หมั้นหมายไว้ถือเป็นโมฆะ ดังนั้นมันจึงจะไม่มีผลต่ออารมณ์ของผมอย่างแน่นอน”

เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เธอพยักหน้าให้กับเขา จากนั้นมูเฉินก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อหารือเกี่ยวกับการออกแบบสไตล์ชุดแต่งงานและรายละเอียดกับดีไซเนอร์

หลังจากวัดขนาดเสร็จแล้ว สือมูเฉินก็จูงมือหลานเสี่ยวถางลงไปชั้นล่างพร้อมพูดติดตลกว่า :“เสี่ยวถางชุดแต่งงานต้องใช้เวลาสองเดือนถึงจะตัดเสร็จ ในเมื่อคุณวัดขนาดแล้วคุณต้องระวังรูปร่างของคุณด้วยนะ ไม่ใช่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นคุณกลับใส่ชุดไม่ได้หรอกนะ!”

เมื่อได้ยินคำพูดล้อเลียนของเขา ความรู้สึกที่รู้สึกประหม่าตั้งแต่แรกของหลานเสี่ยวถางถูกขจัดออกไปอย่างมาก เธอยืดอกพร้อมพูดขึ้นว่า :“ฉันเป็นคนที่ทานยังไงก็ไม่เคยอ้วน คุณไม่รู้เหรอเนี่ย ?”

เมื่อทั้งสองออกมา ท้องฟ้าก็ใกล้มืดลงแล้ว และดูเหมือนสายเกินไปที่จะทำอาหาร ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกทานข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ ก่อนที่ขับรถกลับบ้าน

รถของสือมูเฉินขับเข้าใกล้ชุมชน และเมื่อเขาขับมาถึงประตูทางเข้าชุมชนนั้น เขาสะดุ้งจนเผลอเหยียบเบรคกะทันหัน

“เกิดอะไรขึ้นคะ?” หลานเสี่ยวถางหันไปมองและเห็นหลานเล่อซินกำลังพยุงแขนหญิงชราคนหนึ่งซึ่งยืนรออยู่ใต้แสงไฟสลัวจากหลอดไฟข้างถนนที่ทางเข้าประตูชุมชน ราวกับว่าพวกเธอนั้นกำลังรอใครสักคนอยู่

เธอหันไปมองสือมูเฉินเหมือนกำลังจะถามอะไรบางอย่าง เธอเห็นมือของเขาจับพวงมาลัยแน่นและสั่นไม่หยุด ริมฝีปากของเขาเปิดออกเล็กน้อย และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง

หลานเสี่ยวถางมองไปที่หญิงชราอีกครั้ง และเธอก็คาดเดาบางอย่างไว้ในใจ

หญิงชราที่มีคิ้วคล้ายกันกับสือมูเฉินและสือมูชิงมาก เป็นไปได้ไหม ……

ในวินาทีต่อมา ดูเหมือนว่าการคาดเดาของหลานเสี่ยวถางจะได้รับการยืนยัน สือมูเฉินได้เปิดประตูรถอย่างกะทันหันและก้าวออกไป

เขาเดินตรงไปหาหญิงชราและหลานเล่อซิน แต่เมื่อเขาเดินเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้น จู่ๆ เขาก็ก้าวเดินช้าลง

นี่เป็นครั้งแรกที่หลานเสี่ยวถางเห็นสือมูเฉินเสียการทรงตัว

ในภาพความทรงจำของเธอนั้น เขาดูเคร่งขรึมและควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดี แม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์เกมการพนันในวันนั้น เขาก็ยังสามารถพลิกเหตุการณ์กลับได้อย่างสงบ

แต่ในขณะนี้ เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เมื่อเขาเดินไปถึงตรงหน้าคนทั้งสองนั้น หลานเสี่ยวถางก็เห็นหลังของเขาสั่นเล็กน้อย

เธอเป็นภรรยาของเขา และตอนนี้ถึงแม้ว่ามารดาของเขาจะอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็ควรต้องเดินไปพร้อมกับเขาสิ

เมื่อนึกได้เช่นนี้เหล่าเสี่ยวถางก็รีบเปิดประตูและเดินตามไปทันที

เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นเงยหน้ามองไปที่สือมูเฉิน เธอมองด้วยแววตาที่ไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง และภายใต้แสงสลัวนั้น และน้ำใสๆก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ

“คุณแม่ครับ—-” สือมูเฉินเดินเข้าไปเอื้อมมือกอดผู้หญิงคนนั้น

และผู้หญิงคนนั้นก็เอื้อมมือออกไปกอดเขาและปลายนิ้วอันสั่นเทาของเธอ

ในขณะนี้หลานเสี่ยวถางเดินเข้าใกล้แล้ว แต่อารมณ์ของสือมูเฉินเหมือนจะควบคุมไม่ได้ และเขาไม่ได้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆข้างของตัวเองเลย ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงยืนห่างๆจากตำแหน่งพวกเขาประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆ

เธอหันหน้าอีกทีเธอก็มองเห็นหลานเล่อซิน

เมื่อทั้งสองสบตากัน

หลานเสี่ยวถางไม่เคยคิดเลยว่า วันหนึ่งเธอจะได้เห็นพี่สาวคนนี้ในสถานการณ์แบบนี้

เธออยู่ด้วยกันกับสือมูเฉิน และไม่รู้ว่าหลานเล่อซินนั้นทำไมถึงอยู่กับคุณแม่ของสือมูเฉินได้ ซึ่งสือมูเฉินออกตามหาคุณแม่ของเขามานานหลายปี

หลานเสี่ยวถางอยู่ในอารมณ์ที่สับสน เธอเปล่งเสียงเรียก: “พี่คะ”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลานเล่อซินทันที เธอยิ้มให้กับหลานเสี่ยวถางเจื่อนๆ จากนั้นมองสำรวจหลานเสี่ยวถาง และเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข: “เสี่ยวถาง เป็นเธอจริงๆเหรอเนี่ย!”

หลานเสี่ยวถางเดินไปจับมือหลานเล่อซินทันที : “พี่คะ หลายปีที่ผ่านมานี้พี่ไปอยู่ไหนมาคะ ?”

เมื่อหลานเล่อซินได้ยินคำถามนี้ ใบหน้าของเธอก็ดูเศร้าหมองมากขึ้น เธอเงียบไปครู่หนึ่งและไม่ตอบคำถามนี้ แต่กลับดึงมือของหลานเสี่ยวถางพร้อมถามว่า :“เสี่ยวถาง เธอคบกับสือมูเฉินเหรอ?”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าสถานะของหลานเล่อซินก่อนหน้านี้ ความกังวลในใจของเธอก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง: “พี่คะ ฉันขอโทษค่ะ คือฉัน ……”

หลานเล่อซินตัดบทพูดของเธอ: “เสี่ยวถาง ไม่ต้องขอโทษ เวลานั้นพี่เป็นคนเลือกที่จะไปเองตั้งแต่แรก ดังนั้น ……”

“พี่คะ พี่ไม่โทษหนูเหรอคะ?”หลานเสี่ยวถางถามย้ำ

หลังจากผ่านประสบการณ์เลวร้ายมามากมาย เธอไม่สามารถเป็นคนที่ใสซื่อเหมือนเมื่อก่อน เพียงแต่ว่าในเวลานี้นั้นหลานเล่อซินไม่ได้แสดงอาการที่ไม่พอใจใดๆออกมา ดังนั้นหลานเสี่ยวถางจึงไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ในขณะนี้

“เสี่ยวถาง ทำไมพี่ต้องโทษเธอด้วยล่ะ!” หลานเล่อซินกล่าว :“เพียงแต่พี่จากไปนานจนไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่เลย ไหนบอกพี่มาสิ เธอแต่งงานกับสือมูเฉินแล้วหรือยัง?”

“ค่ะ เราได้จดทะเบียนสมรสกันแล้วค่ะ” หลานเสี่ยวถางกล่าว “แต่แค่ยังไม่ได้จัดงานแต่งงานค่ะ”

““โอ้ ที่แท้มันเป็นแบบนี้นี่เอง” หลานเล่อซินยิ้มพร้อมพูดว่า:“เขาดีต่อเธอไหม?”

“เขาดีกับฉันมากค่ะ และช่วยเหลือฉันเสมอมา ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเขาด้วยค่ะ” หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า: “พี่คะ พี่เพิ่งกลับมาวันนี้หรือคะ?และต่อจากนี้พี่วางแผนยังไงต่อคะ ?”

หลานเล่อซินคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า:“อย่างที่เธอเห็น พี่พาคุณแม่ของมูเฉินกลับมา นอกจากนี้พี่เรียนจบการศึกษาในต่างประเทศแล้ว ดังนั้นถึงเวลาต้องกลับมาแล้ว ต่อจากนี้ไปพี่น่าจะอยู่ที่หนิงเฉิงนี่แหละ !”

หลานเสี่ยวถางพยักหน้า: “แล้วคุณพ่อและคุณแม่ละคะ นอกจากนี้ยังมี Blue Sky Group ……”

แววตาของหลานเล่อซินเปลี่ยนไปเศร้าทันที: “เพราะพี่ไม่ดีเอง แม้แต่วันที่คุณย่าท่านเสียไป พี่กลับมาส่งท่านเป็นครั้งสุดท้ายไม่ทันเลยด้วยซ้ำ เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อและคุณแม่อีกทั้ง Blue Sky Group นั้น พี่ก็เพิ่งทราบข่าว เสี่ยวถาง เธอรู้ไหมตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน ?”

หลานเสี่ยวถางส่ายหัว: “วันที่คุณย่าจากไป พวกเขาก็หายตัวไปแล้ว ฉันได้ติดต่อพวกเขาอยู่หลายครั้ง และโทรศัพท์มือถือของพวกเขาก็ปิดเครื่องตลอด ในที่สุดโทรศัพท์ก็ถูกระงับการใช้งานแล้ว ดังนั้น ……”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยๆ ออกตามหาพวกเขา พี่เชี่อว่าเราจะหาพวกเขาเจอและพากลับมาได้อย่างแน่นอน!” ในขณะที่หลานเล่อซินกำลังพูดอยู่นั้น ถัดจากพวกเธอ สือมูเฉินและคุณแม่ของเขาดูเหมือนอารมณ์จะกลับมาเป็นปกติแล้ว ทั้งสองก็ปล่อยกันและกัน แล้วพวกเขาก็มองมาทางที่ทั้งคู่ยืนอยู่

สือมูเฉินดึงตัวหลานเสี่ยวถางไป และแนะนำว่า :“เสี่ยวถาง นี่คือคุณแม่ของผม คุณแม่ครับ นี่คือภรรยาของผม หลานเสี่ยวถางครับ”