ตอนที่ 141 ไม่คิดถ่วงแข้งถ่วงขา
เมืองเซียงตู ยอดเขาเซียงเฉิง
ภายในสำนักตระกูลถังบัดนี้จุดไฟสว่างไสว
ถังเฉาผู้เฒ่าอายุหนึ่งร้อยยี่สิบสามปีของตระกูลถังเต็มไปด้วยความสดใสและจิตวิญญาณ เขาดูอ่อนกว่าวัยกว่าถังเทียนหลิงลูกชายวัยเก้าสิบสามปีของเขาเสียอีก
สถานะแบบนี้ไม่ได้แตกต่างกันเฉพาะในด้านรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แม้กระทั่งจิตวิญญาณก็ยังแตกต่างกันด้วย เขาดูไม่เหมือนคนแก่สักนิด
อายุหนึ่งร้อยยี่สิบสามปี ในโลกนี้เรียกได้ว่าอายุยืนมากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าชายชราหูไม่หนวก ตาไม่พร่าเลือน มือและแขนขายังคงเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว สามารถกินและนอนหลับได้อย่างสบาย
ถังเทียนหลิงลูกชายของเขาอิจฉาเขามาก
แม้ว่าเขาจะอายุเพียงเก้าสิบสามปี แต่เขาก็ต้องให้คนมาคอยดูแลเขาแล้ว แต่พ่อของเขาปีนี้อายุหนึ่งร้อยยี่สิบสามปี แต่กลับสามารถไปปีนเขากับถังเหวินเยี่ย หลานชายวัยหกสิบปีซึ่งมีระดับวรยุทธสูงที่สุดในสำนักตระกูลถังตอนนี้ได้!
นี่จะไม่ทำให้เขาอิจฉาได้ยังไง
ผู้อาวุโสนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักด้านบน มองไปที่ลูกหลานด้านล่างและพูดด้วยเสียงดังว่า “เสี่ยวถังถังของฉันเพิ่งจะโทรมาบอกว่าเธอต้องการเลือกคนสองคนที่มีทักษะการใช้พิษที่ดีที่สุดตามฉันไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน”
ถังเหวินเยี่ยพ่อของถังถังหน้ามุ่ย
ผู้อาวุโสมีสายตาที่เฉียบคมมาก เขามองเห็นสีหน้าที่บิดเบี้ยวของหลานชายในทันที ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด
“ถังเหวินเยี่ย แกหมายความว่ายังไง แกมีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจของฉันอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ครับปู่ แต่ถังถังไม่ใช่สมาชิกของตระกูลถังของเราอีกต่อไปแล้ว”
ผู้อาวุโสลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ทันที จ้องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยความโกรธแล้วพูดว่า “งั้นแกก็ไล่ตาแก่อย่างฉันออกจากตระกูลถังด้วยซะเลยสิ! ให้มันรู้กันไปว่าตระกูลถังที่ใหญ่โตนี้รองรับพวกเราหนึ่งเด็กและหนึ่งคนแก่ไม่ได้! หรือไม่งั้นฉันจะออกไปผจญเวรผจญกรรมข้างนอกเอง จะได้ไม่เกะกะลูกตาพวกแก!”
ถังเหวินเยี่ยสีหน้าเหมือนคนที่มีอาการท้องผูก
ทุกครั้งที่พูดถึงถังถัง ปู่ของเขาก็จะมีอาการแบบนี้ทุกครั้ง
เห็นกันอยู่ว่าในตอนต้น นี่เป็นข้อเสนอที่มีการตกลงร่วมกัน พวกเขาเพียงต้องการแสร้งขับไล่เด็กคนนั้นออกไปและตัดขาดความสัมพันธ์ เพื่อที่เธอจะได้เดินออกจากเส้นทางที่ผิดและกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง
ใครจะไปรู้ว่าเด็กนั่นจะจริงจังขนาดนี้!
ผู้อาวุโสคิดถึงลูกสาวของเขา แล้วเขาไม่คิดถึงเธอหรือไง แต่ตาแก่หัวรั้นนี่กลับปฏิเสธความรับผิดชอบทั้งหมดและโยนความผิดมาใส่หัวเขา กล่าวหาว่าความคิดแย่ๆ นี้เป็นเขาที่คิดออกมา แถมยังผลักความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่ตัวเขาด้วย!
ทำเอาทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ เขาชักเริ่มสงสัยในตัวเองแล้วว่าตัวเขาใจร้ายเกินไปจริงๆ หรือเปล่าที่ยืนกรานที่จะโยนลูกสาวคนนี้ทิ้งไป!
เด็กทุกคนในตระกูลถังนั้น กว่าจะถือกำเนิดมาสักคนหนึ่งยากลำบากมาก แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กที่เกิดจากตระกูลย่อย แต่พวกเขาก็จะเป็นดั่งดวงใจที่ตระกูลถังทะนุถนอมไว้ในอุ้งมือและรักใคร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถังถังลูกสาวที่มีพรสวรรค์ มีชีวิตชีวา และน่ารักที่สุดของเขา
น่าสงสารพ่อแก่ๆ อย่างเขาที่อยากจะเห็นหน้าลูกสาวสักครั้งก็ต้องมองเธอผ่านทีวีหรือไม่ก็ในนิตยสาร
ยกเว้นผู้อาวุโสที่สามารถนัดพบกับลูกสาวของเขาได้อย่างเปิดเผย คนอื่นๆ มีแต่ต้องไปเยี่ยมเธออย่างลับๆ
ถังเทียนหลิงเกลี้ยกล่อมพ่อที่ขี้หงุดหงิดของเขาให้ใจเย็นลงแล้วพูดว่า “พ่อครับ อย่าโกรธไปเลย จะไม่มีใครขับไล่พ่อและเสี่ยวถังถังออกไปจากตระกูลของเราได้ พ่อคือสมบัติของตระกูลของเรา และเสี่ยวถังถังก็คือผู้สืบทอดของพ่อ…” บราๆๆ
ผู้อาวุโสมองไปที่ลูกชายของตัวเองที่อายุน้อยกว่าเขาสามสิบปี แต่ดูแก่กว่าเขาและแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา
“ปู่ครับ พ่อพูดถูกแล้ว ถ้าปู่ต้องการพบถังถังจริงๆ ผมจะขับรถไปพาเธอกลับมาที่ตระกูลถังของเราในทันที เรามีเงินไม่ขาดมือ ทำไมเธอถึงต้องทำงานหนักขนาดนี้ด้วย…”
“แกจะไปรู้อะไร! เสี่ยวถังถังของฉันมีงานอดิเรกและเธอก็ชอบในด้านนี้…” บราๆๆ
พ่อและลูกชาย ตลอดจนสมาชิกในตระกูลที่ยืนอยู่ด้านล่าง ล้วนมีการแสดงออกที่ยากจะพรรณนา
เมื่อก่อนผู้อาวุโสของพวกเขาไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเขาแบบนี้!
ความลำเอียงนี่มันจะมากเกินไปแล้ว! ไม่กลัวว่าพวกเขาจะอิจฉาริษยาเลยหรือไง!
แน่นอนผู้อาวุโสไม่กลัว!
“เสี่ยวถังถังของฉันแตกต่างจากพวกแก…โดยเฉพาะแกถังเหวินเยี่ย! แกใจร้ายเกินไปแล้ว! แกกล้าไล่เสี่ยวถังถังของฉันออกจากตระกูลจริงๆ …” บราๆๆ
ถังเหวินเยี่ยรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมจนแทบอยากจะร้องไห้!
ดูสิ่งที่ปู่เขาพูดสิ ราวกับว่าเขาเป็นพ่อเลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น!
เห็นได้ชัดว่าเขาก็รักถังถังไม่น้อยไปกว่าใครเลยโอเคไหม เขาจะกล้าทำร้ายเธอได้ยังไง!
คู่สามีภรรยาแก่ๆ ถังเทียนหลิงค่อยๆ ขยับเท้าของตัวเองออกไป พยายามอยู่ให้ห่างจากลูกชายของพวกเขามากที่สุด
แม้แต่แม่ของถังถัง จี้เหมยก็ถอยเท้ากลับไปอย่างใจเย็น พยายามอยู่ให้ห่างจากสามีของเธอที่ถูกด่าจนแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
ถังเหวินเยี่ยยืนฟังเสียงด่าของปู่ตัวเองด้วยดวงตาแดงก่ำ
ปู่ครับ ยังมีผู้เยาว์ยืนอยู่ข้างหลังเราอีกนะ!
ตอนนี้เขารู้สึกอับอายมาก!
ในที่สุดร่างสูงใหญ่นั้นก็ทนไม่ไหวแล้วกล่าวตอบโต้ออกไปว่า “ปู่ครับ เห็นได้ชัดว่าถังถังคิดจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนั้นเองเธอเลยไม่ยอมกลับมา…”
ผู้อาวุโสโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที
“เสี่ยวถังถังของฉันไร้เดียงสามาก! เธอจะไปเข้าใจความจริงเพียงครึ่งเดียวในคำพูดที่แกพูดออกไปได้ยังไง! ถังเหวินเยี่ยแกต้องกล้าทำกล้ารับ! หรือแกกำลังพยายามทำให้ฉันโกรธด้วยการตีถังถังของฉันทุกวันใช่ไหม เป็นแบบนี้ใช่ไหม!”
ตราบใดที่เริ่มมีคนเอ่ยถึงเหลนสาวอันมีค่าของเขา ชายชราก็จะเริ่มทำตัวไม่มีเหตุผล สิ่งนี้ทำให้ถังเหวินเยี่ยอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา
ลูกหลานในห้องโถงกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น
“ปู่ครับ ผมจะกล้าตีเธอได้ยังไง” เขาไม่เคยตีลูกสาวของเขาเลยโอเคไหม
กับลูกสาวสุดที่รักของเขา แม้แต่ความเจ็บปวดเล็กน้อยเขาก็ยังไม่กล้าให้เธอได้รับ!
“ขอให้เป็นอย่างนั้นจริงๆ เถอะ! ถ้าแกกล้าทุบตีเสี่ยวถังถังของฉัน ต่อให้ถูกฝังลงไปในโลงแล้ว ตาแก่คนนี้ก็จะปีนขึ้นมาจากโลงศพเก่าๆ และหักแขนขาแกจนตายไปเลย!”
“ปู่ครับ ปู่ยังไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“ฮึ่ม แน่นอนว่าฉันจะไม่ตายเร็วกว่าแกแน่ๆ ถ้าฉันตาย เสี่ยวถังถังของฉันคงถูกแกรังแกจนตาย แล้วฉันจะกล้าตายได้ยังไง ฉันจะไม่ตายจนกว่าพวกแกทั้งหมดจะตาย!”
ถังเทียนหลิง “…” ทำไมรู้สึกเหมือนมีความหมายแฝง!
ถังเหวินเยี่ย “…” เขาไม่ตายเร็วขนาดนั้นแน่ๆ !
ลูกหลานในห้องโถง “…” มันจะดีมากถ้าผู้อาวุโสสามารถอยู่ได้ถึงตอนนั้นจริงๆ !
จี้เหมยแม่ของถังถังไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงได้แต่เตือนผู้อาวุโสของเธอที่เริ่มมีอารมณ์โมโหมากเรื่อยๆ
“ปู่คะ เรารีบเลือกคนสองคนที่ถังถังต้องการแล้วส่งไปให้เธอเถอะ ให้พวกเขาออกเดินทางหลังมื้ออาหารเช้าพรุ่งนี้เลยยิ่งดี แล้วค่อยเก็บข้าวของส่งไปให้พวกเขาในภายหลัง แม่และฉันจะเตรียมของขวัญให้ปู่นำติดไม้ติดมือไปให้หมอเทวดาหยวนด้วย”
ผู้อาวุโสชะงักกึกไปครู่หนึ่ง เขาลืมธุระสำคัญไปเลย
ผู้อาวุโสส่งสายตาตำหนิไปทางถังเทียนหลิงและถังเหวินเยี่ย เจ้าพวกลูกหลานไม่ได้เรื่อง!
“ปู่ครับ ปู่พาผมไปด้วยดีไหม”
“เหอะๆ ด้วยความสามารถของแก แกยังไม่รู้ตัวเองอีกเหรอ ฉันไม่คิดพาแกไปถ่วงแข้งถ่วงขาเสี่ยวถังถังหรอก”
ถังเหวินเยี่ย “…”
เขาไม่คิดจะถ่วงแข้งถ่วงขาใครเลยจริงๆ นะ!
เขาแค่คิดถึงลูกสาวของเขา!
“ปู่ครับ งั้นปู่พาผมไปที่นั่นด้วยสิ ผมแน่ใจว่าผมสามารถช่วยน้องสาวได้อย่างแน่นอน”
คนที่พูดประโยคนี้ออกมา เป็นชายหนุ่มที่เป็นลูกหลานของตระกูลถังและยังเป็นลูกพี่ลูกน้องของถังถังอีกด้วย
ผู้อาวุโสลูบเคราของเขาและพยักหน้า พูดว่า “พรสวรรค์ของอาเซิ่งค่อนข้างดี แม้ว่าเธอจะช่วยฉันได้ไม่มาก แต่ถ้าเธออยากจะไปหาถังถังด้วย ฉันก็จะไม่รั้งเธอไว้”
ถังเซิ่งดูตื่นเต้นมาก
เขากำลังจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และตระกูลถังก็มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องวิ่งไปมาเหมือนกับบัณฑิตคนอื่นๆ เพื่อหางานที่น่าพอใจ
ลูกหลานของตระกูลถังนั้น กว่าจะให้กำเนิดมาได้สักคนยากลำบากอย่างมาก ดังนั้นตระกูลถังจึงเป็นปึกแผ่นมากตั้งแต่สมัยโบราณและไม่มีความคิดและพฤติกรรมเหมือนกับลูกหลานของตระกูลใหญ่ๆ ที่ต่อสู้แย่งชิงกันเองเพียงเพื่อทรัพย์สินเล็กๆ น้อยๆ
เจ้าตัวเล็กวัยเจ็ดขวบวิ่งไปหาผู้อาวุโสของเขาและนำเสนอตัวเองว่า “ผู้อาวุโสครับ เสี่ยวอวี๋สามารถช่วยป้าของผมได้เหมือนกัน”
ผู้อาวุโสลูบศีรษะของเด็กน้อยแล้วพูดว่า “เสี่ยวอวี๋ เหลนยังเด็กนัก ดังนั้นรอเหลนโตก่อนแล้วค่อยมาช่วยงานพวกเรานะ ตอนนี้หน้าที่ของเธอคือตั้งใจเรียนให้หนัก”
“แต่ว่า ผู้อาวุโสครับ เสี่ยวอวี๋คิดถึงป้า”
“ถ้าอย่างนั้นเสี่ยวอวี๋ไปเที่ยวเล่นหาป้าของเหลนสักสองสามวันดีไหม”
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นก็หันศีรษะไปพูดกับแม่ของเขาว่า “แม่ครับ เสี่ยวอวี๋จะไปเที่ยวหาป้ากับผู้อาวุโสนะครับ แม่ช่วยเสี่ยวอวี๋ลาอาจารย์ให้หน่อยนะ แล้วเสี่ยวอวี๋จะกลับมาทำการบ้าน เสี่ยวอวี๋สัญญา”
“ตกลง แต่เสี่ยวอวี๋ต้องช่วยดูแลผู้อาวุโสและป้าให้ดีนะ โอเคไหม”
“ได้แน่นอนครับ! เสี่ยวอวี๋จะดูแลผู้อาวุโสและป้าเป็นอย่างดีอย่างแน่นอน!”
ผู้อาวุโสยิ้มและพยักหน้า สายตาของเขากวาดมองตั้งแต่คนตัวเล็กไปจนถึงลูกๆ หลานๆ ทุกคนที่ยืนอยู่ในห้องโถง
ทุกคนยืดตัวตรง พยายามเชิดหน้าขึ้นโดยหวังว่าผู้อาวุโสจะขานชื่อของพวกเขา
สุดท้ายคนที่ ‘ชนะ’ ไป ก็คือถังหงลูกพี่ลูกน้องอีกคนของถังถัง
สิ่งนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของทุกคนนัก
ท้ายที่สุดแล้ว นอกจากถังถัง ถังหงและถังเซิ่งก็คือทายาทที่มีความสามารถมากที่สุด