ตอนที่ 140 หอกราชาแห่งทหารนับร้อยนาย
ไม่ว่าเธอจะนอนดึกแค่ไหน มู่เถาเยาก็สามารถตื่นได้ตามปกติ
เมื่อเธอลงไปชั้นล่าง เย่ว์จือกวงก็อยู่ในห้องนั่งเล่นที่ชั้นหนึ่งแล้ว
หากเป็นคนธรรมดา พวกเขาจะต้องเปิดไฟเพื่อให้เห็นสิ่งรอบข้างอย่างชัดเจน แต่มู่เถาเยาและเย่ว์จือกวงได้พัฒนาร่างกายจนถึงขีดสุดฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่ชั้นระดับประถมศึกษา ดังนั้นพวกเขาจึงมีหูและตาที่ยอดเยี่ยม
แม้ว่าท้องฟ้าจะสว่างเพียงเล็กน้อยในเวลานี้ แต่พวกเขาก็สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ราวกับช่วงเวลากลางวัน
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมถึงไม่นอนพักให้มากกว่านี้อีกสักหน่อยล่ะ”
“ฉันชินแล้วล่ะค่ะ พี่รองเองก็ตื่นเช้าเหมือนกันนี่นา”
“พี่ก็ชินแล้วเหมือนกัน น้องสาว เข้ามาประลองกับพี่หน่อยสิ”
“ฉันเคยได้ยินป้าพูดว่าพี่รองมีพรสวรรค์ในการฝึกวรยุทธ์มาก อาจารย์เล็กของฉันเองก็ประเมินแบบเดียวกัน ชักอยากจะรู้ระดับฝีมือของพี่รองซะแล้วสิ”
“พี่บอกก่อนเลยนะว่าระดับของพี่ เทียบได้กับอาจารย์อาเล็กของน้องที่ใช้พลังเพียงเจ็ดส่วนเท่านั้น แต่น้องสาวของพี่สามารถเอาชนะอาจารย์เล็กได้ แต่พี่ยังไม่รู้ว่าน้องเก่งกว่าพี่กี่เท่าจริงๆ”
ผู้ที่ฝึกฝนวรยุทธ์ยิ่งระดับพลังภายในสูงมากเท่าไรก็ยิ่งทะลวงขอบเขตผ่านไปได้ยากมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น แม้ว่าจะสูงกว่าเพียงหนึ่งระดับเล็กๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะต้านทานอีกฝ่ายได้
มู่เถาเยายิ้ม
ร่างกายของเธอดีกว่าในชาติที่แล้วหลายสิบเท่า กอปรกับเธอมีประสบการณ์และมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียง คงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเลื่อนระดับพลังขึ้นไปเรื่อยๆ ได้อย่างราบรื่น!
เนื่องจากทางทิศตะวันออกและทิศเหนือของเขตเซิ่งซื่อฉางอันเป็นของตระกูลตี้และตระกูลเย่ว์ทั้งหมด ดังนั้นพวกเธอจึงทะยานไปที่เชิงเขาชิงซิ่วได้โดยไม่ต้องระวัง
มู่เถาเยาเร็วกว่าเย่ว์จือกวง
เขาหยิบไม้ยาวสองท่อนขึ้นมา ท่อนหนึ่งใช้ตบตา ส่วนอีกท่อนคอยรับการเคลื่อนไหว
กลอุบายของมู่เถาเยาคาดเดาไม่ได้ และความสามารถในการปรับตัวของเย่ว์จือกวงก็ดีมากเช่นกัน
หลังจากใช้เทคนิคดาบที่ได้รับสืบทอดมาจากตระกูลเย่ว์ผ่านทางเย่ว์เลี่ยง บวกกับได้มีประสบการณ์ต่อสู้จริงในครั้งนี้ เย่ว์จือกวงรู้สึกได้ว่าเขากำลังจะทะลวงผ่านในไม่ช้า
คนธรรมดาไม่สามารถบอกระยะห่างระหว่างพวกเขาได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญในด้านศิลปะการต่อสู้เช่นตระกูลซย่าโหวสามารถบอกได้ว่าใครมีระดับที่สูงกว่าและใครต่ำกว่า และความแตกต่างนั้นห่างกันแค่ไหนเมื่อมองเพียงแวบเดียว
แม้ว่าตระกูลเย่ว์จะมีชื่อเสียงในแผ่นดินจงโจวเมื่อชาติที่แล้วในด้านทักษะวิชาตัวเบาและทักษะดาบ แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าต้นกำเนิดของทักษะพวกนี้มาจากแม่ทัพที่ยืนหยัดปกป้องแว่นแคว้น และต้นกำเนิดที่แท้จริงนั้นมาจากหอก และแม่ทัพท่านนั้นก็คือเบื้องหลังศาสตร์และกระบวนท่าทั้งหมดของวิชาต่อสู้ตระกูลเย่ว์!
ท้ายที่สุดแล้ว หอกยาวมีความได้เปรียบเหนืออาวุธสั้นอย่างดาบมากในสนามรบ
แม่ทัพที่มีชื่อเสียงเกือบทั้งหมดในประวัติศาสตร์ ใช้หอกยาวมากกว่าอาวุธยาวอื่นๆ
หอกเป็นอาวุธทางทหาร และดาบเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ ไม่มีตระกูลผู้ฝึกยุทธ์ใดในประวัติศาสตร์ที่สามารถเหนือกว่ากองทัพไปได้
หอกถูกเรียกอีกอย่างว่าขุนพลของเหล่าอาวุธในสมัยโบราณ ใช้งานง่าย มีพลังทำลายล้างสูงอาจกล่าวได้ว่าเป็นราชาแห่งทหารร้อยนาย
ตระกูลเย่ว์อยู่ในกองทัพมาหลายชั่วอายุคน และไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาวุธที่มีประโยชน์ที่สุดคือหอกซึ่งเป็นอาวุธที่วิเศษมาก
ดาบของราชาร้อยดาบด้อยกว่าหอกของราชาร้อยหอกในสนามรบมากกว่าหนึ่งขั้น
มู่เถาเยาและเย่ว์จือกวงใช้ไม้ยาวแทนหอกในการต่อสู้กัน การประมือของทั้งคู่ดุเดือดขึ้นทุกที
“พี่รอง ฝีมือการออกท่วงท่าของพี่แตกต่างจากป้านิดหน่อยนะคะ”
“พี่นำเอาเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดสมัยใหม่มาปรับใช้ด้วยน่ะ นอกเหนือจากศิลปะการต่อสู้โบราณที่เรียนรู้จากป้าแล้ว พี่ใหญ่และพี่เองก็ยังมีครูสอนศิลปะการต่อสู้อีกหลายคน ศิลปะการต่อสู้สมัยใหม่ของพี่ใหญ่ดีกว่าพี่มาก”
“ทุกคนมีวิธีและรูปแบบของตัวเอง ถ้ามุ่งไปในด้านใดด้านหนึ่งเลย ก็จะได้ประโยชน์อย่างคาดไม่ถึง”
เช่นเดียวกับงานอดิเรกของคนเรา บางคนชอบดื่มชา บางคนชอบกาแฟ…บางคนเหมาะกับอาชีพนี้ บางคนเหมาะกับอาชีพนั้น…
ตราบใดที่คุณทำในสิ่งที่คุณถนัดจนสุดความสามารถ คุณก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนั้นๆ
“น้องสาว การฝึกศิลปะการต่อสู้และการเรียนแพทย์นั้นยากมาก น้องอดทนมาได้ยังไง พี่ได้ยินมาจากอาจารย์ทั้งสองคนและชาวบ้านว่าน้องไม่เพียงแต่จะเรียนวิชาแพทย์และศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังเรียนรู้อีกนับไม่ถ้วนด้วย”
“การเรียนแพทย์และศิลปะการต่อสู้เป็นสิ่งที่ฉันชอบจากก้นบึ้งของหัวใจ และการเรียนรู้สิ่งอื่นๆ นั้นเกิดจากความอยากรู้อยากเห็น ฉันสนใจทุกอย่างมากเมื่อตอนยังเด็ก”
แน่นอน เธอเพิ่งมาจากแผ่นดินจงโจว ดังนั้นทุกอย่างจึงสดใหม่และดูน่าสนใจไปหมดสำหรับเธอ!
“แล้วตอนนี้ล่ะ น้องสนใจอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า น้องเพิ่งอายุแค่สิบแปดปีเท่านั้น แต่ก็มีงานยุ่งขนาดนี้…”
“พี่รองคะ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันดีมากแล้ว แม้ว่าบางครั้งจะยุ่งไปสักหน่อยแต่ทุกอย่างก็มีความหมาย”
เย่ว์จือกวงถอนหายใจในใจ แล้วเดินเข้าไปกอดมู่เถาเยาเบาๆ
“น้องสาว พี่คุยกับพี่ใหญ่แล้วว่าจะส่งคนสองสามคนไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานเพื่อเข้ารับการฝึกฝนกับอาจารย์ทั้งสอง และหลังจากปิดเทอมฤดูหนาว พี่กับถังถังจะเข้าไปในเขตป่าชั้นในเพื่อหาเบาะแสคนที่ก่อเรื่องชั่วๆ ในปีนั้น”
“ฉันจะไปกับพี่ด้วยค่ะ”
“ไม่ เสี่ยวเยาเยา ปกติน้องก็ยุ่งมากอยู่แล้ว น้องควรพักผ่อนเมื่อมีเวลา พ่อกับพี่ใหญ่ยังมีงานอื่นๆ ที่ต้องทำ”
มู่เถาเยากะพริบดวงตาโตของเธอแล้วพูดว่า “แต่ฉันสัญญากับถังถังแล้วว่าฉันจะพาเธอเข้าสู่เขตป่าชั้นใน”
“…พี่ก็จะไปกับเธอด้วยเหมือนกัน ถ้าน้องว่าง เอาแบบนี้ไหม พี่จะให้ปู่ย่าตายายมาเยี่ยมน้องที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ได้ไหม”
“ไว้ค่อยพูดกันทีหลังละกันค่ะ ยังเหลือเวลาอีกนานเลย” เธอแค่กลัวว่าจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นในระหว่างนั้น
“อืม”
สองพี่น้องเดินกลับไปที่คฤหาสน์ด้วยความเร็วปกติ ครึ่งชั่วโมงทั้งคู่ก็กลับไปถึงตึกหลัก
ยกเว้นถุงลมน้อย คนอื่นๆ ตื่นขึ้นมาหมดแล้วและกำลังฝึกซ้อมเป็นคู่อยู่กลางแจ้ง
ทันทีที่พวกเขาเห็นสองพี่น้องกลับมาก็ชะงัก
เหลียงจีเดินเข้ามาหาทั้งสองคนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างขุ่นเคือง “คุณชายรอง เจ้าหญิงน้อย ครั้งหน้าจะไปไหนเรียกฉันไปด้วยนะคะ!”
เธอเองก็ชอบออกไปฝึกวรยุทธ์ด้วยเหมือนกัน!
ในตอนนั้นที่เธอเลือกมาเป็นนักบินส่วนตัวของหัวหน้าเผ่าก็เพราะฝีมือการต่อสู้ของเย่ว์เลี่ยงนี่แหละ
เธอจะยอมเสียโอกาสดีๆ แบบนี้ไปได้ยังไง
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าฝีมือของเธอยังไม่ดีพอ และไม่ว่าเธอจะฝึกฝนหนักแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางเก่งไปถึงขั้นนั้นได้
มู่เถาเยาพยักหน้า “งั้นทุกวันนับจากนี้ไป เหลียงจีเธอก็มาออกกำลังกายตอนเช้ากับฉันแล้วกัน”
“ตกลง ตกลง ขอบคุณค่ะ เจ้าหญิงน้อย!”
บอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามารุมล้อมในภายหลัง ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับหมาป่าล่าเนื้อ
มู่เถาเยา “…ทุกคนจะมาร่วมกันก็ได้ถ้าต้องการ แต่ห้ามไม่ให้ใช้กำลังภายในในการประมือกัน ทำได้เพียงแลกเปลี่ยนทักษะการต่อสู้ระยะประชิดเท่านั้น”
บอดี้การ์ดอาคุนถามอย่างร้อนรนว่า “หมอเทวดาน้อย ไม่มีทางที่เราจะพัฒนาความแข็งแกร่งของกำลังภายในของเราเลยเหรอครับ”
ทุกคนมองที่มู่เถาเยาด้วยสายตาคาดหวัง
“ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย ฉันสามารถปรับแต่งเม็ดยาเพื่อเสริมกำลังภายในได้ แต่กำลังภายในที่เพิ่มพูนจากเม็ดยานั้นไม่เสถียร ในท้ายที่สุดทุกคนก็ยังคงต้องพึ่งพาการฝึกฝนเพื่อกระตุ้นให้ตันเถียนพัฒนาขึ้นไปด้วยตัวของมันเอง”
ดังนั้นเธอจึงไม่เคยใช้ยาเสริมความแข็งแกร่งของกำลังภายในเลย
ในเมื่อฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอทุกวันอยู่แล้ว จะกลัวไปทำไมว่าจะไม่ก้าวหน้า
อาคุน “เราฝึกเองได้! แค่พยายามฝึกอย่างหนักทุกวัน ตราบใดที่ยังมีความหวัง เราก็ไม่กลัวหรอกว่าจะไม่พัฒนา!”
คนอื่นๆ พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง
“เอาไว้ฉันกลับไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานในวันหยุดสุดสัปดาห์หน้า จะไปเก็บสมุนไพรมาปรุงเม็ดยาปรับแต่งจุดตันเถียนให้กับทุกคนละกันนะ”
ทุกคนปลาบปลื้มใจมาก เอ่ยขอบคุณออกมาพร้อมกัน
“น้องสาว ด้วยระดับของพี่ สามารถใช้ยาเสริมกำลังภายในได้หรือเปล่า” เย่ว์จือกวงก็สนใจเช่นกัน
“พี่รอง หลังจากกำลังภายในไต่ไปถึงระดับหนึ่ง ผลของเม็ดยาเสริมพลังก็จะไม่ชัดเจนอีก ยิ่งกำลังภายในของพี่อยู่ในระดับที่สูงมาก ผลของยาก็ยิ่งลดน้อยลง”
เย่ว์จือกวงรู้สึกผิดหวังมาก
“แต่พี่ยังสามารถใช้เม็ดยาปรับแต่งจุดตันเถียนเหมือนกับพวกเขาได้นะคะ ไม่ว่ากำลังภายในของพี่จะสูงเพียงใด หากจุดตันเถียนได้รับการพัฒนา ความก้าวหน้าของพี่ก็จะไม่มีที่สิ้นสุดและพี่ก็จะสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็วยิ่งขึ้น”
แต่ละคนที่อยู่ตรงนั้นเผยสีหน้าอยากได้ในทันที
มู่เถาเยาหัวเราะ แม้เธอจะทนไม่ได้ที่ต้องราดน้ำเย็นใส่ศีรษะของพวกเขา แต่เธอก็ต้องทำ
“อย่าเพิ่งดีอกดีใจจนเกินไป ดอกแดนดิไลออนสีม่วงนั้นหายากพอๆ กับหญ้าพิษชีวิต”
ในชีวิตที่แล้ว ตระกูลเป่ยของเจ้ายุทธภพมีชุดหนึ่ง
เนื่องจากเป่ยหลีลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเป่ยแต่งให้กับเยี่ยนหังเข้ามาเป็นฮองเฮาของแคว้นและให้กำเนิดองค์ชายพระองค์หนึ่ง ตระกูลเป่ยรู้สึกขอบคุณฮ่องเต้มากที่พระองค์ไม่รับสนมนางอื่นเข้ามาทำร้ายจิตใจฮองเฮา ดังนั้นพวกเขาจึงมอบมรดกสืบทอดของตระกูล…ดอกแดนดิไลออนสีม่วงให้กับเยี่ยนหัง
เธอลากร่างที่ป่วยหนักเพื่อไปปรุงเม็ดยาอายุวัฒนะสามเม็ด และมอบให้กับน้องชาย ฮองเฮาของเขา และตัวของเธอเองอย่างละเม็ด
น่าเสียดายที่เม็ดยาอายุวัฒนะนี้คงไม่สามารถรักษาร่างกายที่แตกสลายของเธอได้ ดังนั้นเพื่อไม่ให้มันเสียไปเปล่าประโยชน์ เธอจึงมอบมันให้กับฮองเฮาของน้องชาย ขอให้เธอส่งมันคืนให้กับตระกูลเป่ย