ธาตุไฟเข้าแทรก กลับกลายเป็นมารร้าย!

“แล้วไอ้คนของตลาดมืดหยินชาน มันมัวไปทำบัดซบอันใดกันอยู่!?”

แม้มันยากจะยอมรับว่าต้วนหลิงเทียนยังมีชีวิตอยู่ แต่ต้วนหลิงเทียนก็กลับมาแล้วจริงๆ! ถึงหลิวฮ่วนไม่อยากจะเชื่อเพียงใดแต่ก็ทำได้แค่ยอมรับความจริง..

ครู่ต่อมามันอดคิดไปไม่ได้ว่าคนของตลาดมืดหยินชานยังไม่ได้ลงมือ!

“ไม่! ข้าตกลงกับคนของตลาดมืดหยินชานแล้ว หากเวลาผ่านไปโดยไร้ผลลัพธ์เท่ากับงานนี้ล้มเหลว…ในเมื่อมันเลยกำหนดเวลานัดหมายมานาน นั่นหมายความว่าพวกมันปฏิบัติภารกิจล้มเหลว!”

คิดถึงเรื่องนี้สีหน้าหลิวฮ่วนก็มืดดำลงทันใด

ไม่นานมันก็ออกจากคฤหาสน์ที่พักกระทั่งออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง มุ่งหน้าไปยังเมืองหานเหออีกครั้ง

มันจะไปยืนยันเรื่องราวด้วยตัวเอง!

ในขณะที่หลิวฮ่วนจากไป หลายคนในสำนักก็ได้รับทราบเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนแล้วแทบหมดสิ้น

“ไม่จริง! เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้ยังไง!!”

ทันทีที่เยี่ยหมานออกจากการปิดด่านและได้รับทราบเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงไปถึงขอบเขตสู่เซียน มันก็รู้สึกเลื่อนลอยไม่อาจทนรับความจริงข้อนี้ได้!

แรกเริ่มเดิมทีมันคิดว่าการมาสำนักจันทร์จรัสแสงครั้งนี้ มันจะไถ่ถอนตัวเองจากเงามืดในอดีต และทำให้ต้วนหลิงเทียนมาหมอบคลานสยบแทบเท้าและฆ่าอีกฝ่ายทิ้งได้สำเร็จ!

อนิจจาสวรรค์กลับเล่นตลกกับมันนัก!

กระทั่งมันถูกความคิดด้านมืดครอบงำจนเลือกที่จะเดินสู่หนทางแห่งมาร เพื่อยกระดับพลังฝึกปรือให้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด…แต่สุดท้ายก็ยังห่างไกลจากต้วนหลิงเทียน

ทุกครั้งที่มันก้าวหน้า ต้วนหลิงเทียนจะนำหน้ามันเสมอ

“ไม่! ไม่!! ไม่!!!”

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไอมารก็เริ่มแผ่พุ่งออกมาจากทั่วร่างของเยี่ยหมาน ลูกตาของมันยังแดงฉานกลับกลายเป็นสีโลหิต!

ทันใดนั้นเองมันก็พุ่งร่างออกจากบ้านเดี่ยวพร้อมลานว่างของมัน และลงมือฆ่าทุกคนที่อยู่ในสายตา!

ตอนนี้พลังฝึกปรือของเยี่ยหมานทะลวงมาถึงขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่แล้ว ศิษย์ฝ่ายนอกที่สู้มันได้มีน้อยคนนัก!

ไม่นานศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนก็ตกตายภายใต้น้ำมือมัน บ้างก็ถูกฉีกร่างทั้งเป็น บ้างก็ถูกควักหัวใจด้วยมือเปล่า!

ฉากสังหารอำมหิตเลือดสาดจนย้อมปฐพีให้แดงฉานนี้ ทำให้ศิษย์ฝ่ายนอกที่เห็นเรื่องราวหวาดผวาพรั่นกลัวนัก!

“ฆ่า! ฆ่า!!”

“บัดซบ! ธาตุไฟเข้าแทรกเยี่ยหมานจนไอมารครอบงำจิต! มันกลายเป็นมารร้ายไปแล้ว! วิ่งเร็ว!!”

“ผู้ดูแล! ผู้อาวุโส! ช่วยพวกเราด้วย! ช่วยด้วย!!”

……

ศิษย์ฝ่ายนอกที่เห็นเยี่ยหมานฉีกร่างสหายฝ่ายนอก รีบวิ่งหนีทั้งตะโกนร้องเสียงดังลั่น

ด้านศิษย์ฝ่ายนอกที่ถูกเยี่ยหมานไล่ฆ่า ก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง

น่าเสียดายที่อาวุโสฝ่ายนอกทั้งผู้ดูแลฝ่ายนอกไม่อาจมาได้ในพริบตาจำต้องใช้เวลาอยู่บ้าง เช่นนั้นกว่าจะมาถึงเยี่ยหมานก็ฆ่าคนไปนับสิบแล้ว!

ทุกครั้งที่มันฆ่าคน ไอมารทั่วร่างของมันก็เริ่มหนาแน่นขึ้น!

สุดท้ายพลังฝึกปรือของมันก็บังเกิดความก้าวหน้า!

ไอมารเร่งเร้าปราณแท้จนทำให้มันทะลวงไปถึงขอบเขตสู่เซียน!

“สู่เซียนขั้นต้น!?”

ตอนแรกเยี่ยหมานก็สูญสิ้นสติสัมปชัญญะ ทว่ายามเมื่อพลังฝึกปรือก้าวหน้า มันก็คืนสติกลับมาอีกครั้ง

และตอนนี้มันก็ตระหนักได้ทันทีว่ามันสร้างปัญหาใหญ่หลวงแล้ว!

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าอยู่ในขอบเขตสู่เซียน ตัวข้าก็ทะลวงมาถึงสู่เซียนแล้ว…วันหนึ่งข้าจะย่ำเหยียบร่างเจ้า!”

หลังจากที่ทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียน ความมั่นใจของเยี่ยหมานก็ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง

และเมื่อตระหนักได้ถึงวิกฤตการณ์ที่กำลังใกล้เข้ามา เยี่ยหมานก็ไม่กล้าอยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสงต่อไป เร่งรุดหลบหนีออกจากสำนักไปทันที

อย่างไรก็ตามความเร็วของมันจะเทียบกับความเร็วของอาวุโสฝ่ายนอกได้อย่างไร?

เพียงเวลาแค่ไม่นาน อาวุโสฝ่ายนอกไม่กี่คนก็มาถึง และเริ่มปิดล้อมมันเอาไว้

ฟุ่บ!

ทันใดนั้นเองเสมือนมีสายลมกรรโชกหอบหนึ่งพัดมา มีร่างหนึ่งวูบมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเยี่ยหมาน

“อาวุโสตงฟาง!”

อาวุโสที่มาถึงก่อนไม่กี่คนพอเห็นร่างผู้มาใหม่ก็รีบคารวะทักทายทันที

คนที่พึ่งมาถึงนั้นคืออาวุโสสูงสุดฝ่ายนอก อาวุโสตงฟาง!

อาวุโสฝ่ายนอกไม่กี่คนที่มาถึงก่อน ไม่คิดเลยว่าอาวุโสตงฟางจะออกโรงด้วยตัวเองแบบนี้…อย่างไรก็ตามพอพวกมันคิดถึงความรุนแรงของสถานการณ์ การที่อีกฝ่ายปรากฏตัวแบบนี้ก็ไม่น่าแปลกใจอีกต่อไป

หากอาวุโสตงฟางไม่มาสิ ถึงจะน่าแปลก!

สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็นับเป็นผู้อาวุโสที่ควบคุมดูแลทั้งฝ่ายนอก พวกมันชนชั้นอาวุโสฝ่ายนอกและเหล่าผู้ดูแลทั้งหมดอยู่ภายใต้คำสั่งของอีกฝ่าย

“เจ้ากล้าดีอย่างไร! ถึงได้ลงมือสังหารศิษย์พี่ศิษย์น้องของเจ้า!?”

ตอนนี้สีหน้าของตงฟางเฉียนนับว่าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก มันไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ขึ้นมาได้ ในขณะที่มันดำรงตำแหน่งอาวุโสสูงสุดของฝ่ายนอก!

เรื่องราวแบบนี้ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของสำนักจันทร์จรัสแสงสักเท่าไหร่

ถึงแม้ว่าเยี่ยหมานจะไม่เคยเห็นชายชราเบื้องหน้า แต่ฟังจากคำทักทายของอาวุโสรอบๆ เยี่ยหมานก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

สีหน้าเยี่ยหมานก็แปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งทันที

สูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง เยี่ยหมานก็รีบขยับมือฉับไวปานเส้นแสง กลางฝ่ามือปรากฏรอยโลหิตขึ้นอย่างพร้อมเพรียง หยาดโลหิตยังพุ่งทะลักออกมาอย่างไร้เหตุผล!

พริบตาต่อมาเยี่ยหมานก็รีบประกบฝ่ามือเข้าหากัน ทันใดนั้นเองปรากฏแสงสีแดงฉานแผ่พุ่งออกมา!

“แย่แล้ว!”

เห็นฉากนี้หน้าตงฟางเฉียนเปลี่ยนสีทันที กระทั่งสีหน้าของอาวุโสฝ่ายนอกหลายคนก็ที่พึ่งตามมาถึงก็เปลี่ยนไป

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

……

ตงฟางเฉียนและอาวุโสฝ่ายนอกไม่กี่คนที่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น เร่งรีบพุ่งไปซัดกระบวนท่าใส่เยี่ยหมานด้วยความเร็วสูงสุด!

อนิจจาแม้จะเป็นตงฟางที่ลงมือฉับไวที่สุดแต่มันก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง ฝ่ามือที่มันตบฟาดไม่อาจแตะต้องถูกตัวเยี่ยหมาน เพราะคนทั้งคนกลับหายไปเหลือแต่หมอกโลหิต!

เยี่ยหมาน คนตัวเป็นๆกลับสลายหายไปต่อหน้าต่อตา!

“ลี้โลหิต! เป็นลี้โลหิต!!”

(ลี้ ในที่นี้ไม่ใช่ระยะ แต่แปลว่า หลบหนี,หลีกหนี )

อาวุโสฝ่ายนอกทั้งหลายปั้นหน้าเครียด “บัดซบ เยี่ยหมานเป็นผู้ฝึกมารที่บรรลุขอบเขตสู่เซียนแล้ว!”

ลี้โลหิตนั้น เป็นวิชาหลบหนีที่ผู้ฝึกมารขอบเขตสู่เซียนขึ้นไปถึงจะใช้ออกได้

เมื่อผู้ฝึกมารใช้ลี้โลหิต พวกมันจะบรรลุความเร็วที่อยู่สูงกว่าพลังฝึกปรืออย่างมหาศาล และพุ่งร่างหลบหนีไปทันที นับเป็นวิชาหลบหนีช่วยชีวิตของเหล่าผู้ฝึกมาร

แน่นอนว่าวิชาลี้โลหิตนั้น มาพร้อมกับผลกระทบอันใหญ่หลวง

นอกจากชั่วชีวิตจะสามารถใช้ได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น การที่มันต้องผลาญพลังชีวิตเพื่อเพิ่มพูนความเร็วในการหลบหนีนั้น นอกจากส่งผลกระทบต่อพลังฝึกปรือในอนาคต ยังทำให้ร่างกายอ่อนแอสิ้นสูญพลังไปชั่วระยะเวลาหนึ่งหลังจากใช้งาน

หากไม่ใช่อยู่ในสถานการณ์เป็นตายจริงๆ คงยากที่ผู้ฝึกมารจะใช้ลี้โลหิต

“ผู้ฝึกมารขอบเขตสู่เซียนเช่นมันอาศัยอยู่ในฝ่ายนอกทั้งคน! แต่พวกเจ้ากลับมิมีผู้ใดล่วงรู้เลยงั้นเหรอ!?”

ตงฟางเฉียนว่ายตามองอาวุโสฝ่ายนอกทั้งผู้ดูแลที่พึ่งรุดมาถึงด้วยใบหน้าปั้นยาก

ผู้ฝึกมารคุ้มคลั่งสังหารศิษย์ฝ่ายนอกนับสิบ!

ทว่าตอนนี้ผู้ฝึกมารคนนั้นกลับหลบหนีไปแล้ว!

ยังหลบหนีไปใต้จมูกของมัน!

นับเป็นเรื่องอัปยศสำหรับมันนัก!

ในขณะที่ผู้อาวุโสฝ่ายนอกและผู้ดูแลได้แต่หันมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มขื่นขม ร่างอาวุโสตงฟางก็อันตรธานหายไปในอากาศ พุ่งร่างออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปทันที!

ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ตอนนี้มันต้องตามหาตัวผู้ฝึกมารที่หนีรอดไปให้เจอ!

เพราะมีเพียงกระทำเช่นนั้น มันถึงยังพอมีคำอธิบายให้สำนักรวมถึงเหล่าศิษย์ที่ตกตายไปได้!

ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสน้อย แต่มันรู้ดีว่าต้องรีบออกตามหาผู้ฝึกมารคนนั้นให้พบ เพราะหลังจากที่อีกฝ่ายใช้ลี้โลหิตไปแล้ว พลังทั้งหมดย่อมถดถอย ยากที่จะหลบหนีไปได้ไกล

ในขณะที่ตงฟางเฉียนพุ่งร่างออกไปตามหาเยี่ยหมาน ผู้อาวุโสฝ่ายนอกกับผู้ดูแลที่มาทันเห็นเรื่องราวก็เดินทางกลับสำนัก ขณะกลับก็มีกลุ่มอาวุโสผู้ดูแลที่พึ่งติดตามมาถึง ต่างเร่งรุดเข้ามาถามไถ่เรื่องราวกันใหญ่

อย่างไรก็ตามพวกมันไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องเยี่ยหมานกันสักคน

ไม่ว่าผู้อาวุโสคนอื่นหรือผู้ดูแลคนอื่นจะถามไถ่อย่างไร พวกมันก็ได้แต่บอกว่าพวกมันพบเจออาวุโสตงฟางระหว่างทาง และอีกฝ่ายให้พวกมันกลับมาจัดการเรื่องราวในฝ่ายนอกให้อยู่ในความสงบ

“อาวุโสต่งชง เยี่ยหมานเข้าสำนักมาภายใต้การดูแลของเจ้า…ข้าเกรงว่าเรื่องนี้เจ้ายากจะรอดพ้นไปได้”

อาวุโสฝ่ายนอกคนหนึ่งกล่าวออกเสียงเข้มขณะมองไปยังต่งชง

ต่งชงนั้นเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอกที่รับผิดชอบในการทดสอบเข้าสำนัก ตอนที่ต้วนหลิงเทียนกับเยี่ยหมานเข้าร่วมสำนัก

ได้ยินคำกล่าวนี้ ต่งชงก็ได้แต่เผยยิ้มขื่นขมตาซึม

เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ มันก็ได้แต่เตรียมใจรับผล

“หากสำนักจันทร์จรัสแสงเราตั้งกฏไม่ให้ผู้ฝึกมารเข้าร่วมแต่แรก เรื่องราวพรรค์นี้คงมิมีวันเกิดขึ้น!”

อาวุโสฝ่ายนอกคนหนึ่งเข้าข้างต่งชง “สุดท้ายความรับผิดชอบเรื่องนี้สมควรไปตกอยู่กับสำนัก มิใช่อาวุโสต่งชง เพราะอย่างไรเสียอาวุโสต่งชงก็แค่กระทำไปตามหน้าที่เท่านั้น”

“นั่นสิ! ทุกคนล้วนรู้กันดีว่าเยี่ยหมานเป็นผู้ฝึกมาร แต่ผู้ใดจะไปคิดว่าอยู่ดีๆมันจะธาตุไฟเข้าแทรกถึงขั้นถูกจิตมารครอบงำ คุ้มคลั่งฆ่าศิษย์ฝ่ายนอกไปมากมายเช่นนี้”

อาวุโสบางคนก็อดไม่ได้ที่จะมีโมโหขึ้นมา

“เอาล่ะๆ พวกเจ้าใจเย็นลงก่อนเถอะ ตอนนี้ที่พวกเราต้องเร่งไปกระทำคือทำให้ศิษย์ฝ่ายนอกที่แตกตื่นสงบลงเสียก่อน…ข้ากลัวว่าเรื่องราววันนี้จะทำให้พวกมันมีแผลใจกันมิใช่น้อย ปล่อยไปคงมิมีผลดีต่อสำนักแน่ พวกเราต้องไปแก้ไขสถานการณ์ให้เข้าที่เข้าทางโดยเร็ว”

ยังมีอาวุโสที่สงบใจและมองอ่านเรื่องราวได้ขาด

“ถูกแล้ว ตอนนี้มิใช่เวลามาเถียงกันเรื่องกฏสำนัก ที่สำคัญที่สุดคือเร่งไปทำให้ศิษย์ฝ่ายนอกอยู่ในความสงบ”

ต่งชงเองก็เห็นด้วย

กว่าที่ต้วนหลิงเทียนจะรับทราบเรื่องนี้ ก็อีก 3 วันให้หลัง

ในตลอด 3 วันที่ผ่านมา เขาได้จารึกอาคมเซียนระดับ 2 ดาวในห้องจารึกอาคมอันเงียบสงบของป๋ายลี่หง

สุดท้ายเขาก็สามารถใช้เคล็ดจารึกพิสดารจารึกอาคมเซียนระดับ 2 ดาวได้ถึงขั้นไร้ตำหนิ!

หลังจากนั้นเขาจึงออกจากห้องจารึกอาคม

และพอออกจากห้องจารึกอาคมมา เขาก็ได้รับทราบเรื่องที่ผู้ฝึกมารคุ้มคลั่งอาละวาดฆ่าศิษย์ฝ่ายนอกไปนับสิบ

“เยี่ยหมาน?”

พอเขารู้ว่าผู้ฝึกมารคนนั้นคือเยี่ยหมาน ต้วนหลิงเทียนก็เผยสีหน้าแปลกใจอยู่บ้าง

เยี่ยหมานสำหรับเขาแล้ว ก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน

เพราะตอนที่เขามาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า คนกลุ่มแรกที่เขาพบเจอก็มีเยี่ยหมานคนนี้นี่เอง

พบกันครั้งนั้น เขายังประลองชนะอีกฝ่าย สุดท้ายก็ชิงสิทธิ์เข้าร่วมค่ายมังกรซ่อนของเมืองชงซันไปจากอีกฝ่าย

หนึ่งปีหลังจากนั้น เขาถึงได้พบกับเยี่ยหมานอีกครั้งที่สำนักจันทร์จรัสแสง

วันนั้นเขาเองก็สังเกตเห็นเจตนาฆ่าฟันที่เยี่ยหมานมีต่อเขากระจ่างชัด อีกฝ่ายยังคล้ายแทบอดรอฆ่าเขาไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยเก็บเยี่ยหมานมาใส่ใจเลย

ในอดีตตอนที่เยี่ยหมานไม่ใช่ผู้ฝึกมารก็ไม่เคยอยู่ในสายตาเขา ยิ่งมันกลายเป็นผู้ฝึกมารก็ไม่ใช่อะไรที่อยู่ในสายตาเขาเข้าไปใหญ่

เพราะเยี่ยหมานที่กลายเป็นผู้ฝึกมารไปแล้ว ไม่มีทางต้านทานพลังอำนาจสะกดมารของตราผนึกมารที่เขามีได้เลย คิดฆ่าเยี่ยหมาน เขาแค่โยนตราผนึกมารใส่มันก็จบ! คิดมีเรื่องกับเขาชะตามันก็ถูกลิขิตให้ถูกตราผนึกมารบดขยี้เท่านั้น!!

‘ธาตุไฟเข้าแทรกมันจนโดนจิตมารครอบงำงั้นสินะ?’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

“แล้วนี่ไม่มีใครจับตัวมันกลับมาได้เลยหรือศิษย์พี่ป๋าย?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามป๋ายลี่หง

“หากจะกล่าวกันตามตรง พวกมันจับตัวอีกฝ่ายกลับมามิได้”

ป๋ายลี่หงตอบ

“กล่าวกันตามตรง…จับไม่ได้? เป็นไปได้ยังไง?”

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง