ตอนที่ 140 พบเจอ ช่างเป็นความคิดที่ดี (1)
มั่วเชียนเสวี่ยเดินออกมาจากเรือนของเจี่ยนชิงโยว ด้านหน้ามีบุรุษคนหนึ่งเดินมา
บุรุษคนนี้ทำตัวลับๆ ล่อๆ มองมั่วเชียนเสวี่ยตั้งแต่หัวจรดเท้า มั่วเชียนเสวี่ยเห็นว่าดวงตาของเขาคล้ายเจี่ยนชิงหวา ด้วยเหตุนี้จึงพูดด้วยวาจาดุร้าย “มองอะไร ไม่เคยเห็นหญิงงามรึไง!”
ทิ้งคำนี้เอาไว้ จากนั้นเดินไปที่เรือนของเจี่ยนชิงโยวภายใต้การนำทางด้วยสีหน้าตกตะลึงของไต้ฉิน
บุรุษผู้นั้นมองแผ่นหลังของนาง ใบหน้าฉายความเย้ยหยัน เดินเข้าไปในเรือนของเจี่ยนชิงหวาช้าๆ
สาวใช้ในเรือนเห็นเขาเดินเข้ามารีบโน้มตัวทำความเคารพ “น้อมคำนับคุณชายรอง”
คุณชายรองเจี่ยนพูด “อืม ลุกขึ้นเถอะ คุณหนูของพวกเจ้าล่ะ”
ชุ่ยจู๋ตอบ “คุณหนูอยู่ในห้องเจ้าค่ะ”
คุณชายรองเจี่ยนเห็นเจี่ยนชิงหวานั่งอยู่ในห้อง จึงเดินเข้าไปในห้อง
เห็นสีหน้าบึ้งตึงของเจี่ยนชิงหวา คุณชายรองเจี่ยนเอ่ยถาม “น้องพี่ เจ้าเป็นอะไร เหตุใดจึงโมโหเช่นนี้ พูดใดตาบอดมาหาเรื่องเจ้า บอกพี่มา”
คุณชายรองเจี่ยนและเจี่ยนชิงหวาเป็นพี่น้องมารดาเดียวกัน ทั้งสองเป็นบุตรอนุภรรยา
“พี่รอง พี่มาทำไมอีก” เจี่ยนชิงหวาโมโหกับคำพูดประโยคสุดท้ายของมั่วเชียนเสวี่ยยิ่งนัก แน่นอนว่าไม่อาจพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงรื่นหู
คุณชายรองเจี่ยนนั่งลงตรงข้ามเจี่ยนชิงหวา หยิบขนมหวานเข้าปาก “ฟังเจ้าพูดเข้า หากพี่รองไม่มีธุระก็ไม่อาจมาหาเจ้าได้หรือ”
น้ำเสียงของเจี่ยนชิงหวามีความรำคาญเล็กน้อย “มีธุระก็พูดธุระมาเถอะเจ้าค่ะ”
“มีเงินไหม เอาออกมาช่วยพี่รองหน่อยนะ”
“เงินอีกแล้ว เหตุใดพี่รองจึงมาขอเงินจากข้าอยู่ร่ำไป ข้าไม่มี!”
“เพิ่งผ่านปีใหม่มาได้ไม่นาน เงินที่ควรได้ตามธรรมเนียมและซองแดงที่ผู้อาวุโสให้ ย่อมมีไม่น้อย เหตุใดจึงไม่มีแล้ว เจ้าไม่อยากช่วยพี่รองหรือ”
“พี่รองทำความผิดอะไรมาอีกแล้วเจ้าคะ” เจี่ยนชิงหวาร้อนใจไม่น้อย มารดาของนางไม่เป็นที่โปรดปรานมานานแล้ว เป็นเพราะเหล่าไท่จวินเอ็นดูนาง ชีวิตของนางจึงถือว่าไม่แย่
พี่ชายมารดาเดียวกันคนนี้ นางยังคาดหวังว่าวันหน้าพี่ชายจะให้การสนับสนุนนาง
“เมื่อวานเล่นไพ่กับหลี่ซานเล็กน้อย รับปากไปแล้วว่าวันนี้จะคืน น้องรัก เจ้าให้พี่ยืมหน่อยเถอะ มิเช่นนั้นหากหลี่ซานบุกมาถึงเรือน หากท่านพ่อและท่านแม่ใหญ่รู้เข้า พี่ต้องถูกลงโทษอีกเป็นแน่”
“บอกพี่แล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องออกไปเล่นพนันอีก เหตุใดจึงออกไปเล่นอีกแล้ว พี่เสียไปเท่าไหร่ล่ะครานี้”
“ไม่มาก สามสิบตำลึง”
“สามสิบตำลึงยังไม่มาก? คราวหน้าห้ามไปอีก พี่ไม่รู้จักเรียนรู้จากพี่ใหญ่ อ่านตำราให้มาก ทำเรื่องที่ผ่าเผยสักเล็กน้อยบ้างหรือ” แม้เจี่ยนชิงหวากำลังพูดตำหนิ แต่ตัวนางก็เดินเข้าไปหยิบเงินในห้องแล้ว “ข้ามีไม่มาก มีเพียงเท่านี้ พี่อย่ามาหยิบยืมจากข้าอีก”
“ขอบคุณน้องรัก” คุณชายรองเจี่ยนรับเงิน ใบหน้ายิ้มแย้ม “น้องพี่ สตรีที่เดินออกไปเมื่อครู่คือใคร เหตุใดพี่ไม่เคยเห็นในจวนมาก่อน”
“พี่รองหมายถึงสตรีคนใด”
“สตรีที่ไต้ฉินติดตามอยู่ด้านหลังอย่างไรเล่า” คุณชายรองนับเงินในถุงเงิน พร้อมกับพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไต้ฉินเป็นสาวใช้ของเจี่ยนชิงโยว เหตุใดเจ้าจึงไปสนิทสนมกับเจี่ยนชิงโยวอีกแล้ว คราวก่อนนางเป็นคนทำให้พี่รองถูกลงโทษ ถูกกักบริเวณเจ็ดวัน ทั้งยังต้องนั่งคัดคำสอนของตระกูลในศาลบรรพบุรุษจนตะคริวกิน…”
ได้ฟังคุณชายรองถามถึงมั่วเชียนเสวี่ย เจี่ยนชิงหวาทอประกาย กลายเป็นคนมีไหวพริบขึ้นมาทันที มองข้ามคำพูดในตอนท้ายที่เขาพูด “พี่รอง พี่ช่วยน้องเรื่องหนึ่ง น้องจะขอบคุณอย่างงาม”
“เรื่องอะไร”
……
วันนี้ขณะที่ไต้ฉินเดินนำมั่วเชียนเสวี่ย ขณะที่พวกนางเดินไปไม่ไกลมากนัก มีสาวใช้คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น บอกว่าคุณหนูเจ็ดเชิญหนิงเนียงจื่อไปเสวนา มั่วเชียนเสวี่ยนึกถึงสถานการณ์ในวันนั้น อวิ๋นอิ๋นไม่อยู่ นางไม่รู้รายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น รู้เพียงว่าคุณหนูทั้งสองถูกหนิงเซ่าชิงตำหนิและไล่ออกมา
คิดถึงตรงนี้ มั่วเชียนเสวี่ยแทบกระอักเลือด เพิ่งกำจัดคนเก่งไป มีคนโง่โผล่มาอีก เห็นหน้าเห็นตากันเพียงครู่หนึ่ง….นี่คุณหนูทั้งสองต่างหมายปองหนิงเซ่าชิง?
ช่างเถอะ หนึ่งคนก็ต้องจัดการ สองคนก็ต้องจัดการ ด้วยเหตุนี้นางจึงตัดสินใจหนักแน่น เดินตามสาวใช้ของคุณหนูเจ็ดเจี่ยนชิงเจินไป
ไต้ฉินอยากจะขวางแต่ก็ไม่อาจขวางได้ ทำได้เพียงกระทืบเท้าแล้วเดินตามไป คุณหนูใหญ่บอกเอาไว้แล้ว หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหนิงเหนียงจื่อที่จวนเจี่ยน นางต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อครู่ตอนไปเรือนคุณหนูห้า นางถูกสาวใช้ของคุณหนูห้าขวางเอาไว้และให้อยู่ด้านนอก ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้านใน รู้เพียงว่าในตอนหลังคุณหนูห้าบอกให้ส่งแขกด้วยความไม่สบอารมณ์
คุณหนูห้าขึ้นชื่อเรื่องนิสัยดี แต่กลับโมโหขนาดนั้น เห็นชัดว่าหนิงเหนียงจื่อเป็นคนมากเรื่อง
ไต้ฉินลอบภาวนาในใจ ประเดี๋ยวหนิงเหนียงจื่ออย่าได้ทำให้คุณหนูเจ็ดโมโหเด็ดขาด คุณหนูเจ็ดเกรี้ยวกราดเป็นปกติอยู่แล้ว หนิงเหนียงจื่อเป็นแขก นางไม่กล้าทำอะไรหนิงเหนียงจื่อ หากต้องการระบายความขุ่นเคืองในใจ ทำได้เพียงมาลงกับตน
ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยไปที่ถึงเรือนของเจี่ยนชิงเจิน ตรงหน้าเจี่ยนชิงเจินมีหมากกระดานวางเอาไว้ นางกำลังเดินหมากตามลำพัง
แน่นอนว่าไต้ฉินโดนพวกสาวใช้ของคุณหนูเจ็ดเจี่ยนชิงเจินขวางเอาไว้ ยืนอยู่ไกลด้วยความไม่สบายใจ มองคนทั้งสองที่พูดคุยกันในห้อง อยากจะจับใจความจากสีหน้าของพวกนาง
เจี่ยนชิงเจินเชิญมั่วเชียนเสวี่ยนั่งอย่างให้เกียรติ ทั้งสองถามสารทุกข์สุกดิบกัน จากนั้นเจี่ยนชิงเจินก็พูดถึงเรื่องหมากรุก
“หนิงเหนียงจื่อเดินหมากเป็นหรือไม่”
“ไม่”
“เอ๊ะ วันนั้นที่ไปตระกูลหนิง คล้ายมีคนเดินหมากด้วยกันที่ลานหน้าเรือน?”
“นั่นคือสหายของสามีเชียนเสวี่ย”
“สหาย? สามีของหนิงเหนียงจื่อไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงได้มีสหายที่สง่าผ่าเผยไม่ธรรมดาเช่นนั้น สหายคนนั้นไปที่เรือนของเจ้าบ่อยหรือไม่ ปกติแล้วไปเมื่อใด” ดวงหน้าของเจี่ยนชิงเจินคล้ายสงสัยอย่างไม่ได้ใส่ใจ แต่แววตาทอประกายแสงแห่งความสุข ไม่อาจรอดพ้นสายตามั่วเชียนเสวี่ยได้ ดูเหมือนว่าบุรุษที่คุณหนูคนนี้ชอบพอไม่ใช่หนิงเซ่าชิง แต่คือจอมทะเล้นซูชีที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต มั่วเชียนเสวี่ยก็โล่งอก
ใบหน้าของเจี่ยนชิงเจินแม้จะเขินอาย ทว่าความยินดีในแววตาของนางเปี่ยมไปด้วยความหลงใหลที่ยากจะซ่อนเร้น
นึกถึงซูชีสะบัดพัด แค่มองก็รู้ว่าเป็นบุรุษขี้เล่น ช่วยนางเสียหน่อยก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องหากเจ้ายินดีข้าก็ยินยอม ไม่แน่ซูชีอาจจะกำลังรอสตรีไปข้องแวะก็ได้
ด้วยเหตุนี้ มั่วเชียนเสวี่ยจึงชื่นชมซูชีเป็นการใหญ่ บอกว่าเขาเป็นบุรุษที่ดียิ่งนัก สูงศักดิ์และสง่าผ่าเผย เป็นบุรุษที่มีอนาคต…นึกคำชมใดได้นางก็ชมไปหมดทุกอย่าง
คุณหนูเจ็ดชื่นชอบซูชีอยู่แล้ว ทั้งยังรู้ว่าชาติตระกูลของซูชีไม่ธรรมดา เวลานี้ได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยชื่นชมเช่นนี้ จิตใจย่อมรื่นรมย์เบิกบาน
นึกขึ้นได้ว่าซูชีชอบขนมเถาซูของมั่วเชียนเสวี่ย ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยกลับ เจี่ยนชิงเจินให้ของกำนัลมั่วเชียนเสวี่ยไม่น้อย บอกเพียงว่าชื่นชอบขนมหวานที่เรือนของมั่วเชียนเสวี่ยมาก ให้มั่วเชียนเสวี่ยทำมากหน่อย อีกสองสามวันนางจะส่งคนไปเอา
มั่วเชียนเสวี่ยเองก็ไม่เกรงใจ ให้ไต้ฉินช่วยยกของกำนัล นางพยักหน้ารับปากเรื่องนี้ จากนั้นกล่าวขอบคุณแล้วขอตัวลา