“นี่เขาเคยเรียนศิลปะการต่อสู้จริง ๆ หรือ?” หลินถามพลางมองไปที่เขา

เสี่ยวเฟยเฟยส่ายหัว เธอจ้องมองเหย่หลิงเฉินตาไม่กะพริบ

ในสนามที่กว้างใหญ่ ดวงตาของเหย่หลิงเฉินค่อย ๆ ปิดลง หมัดทั้งสองของเขาอยู่ในท่าทางที่เหมาะสม เท้าของเขาจัดวางตามท่าทีที่สง่างาม แต่ละก้าวที่เขาก้าวออกไปพร้อมกับหมัด

ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในแต่ละหมัด แม้ว่าจะดูเรียบง่ายแต่ก็มีความรู้สึกที่กลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์แบบ

เมื่อมองอย่างใกล้ชิดเราสามารถสังเกตได้ว่าระยะทางของทุกย่างก้าวที่เหย่หลิงเฉินทำนั้นเท่ากันทุกประการ การชกแต่ละครั้งของเขาดำเนินไปอย่างแม่นยำด้วยความเร็วเท่ากัน ทุกย่างก้าว ทุกหมัด และแม้แต่การหายใจระหว่างแต่ละหมัดก็ประสานกันอย่างลงตัว

ในที่สุดหมัดธรรมดาก็เริ่มเปลี่ยนไป ร่างกายของเหย่หลิงเฉินระเบิดออกมา ทุกการเคลื่อนไหวให้ความรู้สึกถึงความงดงามทางศิลปะ

อย่างไรก็ตามภายใต้ผลของความงามดังกล่าวมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

กล้ามเนื้อบนร่างกายของเขาปูดโปนทำให้ดวงตาของผู้ชมกระตุกด้วยความตื่นเต้น เขาเหมือนเสือที่กำลังไล่ล่าเหยื่อให้กลิ่นอายที่น่ากลัวออกมา

“งดงามมาก!” หลินมองไปที่เหย่หลิงเฉินและอดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวชมเชยเขา

หมัดของเหย่หลิงเฉินปล่อยออกมาเท่า ๆ กันโดยไม่พลาดจังหวะ ในระหว่างนั้นกระบวนการทั้งหมดดูเป็นธรรมชาติและดำเนินการได้อย่างง่ายดาย

เธอเคยเห็นคนอื่น ๆ แสดงศิลปะการป้องกันตัวเช่นนี้ แต่ไม่มีใครที่เหมือนเหย่หลิงเฉิน เขาดูเป็นธรรมชาติ สง่างาม เรียบง่ายแต่มีพลัง

ดวงตาของเสี่ยวเฟยเฟยเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจมุมปากของเธอโค้งงอเป็นรอยยิ้ม

อย่างไรก็ตามหลี่ไท่เบิกตากว้างจ้องมองความสามารถอันน่าทึ่งนี้ต่อหน้าเขา

เขายืนชื่นชมการเคลื่อนไหวร่างกายของเหย่หลิงเฉิน เขาสามารถบอกได้ว่าเทคนิคการกำปั้นของเหย่หลิงเฉินนั้นยอดเยี่ยมมาก

หมัดของเขาช่างน่าประทับใจ เสียงชกต่อยของเขามาพร้อมกันอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกอย่างเชื่อมโยงกันเป็นอย่างดี เทคนิคของเขาเทียบได้กับปรมาจารย์รุ่นเก่าที่ใช้เวลาฝึกฝนมาหลายสิบปี

เขารู้สึกว่าถ้าเหย่หลิงเฉินอัปโหลดวิดีโอการเคลื่อนไหวของลงสื่อออนไลน์ล่ะก็ จะต้องเกิดไวรัลขึ้นอีกแน่นอน

นี่แหละผู้เชี่ยวชาญในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้!

เหย่หลิงเฉินถูกโอบล้อมไปด้วยกระแสลมอ่อน ๆ การเคลื่อนไหวท่าทางการปล่อยหมัดของเขากระจายออกมาทำให้เกิดเสียงโหยหวนขณะที่กำปั้นกระทบโดนลบ

หากหมัดนั้นไปโดนใครเข้าล่ะก็ เขาอาจต้องเจ็บตัวเลยทีเดียว

สายลมแผดเสียงราวกับบ่นว่ามันกำลังถูกทำร้าย

ในที่สุดการเคลื่อนไหวร่างกายของเขาก็สิ้นสุดลงด้วยท่วงท่าอย่างสง่างามอย่างหาที่เปรียบมิได้

“แปะแปะแปะแปะแปะแปะแปะแปะ” เสียงปรบมือดังก้อง ทุกคน ณ ที่นั่นต่างปรบมือชื่นชมเขาด้วยความตื่นเต้น

“ขออภัยด้วยหากท่าทางของผมดูไม่เป็นมืออาชีพ” เหย่หลิงเฉินจับมือของเขาไว้ที่หน้าอกและทักทายผู้คนอย่างนอบน้อม

“นั่นมันไม่ได้แย่เลย มันดูเหมือนของจริงระดับมืออาชีพ” หลินพูดกับเหย่หลิงเฉินผ่านริมฝีปากที่มุ่ยของเธอ

“ฮ่า ๆๆๆๆๆ น้องเหย่ของเรานี่ร้ายจริง ๆ เก่งใช่ย่อยเลย! ฉันประทับใจมาก!” หลี่ไท่หัวเราะขณะที่เขากล่าวชื่นชมเหย่หลิงเฉิน

ท่าทีของเขาเป็นมิตรกว่าเมื่อก่อนมาก เขาไม่กล้าที่จะดูถูกเหย่หลิงเฉินอีกต่อไป

หนุ่มคนนี้มันไม่ใช่เล่น ๆ เลย

“ผอ.หลี่ คุณคิดว่ายังไง โอเคไหมครับ” เหย่หลิงเฉินถาม

“แน่นอนว่าต้องโอเคอยู่แล้ว!” หลี่ไท่พยักหน้า “การเคลื่อนไหวร่างกายของนายเป็นศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริง หาที่เปรียบไม่ได้เลยล่ะ!”

“ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็เรียบร้อย” เหย่หลิงเฉินยิ้ม เขาเป็นคนเริ่มต้นปัญหาขึ้นมา แน่นอนว่าจะดีที่สุดถ้าเขาสามารถช่วยเหลืออะไรหลี่ไท่กับทุกคนได้ “คุณหาผู้ชายมาได้เลย ผมจะจัดการต่อให้เอง”

หลี่ไท่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นด้วยแรงบันดาลใจอย่างกะทันหัน เขาจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉิน “น้องเหย่ นายน่ะมีท่าทางที่ดีเช่นนี้ จะน่าเสียดายมากถ้าเธอไม่ถ่ายภาพยนตร์แนว Wuxia สักเรื่อง”

การเพิ่มศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงในภาพยนตร์กังฟูนั่นเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การรับชม!

“ถูกต้องแล้วหลิงเฉิน!” เสี่ยวเฟยเฟยจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

เหย่หลิงเฉินส่ายหัวพร้อมหัวเราะอย่างขมขื่น “คุณหลี่ พี่เฟยเฟย ผมไม่ชอบการแสดงเลย”

“เธอไปเป็นตัวประกอบได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ตอบรับคำของฉันเนี่ยนะ” เสี่ยวเฟยเฟยจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความโกรธแค้น

“นั่นมัน…” เหย่หลิงเฉินแสดงสีหน้าไม่แน่ใจ

“ฮ่า ๆๆๆๆๆ ฉันรู้ว่าน้องเหย่กังวลเรื่องอะไร” หลี่ไท่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “ตัวละครใน Legend of the Heroine จะสวมหน้ากากตั้งแต่ต้นจนจบ เธอไม่ต้องเปิดเผยใบหน้าของตัวเองเลย!”

“ผู้กำกับครับ นั่นคือบทของตัวร้ายที่ใหญ่ที่สุดในหนังเรื่องนี้นะครับ” ใครบางคนเตือนเขาจากด้านข้าง

ไม่ว่าจะเป็นคนเขียนบทหรือตากล้องต่างก็มองเหย่หลิงเฉินอย่างสงสัย

การปกปิดใบหน้าจะเป็นการทดสอบทักษะการแสดงของบุคคลนั้นเพิ่มเติม มิฉะนั้นจะใช้อะไรดึงดูดผู้ชมได้

“เราจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะดีหรือไม่ดีถ้าเราไม่ลองก่อน” เสี่ยวเฟยเฟยให้การสนับสนุนเหย่หลิงเฉินอย่างเต็มที่ เธอเกี่ยวแขนของเหย่หลิงเฉิน “ตัวละครนี้มีฉากถ่ายทำร่วมกับฉันมากมาย หลิงเฉิน ฉันกำลังขอร้องอยู่ เธอจะลองดูหน่อยได้ไหม”

หลี่ไท่และคนอื่น ๆ ต่างก็เหงื่อแตก ใครจะคิดว่าเสี่ยวเฟยเฟยจะทำตัวงุ่มง่ามกับใครบางคนได้ขนาดนี้

“งั้น…ก็ได้” เหย่หลิงเฉินพยักหน้า “แต่ไม่ว่ายังไงก็ห้ามเปิดเผยข้อมูลและตัวตนของผมแล้วกัน”

เขาไม่อยากถูกปาปารัสซี่สะกดรอยตาม

จากนั้น ทุกอย่างก็ตกลง ดีล!!

เหย่หลิงเฉินสวมเสื้อคลุมสีดำประดับด้วยหน้ากากเหล็กสีดำ ด้วยความสูงสง่าของเขาทำให้ดูมีความหล่อเหลาเลยทีเดียว

บางทีอาจเป็นเพราะเขาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ จึงทำให้เขาดูดีมีเอกลักษณ์และเสน่ห์มากกว่าคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน

“ไม่เลวเลยนี่” เสี่ยวเฟยเฟยกล่าวขณะที่เธอมองเหย่หลิงเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า

บทบาทของเหย่หลิงเฉินคือหัวหน้าวายร้ายในละครทีวี เขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้และมีพลังอย่างไม่มีเหตุผล เขาตกหลุมรักนักแสดงนำหญิงในภาพยนตร์เรื่องนี้ และนั่นก็คือเสี่ยวเฟยเฟย

ตัวร้ายตกหลุมรักนางเอกตั้งแต่เริ่มต้น

ในสถานการณ์อันมืดมิดเหย่หลิงเฉินจะช่วยเหลือเสี่ยวเฟยเฟยตลอด แม้จะช่วยชีวิตเธอได้หลายครั้ง และท้ายที่สุดเขาจะเสียสละตัวเองเพื่อเสี่ยวเฟยเฟย

พล็อตเรื่องนั้นดูน่าดึงดูดเล็กน้อย แต่เมื่อเพิ่มองค์ประกอบของศิลปะการต่อสู้เข้าไปด้วยก็น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

“หลิงเฉิน จะถึงตาเธอแล้ว อย่าประหม่าล่ะ” เสี่ยวเฟยเฟยเดินเข้าไปในฉาก

ฉากนี้เป็นสถานที่ที่เหย่หลิงเฉินและเสี่ยวเฟยเฟยพบกันเป็นครั้งแรก

เสี่ยวเฟยเฟยเสียหลักและตกลงไปจากหน้าผา เหย่หลิงเฉินที่อยู่ด้านล่างรีบตรงไปช่วยเธออย่างรีบร้อน

แม้ว่าฉากนี้จะอ้างว่าเป็นหน้าผา แต่ความจริงแล้วมันก็เป็นแค่เพียงกองดินเล็ก ๆ ที่มีความสูงไม่ถึง 5 เมตร ฝ่าย CG จะแก้ไขมันในภายหลัง

“น้องเหย่ แน่ใจนะว่าจะไม่เอาอุปกรณ์สายรัดเพื่อความปลอดภัย” หลี่ไท่ถามอย่างกังวล

“ไม่ต้องครับ” เหย่หลิงเฉินส่ายหัว “ความสูงไม่ถึง 5 เมตรเอง ผมโอเค!”

“โอเค ได้เลย”

“พร้อมนะ”

“5 4 3 2… แอคชั่น!!”

เสี่ยวเฟยเฟยสะดุดล้มลงจากหน้าผา!

เธอหงายหลังลงมา หน้าหันขึ้นไปบนท้องฟ้า เสียงลมพัดกับกระโปรงสีขาวของเธอโบกสะบัด

ร่างของเสี่ยวเฟยเฟยค่อย ๆ ลดระดับลงมาอย่างช้า ๆ ด้วยอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย

ในขณะนั้นเหย่หลิงเฉินที่สวมหน้ากากก็ปรากฏตัวขึ้น

เขายืนอยู่ที่ด้านล่างของหน้าผาโดยมีพัดลมไฟฟ้าขนาดใหญ่พัดมาที่ตัวเขาเพื่อให้ทุกอย่างโบกไปมาอย่างเสมือนจริง

หลังจากนั้นเขาก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูง เขาก้าวขึ้นไปบนกำแพงหน้าผาแล้วพุ่งขึ้นไป!

กองดินที่สูงเกือบ 5 เมตรและถูกวางเอาไว้ในแนวตั้ง คนธรรมดาโดยทั่วไปจะไม่สามารถปีนได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

ในไม่ช้า เหย่หลิงเฉินก็ก้าวขึ้นไปถึง เขาพลิกตัวไปด้านข้างและลอยขึ้นไปในอากาศ!

พร้อมกับมือทั้งสองข้างจับเสี่ยวเฟยเฟย ทั้งสองพบกันครั้งแรก พวกเขาจ้องมากันผ่านสายตาที่หลงใหลในกันและกัน การถ่ายภาพระยะใกล้สมบูรณ์แบบด้วยมุมที่สวยงาม!

“เฮ้ย! นั่นมันกำแพง!!” ทีมงานกล้องตกตะลึงด้วยความประหลาดใจ

การเคลื่อนไหวของเหย่หลิงเฉินไม่ใช่เทคนิคพิเศษบางอย่างที่สามารถแก้ไขได้ในระหว่างหลังการถ่ายทำ การแสดงความสามารถนั้นเป็นความสามารถของเขาเองล้วน ๆ !

ฉากนี้จะเป็นไฮไลท์สำคัญของละครทีวีอย่างแน่นอน!

“เฟยเฟย เฟยเฟย…” หลินร้องเบา ๆ เพียงเท่านั้นเสี่ยวเฟยเฟยก็เริ่มหน้าแดงขณะที่เธอออกจากอ้อมกอดของเหย่หลิงเฉิน

“นี่เธอคงแค่อินกับบทอยู่ใช่ไหม…” หลินถามเสี่ยวเฟยเฟยอย่างสงสัย

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเหย่หลิงเฉินและเสี่ยวเฟยเฟยจะต้องจ้องมองกันอย่างหลงใหล น่าแปลกใจที่เสี่ยวเฟยเฟยสูญเสียความเป็นตัวเองไปในขณะนี้

เสี่ยวเฟยเฟยไม่กล้ามองไปที่เหย่หลิงเฉิน “ไม่ ฉันประหลาดใจมากที่ทักษะทางด้านการแสดงของหลิงเฉินมันดีเกินไป”

ฉากที่พวกเขาจ้องมองกันก่อนหน้านี้ เหย่หลิงเฉินสามารถแสดงแก่นแท้ของ ‘รักแรกพบ’ ให้ทุกคนได้เห็น ความหลงใหล ความขัดแย้ง ความกลัว ความอ่อนโยน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในคราวเดียว สายตาที่จ้องมองนั้นเกือบจะทำให้เสี่ยวเฟยเฟยหลงเข้ามา

“ขอดูฉากเมื่อกี้หน่อย!” หลี่ไท่เร่งเร้าอย่างไม่อดทน

ทุกคนมองไปที่หน้าจอการถ่ายทำ ฉากนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข

อย่างไรก็ตามด้วยการมองเพียงครั้งเดียวใบหน้าของพวกเขาทุกคนก็แสดงความประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“น้องเหย่ นี่นายเคยเรียนการแสดงมาก่อนรึเปล่า” หลี่ไท่ถามเหย่หลิงเฉิน

เสี่ยวเฟยเฟยและคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่เหย่หลิงเฉินในเวลาเดียวกัน

ทักษะการแสดงของเขานั้นดูน่าเกรงขามจนไม่น่าเชื่อ!

จากออร่าที่เขาแสดงออกมาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการเคลื่อนไหวของเขา การจ้องมองไปยังดวงตานั้นช่างน่าตกตะลึงยิ่ง!

โดยปกติแล้วเมื่อทุกคนดูละครก็ต่างจะจับจ้องไปที่เสี่ยวเฟยเฟยผู้เป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับแนวหน้าของวงการ แต่เมื่อเธอเข้าฉากกับเหย่หลิงเฉินคนนี้ สายตาของทุกคนกลับเบี่ยงเบนไปที่เหย่หลิงเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ

ขณะที่เหย่หลิงเฉินเป็นตัวร้ายในละครเวที โหดเหี้ยม เย่อหยิ่ง แต่ซ่อนความอ่อนโยนและน่าหลงใหลเอาไว้ คุณสมบัติมากมายเช่นนี้หาได้ยากที่นักแสดงทั่วไปจะถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยมแบบนี้

ผู้คนที่ตอนแรกกังวลเกี่ยวกับทักษะการแสดงของเหย่หลิงเฉินต่างก็พูดไม่ออก

“น้องเหย่เกิดมาเพื่ออยู่บนหน้าจอโทรทัศน์จริง ๆ!” หลี่ไท่อุทานอีกครั้ง เขาทนไม่ไหวแล้วที่จะดึงเหย่หลิงเฉินมาอยู่ภายใต้สังกัดของเขา

“เอาล่ะ ฉากนี้ถ่ายทำครั้งเดียว ผ่าน! เตรียมฉากต่อไปให้พร้อม!!”

หลี่ไท่แทบรอไม่ไหวแล้วที่จะรอดูทักษะการแสดงของเหย่หลิงเฉิน

“แอคชั่น!!!”

ฉากนี้เหย่หลิงเฉินถูกล้อมรอบไปด้วยฝูงชน เขาต้องปรากฏตัวออกมาและทำตัวเป็นผู้กดขี่ข่มเหง หยิ่งผยองต่อสู้เพื่อหาทางออกจากสถานการณ์เช่นนี้ด้วยตัวเอง

เหย่หลิงเฉินสวมชุดคลุมสีดำยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากาก แต่ดวงตาของเขากลับถ่ายทอดทุกสิ่งออกมาได้อย่างชัดเจน!

“เตรียมตัวตาย!!”

เสียงตะโกนที่รุนแรงราวกับฟ้าร้องพร้อมเทคนิคพิเศษมากมายรอบตัวเขาทำให้เขารู้สึกอ่อนแรง หลี่ไท่แม้จะอยู่นอกฉาก แต่ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากการกดขี่ข่มเหงที่พุ่งเข้าหาเขา!

วินาทีต่อมา เหย่หลิงเฉินขยับตัวของเขา!

การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้ผ่านการฝึกฝนใด ๆ ก่อนเข้าฉาก แต่เขากลับทำตามสิ่งที่เขาต้องการได้อย่างลงตัว ทุกการเคลื่อนไหวบีบคั้น แต่น่าตื่นตา ภายในฝูงชนในระดับที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ ความเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ของเขาและกลิ่นอายของการดูหมิ่นโลกได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ผ่านการแสดงของเขา

“ วิเศษมาก! นั่นล่ะคือหัวใจสำคัญของการแสดง!”

หลี่ไท่สั่นด้วยความตื่นเต้น “ตากล้องทุกคนเก็บภาพจากทุกมุมด้วย! ดวงตา การเคลื่อนไหว และการเดินของเขา เก็บให้หมด!”