หลังจากนั้นเหย่หลิงเฉินก็ใช้เวลาทุกวันไปกับการถ่ายทำร่วมกับทีมงานภาพยนตร์ วันหยุดฤดูร้อนนี้ยังไม่จบลง และวันเวลาของเขาก็ผ่านไปอย่างช้า ๆ

โดยปกติแล้วตัวละครที่เขาได้รับเล่นนั้นมีฉากที่ต้องปรากฏตัวเป็นจำนวนไม่มาก แต่ด้วยความสามารถทางด้านการแสดงของเขา เขาได้ปรากฏตัวบนหน้าจอและร่วมแสดงกับเสี่ยวเฟยเฟยหลายคราวเลยทีเดียว

ต้องบอกว่าเนื่องจากความสามารถพิเศษและการแสดงที่ดีของเหย่หลิงเฉิน ทำให้ผู้กำกับหลี่ได้ตัดสินใจอย่างกะทันหันที่จะเปลี่ยนบทใหม่และเพิ่มฉากพิเศษสำหรับเหย่หลิงเฉินโดยเฉพาะ!

จากแผนเดิมคือให้เป็นตัวร้ายสมทบคนที่สาม แต่ตอนนี้ได้ยกระดับเป็นตัวที่สองแล้ว การปรากฏตัวของเขากับเสี่ยวเฟยเฟยเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก

เสี่ยวเฟยเฟยให้การสนับสนุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ทำให้ผู้อื่นไม่ได้คัดค้านใด ๆ

ในบ่ายวันหนึ่งที่บรรยากาศสบาย ๆ เหย่หลิงเฉินกำลังนอนอยู่บนเก้าอี้เอนกายที่ทีมงานภาพยนตร์เตรียมไว้ให้เขา เขาถือส้มแมนดารินในมือพร้อมปอกเปลือกแล้วใส่แต่ละชิ้นเข้าปาก

“เธอรู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองผ่อนคลายเป็นอย่างดีสินะ”

เสี่ยวเฟยเฟยเดินมาหาเขาและยิ้มขณะที่เธอพูด “ในบรรดาผู้คนทั้งหมดนี้ เธอดูชิลล์ที่สุดแล้ว”

“จะให้พูดยังไงดีล่ะ ใครกันที่อนุญาตให้ผมไม่ต้องฝึกซ้อมก่อนและยังคงแสดงได้แบบเทคเดียวผ่านสบาย ๆ กันล่ะ” เหย่หลิงเฉินยกมือขึ้น “ผู้กำกับหลี่ดูแลผมดีมาก ส้มแมนดารินไหมครับ?”

เสี่ยวเฟยเฟยหยิบขึ้นมาและมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างสงสัย “ใครสอนการแสดงให้เธอ”

เธอทำงานมาหลายปีแล้วและตอนนี้เป็นถึงนักแสดงหลัก ทักษะการแสดงของเธอได้รับการขัดเกลาผ่านบทเรียนนับไม่ถ้วนจนทำให้เธอมาอยู่ในจุดนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเหย่หลิงเฉินแล้วทักษะของเธอดูแย่ทีเดียว!

เหย่หลิงเฉินชี้ไปที่คู่มือการเตรียมตัวเป็นนักแสดงของเขาบนโต๊ะ

“แค่ทำตามคู่มือนี้เนี่ยนะ?”

“ช่วยไม่ได้ ผมน่ะมีพรสวรรค์” เหย่หลิงเฉินกล่าวขณะที่เขายักไหล่

บรื้น ๆๆๆๆๆ

ขณะเดียวกันเสียงของเครื่องยนต์ก็ดังเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อย ๆ รถจากัวร์สีดำสนิทขับเข้ามาหาพวกเขาใน Hengdian Studios อย่างรวดเร็ว

ในที่สุดมันก็มาหยุดตรงหน้าของเหย่หลิงเฉินและเสี่ยวเฟยเฟย

จริง ๆ แล้วที่นี่ห้ามมิให้ยานพาหนะใดเข้ามาภายใน Hengdian Studios

แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าที่จะหยุดรถคันนี้!

เพราะนี่เป็นรถของคุณหลู่

จากนั้นมีสองร่างที่ก้าวออกมาจากรถทีละคน

คนหนึ่งมีผิวสองสี อีกคนผิวสีขาว คนหนึ่งสูง อีกคนหนึ่งเตี้ย คนหนึ่งร่างกายกำยำ แต่อีกคนผอม

ชาวต่างชาติเหรอ??

คิ้วของเหย่หลิงเฉินขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

สองคนนี้ดูออกอย่างชัดเจนว่าเขามีเชื้อชาติที่แตกต่างกัน คนหนึ่งเป็นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนอีกคนเป็นชาวยุโรป!

“คุณหญิงเสี่ยว นี่คือของขวัญที่คุณหลู่ส่งมาให้คุณ”

ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พูดกับเสี่ยวเฟยเฟยก่อนจะดึงที่เบาะหลังของรถขึ้น กลิ่นหอมอบอวลจากรถลอยขึ้นไปในอากาศ

หลังรถทั้งคันเต็มไปด้วยดอกไม้

ประกอบไปด้วยดอกกุหลายตรงกลางที่เรียงอย่างพิถีพิถันเป็นรูปหัวใจ รอบ ๆ มีทั้งดอกทิวลิป ลิลลี่ และลาเวนเดอร์หลากสี

ทุกสีของดอกไม้เสริมซึ่งกันและกันอย่างสวยงามและจัดเรียงเป็นรูปหัวใจ นอกจากกลิ่นหอมแล้วก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้หญิงเคลิ้มได้

แต่โชคไม่ดีที่เสี่ยวเฟยเฟยไม่ไหวติงใด ๆ

เธอกล่าวอย่างนิ่งเฉยว่า “ได้โปรดขอบคุณคุณหลู่ด้วย ฉันรู้สึกขอบคุณ”

“คงจะดีกว่าถ้าคุณเสี่ยวจะรับของขวัญชิ้นนี้ นายน้อยของเราได้เตรียมของขวัญชิ้นนี้ไว้ให้มากมาย ดอกไม้ทั้งหมดนำเข้าจากต่างประเทศ” ชายเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว

“ฉันไม่ชอบ โปรดเอาออกไปด้วย!” เสี่ยวเฟยเฟยพูดอย่างเย็นชาพลางขมวดคิ้ว

“ถ้าคุณเสี่ยวไม่ชอบล่ะก็ นายน้อยของเราได้เตรียมของขวัญให้อีกชิ้นเอาไว้ให้แล้ว!” ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวขณะที่เขาจ้องมองเหย่หลิงเฉินอย่างเย็นชาราวกับว่าเขาเป็นเหยื่อ “นายน้อยไม่ชอบเวลาที่คุณเสี่ยวอยู่ใกล้กับผู้ชายคนอื่นมากเกินไป”

“หักขามันทิ้งซะ!”

ชายยุโรปที่อยู่ด้านหลังก้าวไปข้างหน้า

ร่างกายของเขาประกอบด้วยกล้ามเนื้อมัดโตและแข็งราวกับหิน ร่างกายของเขาดูดียิ่งกว่านักศิลปะการต่อสู้

นักศิลปะการต่อสู้จะมีไขมันเพิ่มขึ้นในวัยกลางคนเนื่องจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกายมนุษย์ แต่ชาวยุโรปคนนี้ไม่เป็นเช่นนั้น

“ฉันควรแนะนำประวัติเขาสักหน่อย เขาเป็นแชมป์ในสนามต่อสู้ใต้ดินในต่างประเทศ” ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวอย่างเย็นชา

ทันทีที่เขาพูดจบชายยุโรปก็โจมตีต้นไม้ที่อยู่ข้าง ๆ เขาอย่างรวดเร็ว!

หมัดของเขาราวกับสายฟ้า ความแข็งแกร่งของเขาเหมือนวัวที่บ้าคลั่ง!

ปั้ง!!!

ลำต้นของต้นไม้มีความหนาครึ่งเมตร แต่ยังสามารถมองเห็นรอยประทับของกำปั้นบนเปลือกไม้ได้!

เสี่ยวเฟยเฟยตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้าของเธอซีดลงอย่างเห็นได้ขัด

เหย่หลิงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเฟยเฟย มือของเขากำแน่นเป็นหมัดในขณะที่เขาจ้องมองชาวต่างชาติทั้งสองคน

“พอได้แล้ว! ฉันจะรับดอกไม้พวกนี้ก็ได้ ไปซะ!”

เสี่ยวเฟยเฟยพูดด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่ง

ชาวต่างชาติสองคนยิ้มและจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างเย็นชาก่อนจะกลับเข้าไปในรถ

“วันนี้ถือว่าแกยังโชคดี ครั้งหน้าแกไม่รอดแน่…”

ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชี้ไปที่เหย่หลิงเฉินก่อนที่จะลากนิ้วหัวแม่มือไปที่คอของเขาอย่างตั้งใจหาเรื่อง!

“พวกเขาเป็นใคร?” เหย่หลิงเฉินถาม ดวงตาของเขาหรี่ลงขณะที่รถหายไปจากมุมมองของเขาพร้อมกับเสียงคำรามของเครื่องยนต์

“พวกเขาเป็นลูกน้องของหลู่ห่าว จาก Lu Group” เสี่ยวเฟยเฟยพูดอย่างหมดหนทาง ในดวงตาของเธอแสดงออกถึงความเหนื่อยล้า

“ฉันขอโทษที่ลากเธอเข้ามาเกี่ยว” เสี่ยวเฟยเฟยกล่าวขอโทษ

“คุณเฟยเฟย คุณไม่ควรต้องขอโทษเลย คุณช่วยผมมาตั้งกี่ครั้งแล้ว?” เหย่หลิงเฉินยิ้มอย่างไม่แยแส หลังจากนั้นใบหน้าของเขาก็แข็งขึ้นเล็กน้อย “ถ้าคุณมีปัญหาก็บอกผม ผมจะไม่ปล่อยให้ใครรังแกคุณ!”

เสี่ยวเฟยเฟยยิ้มตอบอย่างขมขื่น

กลุ่มหลู่มีขนาดใหญ่และมีอำนาจทุกอย่าง เหย่หลิงเฉินจะช่วยอะไรเธอได้บ้าง?

เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ทำให้บรรยากาศไม่ค่อยดีนัก

หลี่ไท่ถอนหายใจ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรผู้ถือหุ้นก็ยังมีความสำคัญที่สุดและเงินทุนของพวกเขาก็คือเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับหนึ่ง

วัดถัดมา…

วันนี้เหย่หลิงเฉินตื่นเร็วกว่าปกติ

หลังจากวิ่งเสร็จในตอนเช้า เขาก็ฝึกฝนหมัดอรหันต์และหมัด 8 ปรมัตถ์ เป็นเวลาสามเซ็ตก่อนที่เขาจะหยุดพัก

เหตุการณ์ล่าสุดทำให้เขาตระหนักถึงความสำคัญของพลัง!

เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้น!

“เหย่หลิงเฉิน!”

ทันใดนั้นเสียงนั้นก็ทำให้เขาประหลาดใจ

“คุณนั่นเอง?”

เหย่หลิงเฉินหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ไม่ไกลเกินไปนัก

หลิงกู่ซื่อสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงยีนส์สีอ่อน และรองเท้าผ้าใบสีขาว

ดูเหมือนว่าเธอน่าจะไปวิ่งมาเช่นกัน

เธอไม่สามารถซ่อนสีหน้าแห้งเหี่ยวและวิตกกังวลจากใบหน้าของเธอได้

“เมื่อคืนนั้น เป็นเธอใช่ไหม” หลิงกู่ซื่อรีบวิ่งไปล็อคสายตาของเธอที่เหย่หลิงเฉิน เสียงของเธอเต็มไปด้วยความรีบร้อน

“คุณหมายถึงอะไร” ประโยคนี้เต็มไปด้วยความสงสัย

“คืนวันนั้นคนที่ช่วยปู่ของฉันคือคุณใช่ไหม” หลิงกู่ซื่อรู้สึกกังวลมากจนเกือบจะตะโกนคำถามของเธอ ตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง “ปู่ของฉันป่วยมากและอาการแย่ลงเรื่อย ๆ เธอใช่ไหมที่เป็นคนช่วยปู่ฉันในคืนนั้น? ได้โปรดช่วยปู่ของฉันด้วย…”

เหย่หลิงเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชายชรา

แม้ว่าพวกเขาจะพบกันเพียงช่วงสั้น ๆ แต่นิสัยของชายชราคนนั้นได้ทิ้งความประทับใจไว้ให้เขา

ไม่น่าแปลกใจที่หลายวันมานี้เขาไม่ได้เห็นปู่และหลานสาวของเขาฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยกัน

“มันต้องเป็นเธอแน่ ๆ… ใช่ไหม? ฉันจำดวงตาของเธอได้” หลิงกู่ซื่อกำลังร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอและไหลลงใบหน้าของเธอขณะที่เธอมองไปที่เหย่หลิงเฉิน ความวิตกกังวลของเธอชัดเจนมาก

ในที่สุดเหย่หลิงเฉินก็หายใจเข้าลึก ๆ และตอบอย่างเรียบง่ายว่า “ฉันเอง!”

“คุณจริง ๆ เหรอ!”

ดวงตาของหลิงกู่ซื่อเบิกกว้างและเธอก็หยุดร้องไห้ เธอมองไปที่เหย่หลิงเฉิน “เธอบอกว่สเธอสามารถรักษาอาการป่วยของปู่ของฉันได้จริงหรือ?”

“ใช่” เหย่หลิงเฉินพยักหน้า

การเรียนแพทย์มีประโยชน์มากมาย เหย่หลิงเฉินใช้เวลาว่างไปกับการเรียนรู้เกี่ยวกับการแพทย์ เขาได้อ่านศาสตร์ทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียงทั้งหมดแล้ว เขามีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนถึง 90% แล้ว

“ตามฉันมา!”

หลิงกู่ซื่อรู้สึกเหมือนราวกับว่าเธอได้เห็นความหวังสุดท้าย เธอลากเหย่หลิงเฉินไปกับเธอ

เหย่หลิงเฉินไม่ได้ทักท้วงใด ๆ เขาโทรหาเสี่ยวเฟยเฟยเพื่อขอลาพักผ่อนสักวัน

มีทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่ใจกลางสวน น้ำใสตั้งแต่ด้านบนจนถึงด้านล่าง และนิ่งสงบ

เมื่อมองไปที่ผืนน้ำของทะเลสาบมีคฤหาสน์วิลล่าหรูหราหลังหนึ่งสร้างขึ้นใจกลางทะเลสาบ มีกำแพงสีขาวและหลังคาสีแดง มันเป็นความสง่างามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของจีนโดยคงไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมแห่งความสง่างามความเรียบง่ายและความหรูหรา

จากด้านข้างของทะเลสาบมีทางเดินสีขาวที่สร้างด้วยหินอ่อนตรงไปยังประตูสีแดงเข้มของวิลล่า

นอกจากวิลล่าแล้ว สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือมีรถหรูหลายคันจอดอยู่ข้างทะเลสาบ

“หยุด!”

เสียงตะโกนอย่างกะทันหันทำให้เหย่หลิงเฉินและหลิงกู่ซื่อหยุดชะงักอยู่ด้านนอกวิลล่า!

“กู่ซื่อ นั่นใคร”

ถัดจากทางเข้าหลักเด็กหนุ่มมองไปที่เหย่หลิงเฉินอย่างน่ากลัว ความไม่พอใจของเขาสื่อออกมาอย่างชัดเจนทางสายตา

นอกจากเขาแล้วยังมีคนอื่น ๆ ในวิลล่าที่กำลังมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรของพวกเขา

“เขาชื่อเหย่หลิงเฉิน เขามีวิธีช่วยคุณปู่” น้ำตาของหลิงกู่ซื่อยังไม่แห้งในขณะที่เธอพูด

เด็กหนุ่มก้าวไปข้างหน้าและหยุดอยู่ตรงหน้าเหย่หลิงเฉินพร้อมกับพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันไม่สนใจว่านายจะใช้วิธีไหนเพื่อหลอกลวง แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะให้ค่าคนหลอกลวงแบบนาย ฉันจะให้โอกาสตอนนี้เท่านั้น ออกไปซะ!”

“พี่! เขาช่วยคุณปู่ได้!” หลิงกู่ซื่อวิงวอนอย่างน่าสมเพช “ได้โปรด ให้โอกาสเขา!”

“กู่ซื่อ เงียบ!”

เสียงชายวัยกลางคนร้องอุทานออกมาจากข้างในว่า “นี่เธออายุเท่าไหร่แล้ว ยังกล้าพาคนนอกมาที่บ้านของเราอีก? เมื่อไหร่จะโตเป็นผู้ใหญ่สักที?”

“พ่อ พ่อต้องเชื่อหนู!” หลิงกู่ซื่อขอร้อง

“กู่ซื่อ เธอเป็นคนหัวอ่อน เธอเชื่อคนง่ายเกินไป” ผู้หญิงคนหนึ่งส่ายหัวขณะที่เธอพูด “เขาเป็นพวกหลอกลวงชัด ๆ!”

“ดู ๆ แล้วอายุของคน ๆ นี้ยังไม่ไกลจากเธอมากนัก ถ้าเธอคิดถึงเรื่องนี้เธอจะรู้ว่าเขาไม่น่าจะมีความสามารถรักษาปู่ได้ขนาดนั้น” ชายวัยกลางคนอีกคนพูดต่อ

คนอีกคนมองไปที่พ่อของหลิงกู่ซื่อ แล้วพูดว่า “ชานฮี คุณยุ่งอยู่ข้างนอกตลอดเวลา คุณควรใช้เวลาในการสั่งสอนและให้ความรู้กับกู่ซื่ออย่างเหมาะสมด้วย ตระกูลหลิงของเราเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจใหญ่โต ขืนเธออ่อนต่อโลกอยู่แบบนี้ สักวันจะถูกหลอกใช้เอา!”

“ ทำไมทุกคนถึงไม่เชื่อหนูสักครั้งว่าเขาช่วยคุณปู่ได้จริง ๆ!” หลิงกู่ซื่อรู้สึกกระวนกระวายใจมาก ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ร่างกายเล็กกระทัดรัดของเธอสั่นสะท้าน “หลายวันแล้วทุกคนทำอะไรอีกบ้างนอกจากนั่งเฉย ๆ? ทำไมไม่ให้โอกาสเขาได้ลองดูล่ะ!”

“เหย่หลิงเฉิน อย่าไปสนใจพวกเขาเลย ฉันจะพาเธอขึ้นไปชั้นบน!”

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็ก้าวไปข้างหน้าและปิดกั้นประตู

การจ้องมองของเขาเยือกเย็นและแหลมคมราวกับมีดที่กรีดให้เจ็บแสบ

“ประตูตระกูลหลินไม่ได้เข้ามาง่าย ๆ!” เด็กหนุ่มร้องว่า “ถ้านายกล้าเข้ามาล่ะก็ ฉันจะหักขานายทิ้ง!”

การแสดงออกทางสีหน้าของเหย่หลิงเฉินไม่เปลี่ยนแปลง เขาจ้องมองเด็กหนุ่มอย่างใจเย็นเป็นเวลา 3 วินาทีก่อนจะยิ้มและยกเท้าขวาก้าวเข้าไปในประตูทางเข้าหลักโดยเท้าของเขา … แตะพื้น!