แม้ว่านี่จะเป็นคำสั่งถอยทัพ แต่เขาก็พร้อมเสียสละทหารหนึ่งแสนนายที่อยู่ทัพหลังและทหารอีกหนึ่งแสนนายที่อยู่ทัพหน้า เขาตั้งใจซื้อเวลาให้ทัพกลาง สองแสนนายได้มีเวลาล่าถอยไปยังทางตอนเหนือ
สิ่งนี้ทำให้ ทัพหน้าและทัพหลังของกองทัพได้ยินแล้วรู้สึกเสียใจมาก พวกเขาทำอะไรไม่ถูกได้แต่รับฟังคำสั่งและทำตาม
หลังจาก ชูหยี ออกคำสั่ง เขาก็อพยพกองทหารสองแสนนายมุ่งหน้าไปทางตอนเหนือทันที
แต่เนื่องจากเส้นทางคับแคบจึงต้องใช้เวลาในการล่าถอย
ตอนนี้เขาหวังเพียงแต่ว่ากองทัพด้านหน้าและด้านหลังจะสามารถต่อกรกับศัตรูได้ในระยะเวลาหนึ่งเพื่อซื้อเวลาให้พวกเขามีโอกาสล่าถอยได้มากขึ้น
“แม่ทัพเกา ท่านคิดว่า กองทัพของอาณาจักรซีหยางที่อยู่ใต้เมืองพวกนั้นคิดจะทำอะไร?”
ในหุบเขาหยางผิง เกาชุน และ เตียวเลี้ยว ที่ยืนอยู่บนหัวเมือง ได้มองไปที่ กองทัพด้านหน้าที่ตั้งค่ายพลธนู
มีพลธนูหลายคนได้เตรียมพร้อมที่จะเปิดฉากโจมตีหน้าประตูเมือง
เกาชุน รู้ว่านี่ไม่ใช่การปิดล้อม เพราะไม่มีทหารราบปรากฏอยู่ด้านหน้ามีเพียงพลธนูที่เฝ้าระวังอยู่เท่านั้น
เกาชุนได้ครุ่นคิดในใจ”รูปแบบของพวกเขา ราวกับตั้งใจจะถ่วงเวลาพวกเราไม่ให้พวกเราส่งทหารม้าออกไป ทำไมพวกเขาถึงคิดแผนแบบนี้ หรือว่ากองทัพของเมิ่งเถียน จะเดินทางมาถึงแล้ว?”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ ตามข่าวที่ได้รับจากจินยี่เหว่ย พวกเราได้รับข่าวเมื่อครึ่งชั่วโมงว่ากองทัพของเมิ่งเถียนต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อมาสนับสนุนพวกเรา!”เตียวเลี้ยว ตอบ
“แล้วนี่คือ…”
ดวงตาของเกาชุนหดลงเล็กน้อย”ข้าเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าพวกอาณาจักรซีหยางกำลังจะล่าถอย!”
“ล่าถอย?”
เตียวเลี้ยว ผงะไปชั่วครู่และกล่าวถาม”หุบเขาหยางผิง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองหลวงอาณาจักรซีหยาง ตอนนี้ เมิ่งเถียน ได้นำทัพมาจากที่นั่นพวกเขาจะล่าถอยได้อย่างไร?”
“เส้นทางเหนือ!”
เกาชุนตอบกลับอย่างเคร่งขรึม”จินยี่เหว่ย เคยให้ข้อมูลมาว่าจากทางตะวันออกของหุบเขาหยางผิงถึงเมืองหลวงอาณาจักรซีหยาง มีเส้นทางสองสายที่ทอดยาวไปทางตอนเหนือ หนึ่งคือเส้นทางสายหลักอีกหนึ่งคือเส้นทางสายรอง ตอนนี้ เมิ่งเถียน ได้ยึดครอง เส้นทางสายหลักไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถอยทัพพร้อมกัน 400,000 นาย!”
“ดูเหมือนว่าแม่ทัพที่นำกองทัพในคราวนี้ ตั้งใจจะสละทัพหน้าและทัพหลังทิ้งเพื่อถ่วงเวลาพวกเราและซื้อเวลาให้ทัพกลางได้มีโอกาสล่าถอย!”
“ท่านแม่ทัพ พวกเราควรส่งคนขึ้นเหนือไปสกัดกองทัพของอาณาจักรซีหยางหรือไม่?”เตียวเลี้ยว ได้กล่าวถาม
เกาชุนได้สั่นศีรษะ”ถ้าเราจะส่งคนขึ้นเหนือเราจะต้องปีนภูเขาสูงและจำนวนคนที่ส่งไปได้มากสุดคือสองพันคน จำนวนเช่นนี้ไม่เพียงพอสำหรับการเข้าชาร์จศัตรู แทนที่จะเสียกำลังพลไปโดยเปล่าประโยชน์ สู้ปล่อยพวกมันไปและเราเอาชนะกองทัพสองแสนกว่านายที่อยู่ทัพหน้าและทัพหลังดีกว่า”
เตียวเลี้ยว ได้ครุ่นคิดและพยักหน้า
“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยรู้สึกแปลกใจบางอย่าง ทำไมพวกเราไม่เริ่มการต่อสู้กับพวกเราอย่างตรงไปตรงมาด้วยทัพ 400,000 นายนั้น พวกเขาย่อมสามารถบุกยึดหุบเขาหยางผิงได้อย่างแน่นอน!”เตียวเลี้ยว ได้กล่าวถาม
เกาชุน ได้ตอบกลับ”เจ้าพูดถูก ด้วยทัพ 400,000 นายของพวกเขา พวกเขาย่อมไม่กลัวที่จะบุกยึดหุบเขาหยางผิงของเราอย่างแน่นอน แต่เจ้าคิดว่า พวกเขาจะยอมเสี่ยงเรื่องนี้หรือไม่?”
“ข้าได้นำทัพมาเสริมกำลังให้กับหุบเขาหยางผิง อีกทั้ง ด้านหลังของพวกเขายังมี กองทัพของเมิ่งเถียน ด้วยภูมิประเทศทางตะวันออกของหุบเขาหยางผิง มันเป็นเรื่องยากที่จะเปิดการรบสำหรับทหารราบ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่กล้าเสี่ยงยกเว้นจะจนมุมจนถึงขีดสุด!”
“เอาล่ะ สบายใจเถอะ การต่อสู้นี้พวกเราชนะแล้วละ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เตียวเลี้ยว ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ”ดูเหมือนว่าแม่ทัพที่นำศึกของอีกฝ่ายในคราวนี้จะไม่ได้โง่ เขาเลือกที่จะรักษาทหารให้เหลือมากที่สุด”
“หากขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหารได้ ก็คงไม่โง่หรอก!”เกาชุนได้สั่นศีรษะและจ้องมองไปที่กองทัพของอาณาจักรซีหยาง”ข้าอยากจะรู้มากกว่าว่าแม่ทัพคนนี้เป็นใครถึงได้คิดกลยุทธ์ที่ดีขนาดนี้ได้”
“คงต้องให้ทหารจินยี่เหว่ยไปสืบสวนดู!”
เกาชุนได้พึมพัมเล็กน้อย
เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง เมิ่งเถียน ก็นำทัพมาถึงพวกเขาเห็นกองทัพของอาณาจักรซีหยาง อยู่ตรงหน้า เขาก็โบกมือขึ้นเพื่อหยุดกองทัพและตั้งขบวนเตรียมพร้อมต่อสู้
ในกองทัพของอาณาจักรซีหยาง เปาซิน แม่ทัพ ที่นำทัพหลังจำนวน 100,000 นาย ได้นั่งอยู่ในค่ายทหารของเขา ใบหน้าของเขาน่าเกลียดมากเพราะ คนของเขากว่า 100,000 นายได้ถูกถอดทิ้ง
พูดง่าย ๆ ก็คือ ตาย!
เพราะสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่คือทหารหลายแสนคนทั้งยังมีทหารม้าอยู่ในนั้นด้วยอุปกรณ์ของอีกฝ่ายก็ได้รับมาจากเมืองหลวงอีกจำนวนมาก
กองทัพ 100,000 นายไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถต้านทานกองทัพชั้นสูงได้เลย
“ท่านแม่ทัพ พวกเรามีกำลังพลมากกว่าหนึ่งแสนคน พวกเราต้องลองสู้เสี่ยงดู ใครจะไปคิดว่า ชูหยี จะทอดทิ้งพวกเราและหนีไปกองกำลังหลักที่เหลือ เดิมข้าคิดว่าเขาเป็นแม่ทัพที่ชาญฉลาดไม่คิดว่าจะทำแบบนี้กับพวกเราได้ลงคอ”แม่ทัพคนนึงได้หันไปกล่าวกับแม่ทัพคนนี้
“นี่คงจะเป็นชะตากรรมของพวกเรา หากว่าเขาเชื่อพวกเราตั้งแต่แรกสถานการณ์ก็คงไม่เป็นแบบนี้”
“ถูกต้อง เขาใช้สถานะอำนาจในการกดข่มพวกเรา ทั้งยังสั่งการกองทัพผิดพลาดไม่งั้นพวกเราก็คงมีชีวิตรอดกลับไปมากกว่านี้!”
แม่ทัพที่อยู่ภายใต้อำนาจของ เปาซิน รู้สึกไม่พอใจ ชูหยี มาก
เพราะชูหยี ที่เป็นถึงผู้บัญชาการทหารสูงสุดของที่นี่กลับเลือกที่จะหลบหนีไปอย่างรวดเร็วและทอดทิ้งพวกเขา
เปาซิน จ้องมองไปที่ แม่ทัพเหล่านี้และยิ้มออกมา”เจ้าคิดว่าไม่ต้องการงั้นหรือ ? ข้าเป็นแม่ทัพที่อยู่ภายใต้อำนาจของ องค์ชายชูหยี สิ่งที่พวกเราทำได้ก็มีแต่เชื่อฟังคำสั่งของเขา”
“ถึงจะแบบนั้นพวกเราก็คงต้องลองเสี่ยงดู พวกเราจะแสร้งทำเป็นยอมสยมต่อ เมิ่งเถียน ให้ทหารของเราซุ่มโจมตีอยู่ที่ค่ายและหลอกล่อ เมิ่งเถียน เข้ามา เมื่อเขาเข้ามาถึงระยะ ให้เราใช้ธนูและหน้าไม้โจมตีออกไป ข้าเชื่อว่าแม้จะเป็นเมิ่งเถียนก็ยังยากที่จะป้องกัน ตราบใดที่เมิ่งเถียน ตายโอกาสของเราก็จะมาถึง!”แม่ทัพคนนึงกล่าวเสนอแนะ
“นี่…”
เปาซิน ได้ครุ่นคิดอย่างหนัก
“นี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเราจะรอดไปได้ ท่านแม่ทัพ ได้โปรดพิจารณาด้วย!”
“ได้โปรดพิจารณาด้วย!”
แม่ทัพทั้งหมดได้ร้องขอให้ เปาซิน ยอมรับข้อเสนอของพวกเขา
เปาซิน ได้คร่ำครวญเล็กน้อยและกัดฟันแน่น”เอาล่ะ ให้คนไปแจ้งเมิ่งเถียน บอกว่าพวกเราขอยอมแพ้และปล่อยให้เขาเข้ามาจัดการควบคุมกองทัพ! ในขณะเดียวกัน ให้พลธนูของพวกเราดักซุ่มโจมตี ถ้าล่อเมิ่งเถียนเข้ามาได้สำเร็จให้ยิงทันที”
“ขอรับ!”