ตอนที่ 219 บรรพบุรุษน้อยหลอกไม่ได้ง่ายๆ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 219 บรรพบุรุษน้อยหลอกไม่ได้ง่ายๆ

ฉินหลิวซีพานักพรตชื่อหยวนเดินในเส้นทางหยินกลับมายังอารามชิงผิง ยังทำให้ชิงหย่วนตกใจไม่น้อย ตอนที่คนหลังมองเห็นนักพรตเฒ่าชื่อหยวนก็ตื่นตกใจขึ้นมา ทั้งเต็มไปด้วยความยินดี

“อาจารย์ท่านกลับมาแล้ว” ชิงหย่วนเดินเข้าไปประคอง เอ่ยบ่น “ศิษย์ยังคิดอยู่เลยว่าอาจารย์จะกลับมาตอนไหน ไม่คิดว่าศิษย์พี่ปู้ฉิวจะไปรับท่าน”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนปรายตามองฉินหลิวซีเล็กน้อย เอ่ย “อืม หลายวันมานี้ลำบากเจ้าแล้ว ทุกอย่างในอารามยังดีอยู่หรือไม่”

“ดีขอรับ โชคดีที่มีศิษย์พี่ปู้ฉิว ท่านปรมาจารย์จึงมีรูปหล่อทองแล้ว ท่านกลับมาพอดีเป็นผู้ทำพิธีขอรับ” ชิงหย่วนยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นขีด

ฉินหลิวซีส่งเสียงหึพลางเอ่ย “มีอะไรพรุ่งค่อยว่ากัน ดึกแล้ว ชิงหย่วนเจ้าพาตาเฒ่าไปพักผ่อน”

“โอ้”

ฉินหลิวซีเอ่ยจบไม่มองนักพรตเฒ่าชื่อหยวน เดินหนีออกไป

ท่าทางกบฏของนางทำให้นักพรตชื่อหยวนรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ หัวใจยึ่งจุกขึ้นมาถึงลำคอ

แปลกยิ่งนัก ท่าทางของลูกศิษย์เนรคุณนี้ไม่ง่ายที่จะรับมือ ทำให้คนรู้สึกกังวลยิ่งนัก

ชิงหย่วนง่วนอยู่กับการปูเสื่อให้อาจารย์ ถูกชื่อหยวนดึงมาจึงเซถลาเล็กน้อย

“อย่าพึ่งยุ่ง เจ้าลองบอกมาสิ ช่วงนี้ศิษย์พี่ของเจ้าทำอะไรบ้าง อาจารย์ดูเหมือนนางกำลังหาเรื่อง” นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเอ่ยกับเขาด้วยท่าทางเคร่งขรึม

ชิงหย่วนสีหน้าไม่เข้าใจ “ศิษย์พี่ก็ดีๆ อยู่นะขอรับ หลังจากไปท่องเที่ยว นางยังรับรักษาคนป่วยด้วยหลายคน จริงสิ รูปหล่อทองของท่านปรมาจารย์ยังเป็นคุณชายฉังคงแห่งสกุลอวี้เป็นคนบริจาคด้วยขอรับ”

“ฉังคงสกุลอวี้อย่างนั้นหรือ” ชื่อหยวนตกใจขึ้นมา คนเช่นนี้จะมาที่นี่ได้เยี่ยงไร

“เป็นรุ่ยจวิ้นอ๋องแนะนำขอรับ เขาเชิญศิษย์พี่ไปรักษาดวงตาให้ ยามนี้รักษาหายดีแล้ว คุณชายอวี้จึงสร้างรูปหล่อทองคำถวาย…” ชิงหย่วนเอ่ยถึงเรื่องในช่วงนี้

ชื่อหยวนลอบพยักหน้า วาใจอยู่ในใจ พลันรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา เอ่ย “เจ้าไม่ต้องลำบากแล้ว กลับไปพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้ามาทำวัตรเช้า”

“เดี๋ยวข้าช่วยท่านเปลี่ยนน้ำชากานี้เสร็จแล้วค่อยไปขอรับ” ชิงหย่วนอดกลั้น ชี้ไปที่หน้าของเขา เอ่ย “อาจารย์ นี่ ไม่ใช่ศิษย์พี่ทำใช่หรือไม่ขอรับ”

เขาเห็นตั้งนานแล้ว ตอนฉินหลิวซีอยู่ เขาย่อมไม่กล้าถาม กลัวว่าบรรพบุรุษน้อยจะพองขน ตอนนี้อดถามขึ้นมาไม่ได้

“ไม่มีอะไร ไม่ทันระวังถูกจิ้งจอกตัวนึงตะปบเข้าน่ะ” ชื่อหยวนทำตัวไม่ถูก

ชิงหย่วนส่งเสียง อ้อ ตอบรับ คิดในใจ จิ้งจอกในร่างมนุษย์หรือ เห็นอยู่ว่าเป็นรอยเล็บของมนุษย์

เขาไม่กล้าถามอะไรมาก ปูเตียงเสร็จเรียบร้อยก็ไปรินน้ำ

เมื่อเดินออกมาจากห้องของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน พลันมองเห็นฉินหลิวซียืนมือไพล่หลังมองดวงจันทร์อยู่ แสงจันทร์เย็นยะเยือกสาดส่องมาบนร่างของนาง ราวกับประกายแสงสาดโปรยลงมาบนใบหน้า ทำให้ดูน่ากลัวไปบ้าง

ในใจของชิงหย่วนสั่นกลัว ก้าวเดินเข้าไปใกล้ “ศิษย์พี่”

“เขาดื่มแล้วหรือ” ฉินหลิวซีไม่ได้หันกลับมา

“อืม ข้ายกกาไปให้อาจารย์แล้ว” ชิงหย่วนเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ศิษย์พี่ มีเรื่องใดหรือ”

“ไม่มีอะไร เขากลับมากะทันหัน อายุมากแล้ว บาดแผลเก่าบนร่างกายก็ยังไม่หายดี เรื่องในอาราม เจ้ารับผิดชอบมากสักหน่อย” น้ำเสียงของฉินหลิวซีเย็นชาเล็กน้อย “หากมีผู้ใดมาเชิญเขาออกไปกำจัดปีศาจก็ปฏิเสธไป ห้ามเอ่ยต่อหน้าเขา หากไม่อาจปฏิเสธได้ ค่อยมาหาข้า”

ชิงหย่วนชะงักไปเล็กน้อย น้ำเสียงนี้น่าเกรงขามยิ่งแล้ว

นี่ไม่ใช่นิสัยของบรรพบุรุษน้อยเลยสักนิด

ชิงหย่วนขมวดคิ้วถาม “ศิษย์พี่ เป็นอะไรกันแน่ขอรับ ท่านต้องบอกกับข้าบ้าง มิเช่นนั้นข้าคงว้าวุ่นใจ”ฉินหลิวซีมองไปยังดวงดาวที่ส่งแสงอ่อนแรงอยู่ข้างดวงจันทร์ น้ำเสียงราบเรียบ “เขาแก่แล้ว”

ชิงหย่วนหัวใจกระตุก

แสงไฟในห้องของฉินหลิวซีส่องสว่างตลอดทั้งคืน

ฟ้ายังไม่สว่าง เหล่านักพรตในอารามต่างพากันเริ่มทำวัดเช้า อู๋เหวยถือไม้กวาดกวาดไปรอบๆ บริเวณลานต่างๆ พร้อมอ้าปากหาว เดินมาถึงหน้าห้องของฉินหลิวซี จมูกเขาขยับ ได้กลิ่นยา

แอด

ประตูของฉินหลิวซีถูกเปิดออก อู๋เหวยตกใจ หันมองไป ทว่ากลับเป็นเทพอสูรน้อยถือกะละมังน้ำออกมา

“เจ้า เจ้าออกมาจากตรงนั้นได้อย่างไร” อู๋เหวยชี้หน้านาง เอ่ย “เมื่อคืนเจ้าไม่ได้อยู่ในอาราม ไยตอนเช้า ไยจึงออกมาแล้วเล่า”

มุมปากของฉินหลิวซียกขึ้น “แน่นอนว่าข้าลอยมา เจ้าไม่เชื่อหรือ”

อู๋เหวย “…”

อย่างไรข้าก็ท่องบทสวดทำพิธีได้ เจ้ายังมาหลอกข้าอีกหรือ

“รีบไปเข้าเรียนตอนเช้า ในฐานะนักพรตเต๋า เจ้าต้องรู้ถึงคุณธรรม ตลอดจนคัมภีร์ กฎ และมนต์คาถาต่างๆ ข้าไม่คาดหวังให้เจ้าคล่องแคล่ว แต่อย่างไรก็ต้องรู้เข้าใจหรือไม่” ฉินหลิวซีจ้องเขาเขม็ง เดินตรงไปยังห้องของนักพรตเฒ่าชื่อหยวน

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนเพิ่งเดินทางมากว่าหนึ่งสัปดาห์ วันนี้ได้กลิ่นยา ประตูถูกผลักเปิดออก ฉินหลิวซีเดินเข้ามา

“เช้าเพียงนี้ เจ้าต้มยาหรือ” นักพรตชื่อหยวนมองท้องฟ้าด้านนอก ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างดีนัก

ฉินหลิวซีเอ่ย “เห็นได้ชัดแจ้ง”

นักพรตเฒ่าเอ่ยหยั่งเชิง “ให้อาจารย์หรือ อาจารย์ไม่มีที่ที่ไม่สบายตรงไหน…”

วาจาของเขาหยุดลงภายใต้สายตาของฉินหลิวซี

ฉินหลิวซียื่นยาส่งไปให้ “ดื่ม”

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนไม่เอ่ยอะไรมากรับไปดื่มทันหมดทันใด ยังคว่ำถ้วยเลียนแบบคนในยุทธภพอีกด้วย บ่งบอกว่าไม่เหลือแม้เพียงหยดเดียว

ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้ฉลาด กฎข้อนี้เขาเข้าใจดี

ตอนนี้ฉินหลิวซีดูจริงจัง เขาไม่กล้าทำให้นางขุ่นเคืองแม้เพียงนิด ว่าง่ายไม่พอยังต้องเกลี้ยกล่อม

เฮ้อ บรรพบุรุษน้อยหลอกไม่ได้ง่ายๆ เลย

ฉินหลิวซีมองท่าทีสนใจของเขา ก่อนจะยื่นนิ้วออกไป จับชีพจรของเขา

นักพรตชื่อหยวนรู้ว่าไม่อาจเลี่ยงได้ จึงเอ่ยตรงๆ “อาจารย์ไม่เป็นไรมาก เพียงทำนายเท่านั้น“

”ท่านไม่อยากมีอายุยืนก็รีบบอก ข้าจะได้ไม่ต้องหายาแล้ว“ ฉินหลิวซีโกรธ

นักพรตเฒ่าชื่อหยวนหดคอ ไม่กล้าเอ่ยปาก เอ่ยเสียงอ่อน “ ก็ ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น”

“ทำนายให้ผีร้ายที่หนีออกมาจากนรกหรือ” ฉินหลิวซีส่งเสียงหยัน ”เดิมท่านก็บาดเจ็บยังไม่หายดี อายุก็มาก ท่านยังไปทำนายดวงเช่นนี้อีก ท่านคิดว่าสวรรค์เป็นบิดาของท่านแล้วจะไม่ทำโทษท่านหรือ“

เมื่อวานนางก็จับชีพจรดูแล้วพบว่าชีพจรของเขานั้นผิดปกติ คิดว่าเขาต้องลอบสอดส่องความลับสวรรค์จนบาดเจ็บ เพราะมีเจ้าอาวาสชิงหลานอยู่จึงไม่ได้เอ่ยอะไร

นักพรตชื่อหยวนเอ่ย “ผีร้ายหนีไปเป็นเรื่องเล็ก เด็กน้อย พวกเราเป็นนักพรต กำจัดมารปีศาจเดิมก็เป็นหน้าที่”

“ข้าไม่สนใจหน้าที่หรือไม่ใช่หน้าที่ รู้เพียงหากท่านฝ่าฝืนคำสั่งสวรรค์ทำร้ายตนเองอีก พวกเราก็แยกย้าย อารามชิงผิงจะปิดหรืออย่างไร ข้าจะไม่สนใจแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็น “โลกใบนี้มีนักพรตมากมาย ไหนเลยจะมาถึงมือตาเฒ่าอย่างท่าน ที่ต้าเฟิงยังให้ความสำคัญกับพระพุทธศาสนามากกว่า ซึ่งดีแล้ว ก็บอกเพื่อนจากวัดบนเขาเหล่านั้น ให้พวกเขาปกป้องใต้หล้าไป“

นักพรตชื่อหยวนแทบร้องไห้ ”ไยเจ้าจึงมาข่มขู่อาจารย์“

ฉินหลิวซียิ้ม ทว่ารอยยิ้มกลับไปไม่ถึงดวงตา เอ่ย “ข่มขู่หรือไม่ จะลองดูก็ได้”

ใต้หล้าไม่ใช่ของนาง นางจะสนใจอะไรมากมาย ต้องมีคนมีความสามารถไปสนใจอยู่แล้ว

นางเพียงสนใจคนที่ต้องสนใจไม่กี่คนเท่านั้น

นักพรตชื่อหยวนรู้นิสัยของนางดี ไม่ได้โต้เถียง เพียงเอ่ย “ผีร้ายตนนั้น คือมารเอ้อฝูซื่อหลัว“

**************************