บทที่ 109 เซียนบนโลกมนุษย์ โลกมนุษย์แข็งแกร่งที่สุด

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 109 เซียนบนโลกมนุษย์ โลกมนุษย์แข็งแกร่งที่สุด
ตู้ม…

เมื่อไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิปรากฏออกมา เพียงพริบตาเดียวเงากระบี่นับแสนก็พุ่งขึ้นฟ้า บดสังหารพญาอสรพิษหยกที่กำลังพุ่งลงมาทันที!

ไม่ผิด!

บดสังหาร!

ทั้งร่างและวิญญาณถูกทำลาย แม้แต่โอกาสเกิดใหม่ยังไม่มี!

พายุบ้าระห่ำที่เกิดจากเงากระบี่พัดกระพือม้วนตัวไปทั่วสารทิศ ราวกับเทพเซียนพัดโบกจนทำให้เกิดคลื่นพายุในโลกมนุษย์

มือขวาของหานเจวี๋ยกระชับกระบี่พิพากษาอนธการไว้ เมื่อคมกระบี่พลิกหมุน ปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมก็พุ่งขึ้นจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนจนทะลุท้องนภา

ปราณกระบี่กลายเป็นทะเล บดบังท้องนภาและดวงอาทิตย์!

ผู้คนและปีศาจทั้งหลายต่างเบิกตาโพลง อ้าปากค้างอย่างอดไม่ได้

ตกตะลึงพรึงเพริด!

ไม่อยากที่จะเชื่อ!

ท่ามกลางปราณกระบี่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา เงากระบี่แต่ละสายก่อตัวขึ้น รูปร่างของกระบี่เหล่านี้แตกต่างกัน บ้างก็ราวกับบุรุษสูงศักดิ์ สุภาพงดงาม บ้างก็ราวกับจักรพรรดิ หมางเมินทุกสรรพสิ่ง บ้างก็ราวกับนักปราชญ์ คมกระบี่กว้างขวาง ลักษณะยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม

ชั่วเวลาเพียงพริบตา จำนวนเงากระบี่ก็เพิ่มขึ้นนับล้าน ทั้งยังเพิ่มจำนวนอย่างบ้าคลั่ง!

เหล่าผู้คนและปีศาจทั้งหลายรู้สึกเพียงว่ามีอะไรบางอย่างพาดผ่านสายตา เมื่อเพ่งสายตามองดูอีกครั้ง ท้องฟ้าต่างเต็มไปด้วยเงากระบี่ ปกคลุมแน่นหนาจนไม่อาจนับจำนวนได้

เซียวเหยา หลิ่วปู๋เมี่ย กวนโยวกังและผู้อาวุโสระดับเดียวกันต่างตกตะลึงนิ่งงัน

โดยเฉพาะเซียวเหยา แม้ว่าจะตาบอด แต่พลังจิตสามารถจับดูทุกสิ่ง

ร่างของเขาสั่นสะท้าน เอ่ยพึมพำว่า “พลังวิเศษระดับนี้…”

เขานึกถึงภาพฉากที่สำนักเมฆาวิญญาณถูกพลังเทพเซียนสังหารเมื่อห้าพันปีก่อนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“ไอปีศาจของพญาอสรพิษหยก…”

นักพรตเต๋าจิ้งซวีตัวสั่นสะท้าน เอ่ยกับตนเองเสียงเบา

ไม่มีแล้ว!

ปราณปีศาจของพญาอสรพิษหยกอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

ผู้คนทั้งหลายยังไม่ทันได้สติกลับมา พญาอสรพิษหยกก็ตายแล้วหรือ

เหล่าผู้อาวุโสต่างเคยคิดว่าหานเจวี๋ยอาจจะเอาชนะได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะชนะอย่างขาดลอยเช่นนี้!

ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าบอกพวกเขาว่า พญาอสรพิษหยกถูกหานเจวี๋ยสังหารภายในการโจมตีเดียว

ความแข็งแกร่งระดับนี้ห่างชั้นเพียงใดกัน

ผู้อาวุโสสังหารเทพแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่!

ขณะเดียวกันนั้น!

เงากระบี่นับล้านของไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิก็พุ่งไปคนละทิศคนละทาง ปราณกระบี่สุดลูกหูลูกตาก่อตัวขึ้นเป็นเงากระบี่ พุ่งสังหารต่อ!

ตอนนี้เองเหล่าปีศาจที่มองดูอยู่ที่ไกลๆ ถึงได้สติกลับมา

ตู้ม!

เหล่าปีศาจตกใจจนหันกายคิดที่จะหนี!

“เทพปีศาจตายแล้ว!”

“เทพปีศาจของพวกเราตายแล้ว!”

“รีบหนีสิ!”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน! สำนักหยกพิสุทธิ์ซ่อนเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับใดไว้กันแน่”

“เหตุใดพญาอสรพิษหยกถึงตายเร็วเช่นนี้ เหลวไหลสิ้นดี!”

ความเร็วของเหล่าปีศาจไหนเลยจะเทียบกับเงากระบี่ของหานเจวี๋ยได้ แทบจะในพริบตาเดียว ขอบฟ้าทุกทิศทางของสำนักหยกพิสุทธิ์ก็มีละอองเลือดสาดกระเซ็น ดูราวกับดอกไม้ไฟยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต

วันนี้ เวลานี้ ผู้บำเพ็ญของสำนักหยกพิสุทธิ์ในยุคนี้ต่างลืมเลือนภาพฉากนี้ไม่ลง!

เพราะวันนี้ พวกเขาได้เห็นพลังเทพเซียนด้วยตาตนเอง!

พลังหนึ่งเดียวสามารถกำราบทหารปีศาจและราชาปีศาจนับไม่ถ้วน!

อักขระแถวหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าของหานเจวี๋ย

[ท่านสังหารระดับฝ่าด่านเคราะห์เป็นครั้งแรก ได้รับหินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]

หินวิญญามรรคาสวรรค์อีกแล้ว!

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว เขายกมือซ้ายขึ้น รับไม้เท้าพฤกษาทองเข้ามาไว้ในมือ

นั่นก็คือของวิเศษของพญาอสรพิษหยก!

ทั้งเนื้อทั้งตัวของพญาอสรพิษหยกเหลือเพียงสมบัติชิ้นนี้ ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิกลับไม่สามารถทำลายสมบัตินี้ได้ ดูท่าสมบัตินี้คงแข็งแกร่งไม่น้อย

ไม้เท้าพฤกษาทองถูกระเบิดจนเกิดรอยร้าวเป็นเส้นๆ ทั้งยังตลบอบอวบไปด้วยควันไฟ

หานเจวี๋ยนำพลังจิตเข้าไปตรวจสอบภายในไม้เท้าพฤกษาทองอย่างไม่รู้ตัว วินาทีต่อมา เขาลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อนรีบร้อนดึงพลังจิตกลับมา

สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

คิดไม่ถึงว่าในไม้เท้าพฤกษาทองจะซ่อนเสี้ยววิญญาณไว้ เป็นบุรุษแปลกประหลาดผู้หนึ่ง ขดกายอยู่ในพื้นที่ว่างในไม้เท้าสีทอง

“นี่คืออะไร”

หานเจวี๋ยรู้สึกประหลาดใจ เขารีบนำไม้เท้าพฤกษาทองใส่เข้าไปในเข็มขัดเก็บสมบัติทันที

เสี้ยววิญญาณดวงนั้นยังไม่เพียงพอที่จะทำร้ายหานเจวี๋ยได้ แต่หานเจวี๋ยกลัวว่าจะทำให้เขาตื่นขึ้นมา ‘หากเจ้าหมอนี่มีผู้หนุนหลังที่แข็งแกร่งอยู่เล่า’

หานเจวี๋ยมองไปทั่วบริเวณอีกครั้ง กองทัพปีศาจแตกพ่าย ชั่วระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่อึดใจ ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิก็สังหารปีศาจประหลาดไปหลายแสนตัว

หานเจวี๋ยหันกลับไปมองพวกสิงหงเสวียนและไก่คุกรัตติกาลที่ยังคงอึ้งอยู่

โดยเฉพาะหยางเทียนตง ที่ดูทึ่มทื่อไร้สติ

เขารู้ดีที่สุดว่าพญาอสรพิษหยกแข็งแกร่งเพียงใด!

ผู้ที่ไร้คู่ต่อกรอย่างแท้จริงในใจของเขาคือพญาอสรพิษหยก!

เทพปีศาจที่ทำให้หยางเทียนตงรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด กลับถูกอาจารย์ของเขาสังหารภายในชั่ววินาที!

อารมณ์มากมายหลายหลากก่อตัวขึ้นในใจของหยางเทียนตง สุดท้ายกลับกลายเป็นความละอายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ที่แท้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอด แต่เขากลับไปแสวงหาอำนาจที่จับต้องไม่ได้ไปทั่วหล้า…

หยางเทียนตงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เขาไม่กล้าแม้กระทั่งไปพบหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเดินไปทางถ้ำเทวา

“นายท่านแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ไร้คู่ต่อกรในใต้หล้า!”

ไก่คุกรัตติกาลตื่นเต้นจนแทบเสียสติ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นผู้แข็งแกร่งไร้คู่ต่อกรมาที่เขาเพียรบำเพ็ญเซียน และถูกหานเจวี๋ยสังหารภายในชั่ววินาที!

คิดไว้ไม่มีผิด!

นายท่านกล่าวถูก มุ่งมั่นฝึกฝนถึงเป็นมรรคาที่แท้จริง!

ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกฝน ถึงจะเหนือกว่าศัตรูทั้งปวง!

สายตาที่สิงหงเสวียนมองหานเจวี๋ยเป็นประกาย สมกับเป็นบุรุษที่นางถูกใจตั้งแต่แรกพบ

ไม่มีใครภูมิใจไปมากกว่านางอีกแล้ว!

ตอนที่นางถูกใจหานเจวี๋ยนั้น หานเจวี๋ยยังเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา นางเป็นคนแรกที่คิดว่าหานเจวี๋ยแตกต่างจากคนอื่น

แม้จะเริ่มต้นด้วยรูปลักษณ์…

สวินฉางอัน มู่หรงฉี่เองก็รู้สึกเลื่อมใสในตัวหานเจวี๋ยอย่างสุดซึ้ง

โดยเฉพาะมู่หรงฉี่ สำหรับเขาแล้วหานเจวี๋ยยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่บ้าง เขารู้สึกสงสัยตบะของอาจารย์ปู่อย่างมากมาโดยตลอด

วันนี้ เขาได้เห็นแล้ว!

ตอนที่หานเจวี๋ยเดินผ่านหยางเทียนตง เขาทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง “ยังไม่รีบไปคุกเข่าที่ตีนเขาอีก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากเจ้ากล้าออกไปข้างนอกโดยที่ข้าไม่ได้อนุญาต จะถือว่าข้าเจ้าสิ้นสุดความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์อาจารย์ ความเป็นตายของเจ้า ข้าจะไม่ยื่นมือเข้าแทรก”

หยางเทียนตงสูดหายใจเข้าลึกๆ กำมือทั้งสองไว้แน่น

เขาหมุนกายคุกเข่าลงให้กับหานเจวี๋ย โขกศีรษะลงกับพื้นอย่างรุนแรงสามครั้ง จากนั้นถึงลงไปจากเขา

……

ปีศาจแต่ละตัวบินโฉบผ่านภูเขาธารา หนึ่งในนั้นคือราชาปีศาจเตี่ยนซู่!

แม้จะเหลือเพียงจิตดั้งเดิม แต่ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ยังคงมีฝีมืออยู่บ้าง ขณะที่เขาหลบหนีไปพลางก็สังหารปีศาจที่มีตบะค่อนข้างอ่อนแอเหล่านั้นไปด้วย

เขากำลังแก้แค้นพญาอสรพิษหยก!

‘ที่แท้เซียนท่านนั้นก็ซ่อนตัวอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์…มิน่าเล่าหลังจากไปที่สำนักหยกพิสุทธิ์แล้วคำสาปก็หายไป… ดูท่าคำสาปที่พญาอสรพิษหยกได้รับก็เป็นการกล่าวเตือนจากเซียนท่านนั้น น่าเสียดายที่เจ้าหมอนี่กำเริบเสิบสานจนถึงจุดจบที่ร่างตายมรรคาสลาย…’

ราชาปีศาจเตี่ยนซู่ลอบคิดในใจ

เขาสาบานว่า ต่อจากนี้จะไม่ล่วงเกินสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างเด็ดขาด และเขาก็จะไม่ฆ่าคนในต้าเยี่ยนอย่างเด็ดขาด!

หากมีโอกาส เขาจะไปเยี่ยมเยียนสำนักหยกพิสุทธิ์!

ถึงเป็นม้าให้ท่านเซียนผู้นั้นขี่ก็ได้ไม่มีปัญหา!

ซึ่งนั่นอาจจะเป็นเป็นโอกาสก็ได้!

อีกด้านหนึ่ง

ผู้คนทั่วทั้งสำนักหยกพิสุทธิ์ต่างอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้นอย่างถึงขีดสุด หลี่ชิงจื่อที่รู้งานรีบมอบหมายให้บรรดาผู้อาวุโสไปจัดการเรื่องราวหลังจากนั้น และออกคำสั่งเด็ดขาดว่าไม่ให้ไปรบกวนความสงบของเขาเพียรบำเพ็ญเซียน!

ศึกในวันนี้ ทำให้ผู้อาวุโสสังหารเทพขึ้นสู่แท่นบูชาในหัวใจของเหล่าผู้บำเพ็ญในสำนักหยกพิสุทธิ์อีกครั้ง

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยนั่งอยู่บนเตียง พลิกไม้เท้าพฤกษาทองไปมา

เขากำลังพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกับไม้เท้านี้ดี

เขาอยากจะทำลายมัน แต่ก็กลัวจะทำให้เสี้ยววิญญาณที่อยู่ด้านในตื่นขึ้น

ไม่ได้!

เก็บไว้ไม่ได้!

ทำลายไปเลยจะดีกว่า!

หากเสี้ยววิญญาณนี้มีร่างจริง บางทีอาจจะอาศัยเสี้ยววิญญาณมาถึงที่นี่ก็ได้

หานเจวี๋ยรีบสำแดงพลังดูดวิญญาณหกสายทันที เพื่อดูดเสี้ยววิญญาณในนั้นออกมา

ในเวลานั้นเอง เสี้ยววิญญาณพลันลืมตาตื่นขึ้น

“เจ้าจะทำอะไร”

น้ำเสียงเยือกเย็นสายหนึ่งดังขึ้น ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกตกใจจนหนังตากระตุก

[นักพรตเต๋าเจวี๋ยเหยี่ยนเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 5 ดาว]

เมื่อหานเจวี๋ยเห็นอักขระที่อยู่ตรงหน้า ก็ตกใจจนทำลายเสี้ยววิญญาณไปทันที

ดูเหมือนว่าความอาฆาตแค้นระดับ 5 ดาวแทบจะไม่สามารถทำให้สลายไปได้ แล้วจะเก็บเสี้ยววิญญาณไปทำไมกัน

……………………………………….