บทที่ 108 สังหารเทพปีศาจ!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 108 สังหารเทพปีศาจ!
เมื่อได้ยินวาจาของพญาอสรพิษหยก ผู้คนในสำนักหยกพิสุทธิ์ตั้งแต่ศิษย์สายนอกไปจนถึงเจ้าสำนักต่างตกใจเป็นอย่างมาก

คิดไม่ถึงว่าปีศาจตนนี้จะกินพวกเขาทั้งหมด!

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็ได้ยินวาจาของพญาอสรพิษหยกเช่นกัน

เขาเลิกคิ้วอย่างอดไม่ได้

‘อวดดีถึงเพียงนี้!’

‘ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากหนังสือแห่งความโชคร้ายเลย…’

หรือจะแข็งแกร่งมาก?

หานเจวี๋ยรีบใช้แบบจำลองการทดสอบค้นหาพญาอสรพิษหยกทันที

ทว่าในระยะร้อยลี้กลับไม่พบพญาอสรพิษหยก เจ้านี่ยังมาไม่ถึงก็เริ่มอวดดีเสียแล้ว

หานเจวี๋ยจนปัญญา เขารีบย้ายหยางเทียนตงขึ้นไปบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พญาอสรพิษหยกจับหยางเทียนตงมาข่มขู่เขา

แน่นอนว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง หานเจวี๋ยก็คงไม่มีใจเมตตาและออมมือแต่อย่างใด

อย่างไรเสียเขาก็ประทับตราประทับหกวิถีให้หยางเทียนตงแล้ว ตายไปก็ไม่เป็นไร ชาติหน้าค่อยมาสานวาสนาศิษย์อาจารย์กันใหม่!

หานเจวี๋ยค่อยๆ ลุกขึ้น สมบัติวิญญาณทั่วทั้งร่างเปล่งประกายแวววาว

หญ้าโลกาสวรรค์สั่นสะท้าน เอ่ยปากพูดขึ้น “นายท่าน ท่านจะไปที่ใด อย่าทิ้งข้าไว้สิ!”

หานเจวี๋ยกล่าวโดยไม่หันหน้ากลับไปมอง “ไม่นานก็กลับมาแล้ว”

เขาเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ไก่คุกรัตติกาล สวินฉางอัน หยางเทียนตงและมู่หรงฉี่รอคอยอยู่ใต้ต้นฝูซังด้วยความร้อนใจ

ไอปีศาจอันน่าหวาดกลัวของพญาอสรพิษหยกปกคลุมทั่วสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว ไม่เพียงแค่ไอปีศาจของเขาเท่านั้น ยังมีไอปีศาจของปีศาจตนอื่นด้วย ไอปีศาจทั้งหลายรวมตัวเข้าด้วยกัน ดูราวกับคลื่นทะเลที่ถาโถมเข้ามาจากทั่วสารทิศ ราวกับจะทำให้สำนักหยกพิสุทธิ์จมดิ่งอยู่ในนั้น

เซียวเหยา กวนโยวกัง หลิ่วปู๋เมี่ย หลี่ชิงจื่อ เซียนซีเสวียนและคนอื่นๆ ต่างลอยอยู่กลางอากาศ จากมุมมองของพวกเขา ฟ้าดินรอบทิศล้วนเป็นเมฆดำทะมึนที่เกิดจากไอปีศาจ น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

หน้าผากของเหล่าผู้อาวุโสต่างก็มีเหงื่อผุดซึมขึ้นมา

“พญาอสรพิษหยกแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่”

“เจ้าลูกทรพีที่เขาพูดถึงคือใครกัน”

“ต้านทานไม่ไหวแล้ว ผู้อาวุโสสังหารเทพเล่า”

“ผู้อาวุโสเซียว ผู้อาวุโสหลิ่ว พวกท่านสามารถรับมือกับพญาอสรพิษหยกได้หรือไม่”

“ที่แท้ทหารปีศาจของพญาอสรพิษหยกมีจำนวนเท่าใดกัน!”

“ค่ายกลใหญ่คุ้มกันสำนักเปิดใช้งานแล้วหรือ”

……

ขณะที่บรรดาผู้อาวุโสต่างก็อกสั่นขวัญหายอยู่นั้น เหล่าลูกศิษย์ก็ยิ่งตื่นตระหนกตกใจเสียยิ่งกว่า

สิงหงเสวียนเดินออกจากถ้ำเทวามาอยู่ข้างกายหานเจวี๋ย เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “สามี ท่านจะทำอย่างไร”

นางมักจะได้ยินเขาพูดอยู่เสมอว่า หากเผชิญกับศัตรูที่ไม่อาจต่อกรได้ เขาก็จะหนี

สิงหงเสวียนไม่ได้ต่อต้านการหนีของหานเจวี๋ย เพียงแต่กลัวว่าหานเจวี๋ยจะทิ้งนางไว้แล้วหนีไปคนเดียว

“รออีกสักหน่อย” สายตาของหานเจวี๋ยทอดมองออกไปไกล กล่าวขึ้นเสียงเบา

เห็นเขาใจเย็นเช่นนี้ สิงหงเสวียน ไก่คุกรัตติกาล สวินฉางอันและมู่หรงฉี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

หยางเทียนตงมองหานเจวี๋ยด้วยสีหน้ายากที่จะเชื่อ

‘หรืออาจารย์จะแข็งแกร่งจนไม่หวาดกลัวพญาอสรพิษหยกแล้ว’

เขารู้จักหานเจวี๋ยดี หากไม่มีความเชื่อมั่นมากพอ จะไม่มีทางสุขุมเยือกเย็นเช่นนี้แน่

หารู้ไม่ว่าหานเจวี๋ยกำลังใช้แบบจำลองการทดสอบ ตรวจสอบดูสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างบ้าคลั่ง

‘เหตุใดถึงยังไม่ปรากฏ’

หานเจวี๋ยรู้สึกราวกับกำลังเล่นเกมออนไลน์ เขากดรีเฟรชอยู่เช่นนั้นไม่หยุด เพื่อรีเฟรชบอส

ผ่านไปสักพัก

[พญาอสรพิษหยก: ระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้นหนึ่ง เทพปีศาจตนล่าสุดของเผ่าปีศาจ]

หานเจวี๋ยรีบจำลองการทดสอบทันที

ผ่านไปสองอึดใจ

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว หลับตาลงอีกครั้ง

ชั่วอึดใจผ่านไป เขาลืมตาขึ้น ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ยังดี ยังดี!

โชคดีที่เขายกระดับไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิไปบ้างแล้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจทำลายการป้องการของไม้เท้าพฤกษาทองท่อนนั้นได้

หานเจวี๋ยกางแขนขวาออก ตั้งท่าจับกระบี่ เหตุที่เขาไม่นำกระบี่พิพากษาอนธการออกมา เป็นเพราะเขาอยากสังหารพญาอสรพิษหยกแบบไม่ให้รับมือได้ทัน!

ฝีเท้าของเขาก้าวเดินไปยังริมหน้าผา ทอดมองไปยังจุดตัดของขอบฟ้า

พญาอสรพิษหยกกำลังพุ่งมาทางเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะเขาเดาได้ว่าบนเขาเพียรบำเพ็ญเซียนมีศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ แต่เพราะว่าหยางเทียนตงอยู่ที่นี่!

หยางเทียนตงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของพญาอสรพิษหยกอย่างชัดเจน เหงื่อเย็นผุดเต็มศีรษะ เนื้อตัวสั่นระริก หวาดกลัวถึงขีดสุด

หานเจวี๋ยไม่ได้สนใจเขา ยังคงมองไปทางขอบฟ้า

เพียงไม่นาน เงาร่างของพญาอสรพิษหยกก็ปรากฏ ร่างปีศาจที่สูงร้อยจั้งกำลังเดินเหยียบเมฆดำไอปีศาจเข้ามา บนบ่าแบกไม้เท้าพฤกษาทองท่อนหนึ่ง ดูราวกับมาจากบุพกาล ไอสังหารอันดุเดือดน่ากลัวแผ่ออกจากกาย

เมฆปีศาจที่พวยพุ่งอยู่ด้านหลังของเขาไม่ขาดสายนั้นคือปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละตัวล้วนดุร้าย สายตาที่มองมาทางสำนักหยกพิสุทธิ์ราวกับกำลังมองดูแดนสุขาวดีที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ

“ยังคงเป็นกลิ่นอายเลิศรสของผู้บำเพ็ญ!”

“วันนี้ห้ามแย่งเชียว ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!”

“พวกเจ้าก็เห็นแต่กิน มนุษย์ไม่ใช่เพียงแค่กินได้เท่านั้น โดยเฉพาะหญิงสาว!”

“คนน้อยเกินไป ไม่พอพวกเราแบ่งกัน!”

“ฟังคำสั่งของท่านเทพปีศาจ พวกเราห้ามแย่งไปก่อน”

……

พญาอสรพิษหยกมองเห็นหยางเทียนตงแล้ว ใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มอันดุร้ายออกมา

“ครั้งนี้ไม่หนีแล้วหรือ”

เสียงหัวเราะของพญาอสรพิษหยกดังขึ้นอีกครั้ง ผู้คนในสำนักหยกพิสุทธิ์ได้ฟังจนรู้สึกตระหนกเป็นอย่างมาก

หยางเทียนตงไม่กล้าสบตากับเขาโดยตรง ได้แต่หันหน้าไปมองหานเจวี๋ย

ท่าทีของหานเจวี๋ยสงบยิ่งนัก

เขากำลังประเมินอยู่ว่าจะลงมือเมื่อใด

รอให้ใกล้อีกหน่อย เขาอยากสังหารพญาอสรพิษหยกแบบไม่ทันได้ตั้งตัว!

พญาอสรพิษหยกสังเกตเห็นหานเจวี๋ย สมบัติวิญญาณเต็มกาย ตบะอ่อนนัก

เขายังปราดตามองไปที่ไก่คุกรัตติกาลอีกครั้ง ‘เจ้าไก่ตัวนี้ตบะไม่เลว สามารถกำราบให้อยู่ใต้อาณัติได้’

จากนั้น สายตาของเขาก็ตกอยู่ที่ต้นฝูซัง

‘เอ๊ะ!’

‘ต้นไม้นี้!’

พญาอสรพิษหยกเบิกตากว้างราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้

“เป็นไปได้อย่างไร! ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้เหตุใดถึงอยู่ที่นี่ได้”

พญาอสรพิษหยกรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพียงไม่นาน ในใจบังเกิดความโลภอย่างรุนแรง

เขาต้องการต้นไม้ต้นนี้!

พลังจิตของเขาได้กวาดไปทั่วสำนักหยกพิสุทธิ์ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่ระดับสุญตาขั้นเก้า ไม่สามารถรับการโจมตีของเขาได้แม้แต่ไม้เดียว!

พญาอสรพิษหยกสังเกตเห็นผู้บำเพ็ญสำนักหยกพิสุทธิ์ที่จัดกระบวนทัพพร้อมรับมือข้าศึกอย่างเสร็จสรรพ ทำให้เขาหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสาน “ให้เจ้าได้รับรู้ถึงพลังของข้าสักหน่อย!”

เขากระโจนร่างขึ้นไปในทันที แรงกดดันมหาศาลพุ่งลงมาจากฟากฟ้า ยอดเขาทั้งสิบแปดของสำนักหยกพิสุทธิ์ ยอดเขาหลัก รวมไปถึงกลุ่มเขาที่อยู่บริเวณใกล้เคียงพากันสั่นสะเทือน

พญาอสรพิษหยกทะยานร่างลงมา เป้าหมายคือเขาเพียรบำเพ็ญเซียน

เหล่าผู้บำเพ็ญในสำนักหยกบริสุทธิ์ต่างตื่นตระหนกจนถึงขีดสุด พวกเขาต่างรู้ว่าในเขาเพียรบำเพ็ญเซียนนั้นซ่อนผู้ใดเอาไว้

หากแม้แต่ท่านผู้นั้นยังไม่อาจต้านทานได้ พวกเขาคงได้แต่รอความตายแล้ว!

มือทั้งสองที่อยู่ใต้แขนเสื้อของหลี่ชิงจื่อกำเข้าหากันแน่น เหงื่อเย็นเม็ดเป้งผุดขึ้นบนหน้าผาก

คิ้วงามของเซียนซีเสวียนพลันขมวด ร่างกายสั่นสะท้านเล็กน้อย

บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายต่างหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาตั้งตารอผู้อาวุโสสังหารเทพ แต่สถานการณ์ในครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา

ทุกเขตในบริเวณใกล้เคียงต่างถูกยึดครองไปหมดแล้ว เคราะห์ร้ายเช่นนี้สามารถพูดได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน อย่างน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่พวกเขารู้จักก็ไม่เคยมี!

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ภาพเหตุการณ์เหมือนถูกกดปุ่มให้เคลื่อนไหวช้าลง ผู้คนทั้งหลายจ้องมองไปที่พญาอสรพิษหยก พวกเขาไม่ได้ยินเสียงใดแล้วในขณะนี้

ฟ้าดินไร้ซึ่งสรรพเสียง!

ภายใต้การจ้องมองของพวกเขา เงากระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกมาจากเขาเพียรบำเพ็ญเซียนอย่างแน่นขนัด ดุจดังมัจฉาที่แหวกว่ายในธารา พุ่งขึ้นฟ้าด้วยอานุภาพที่ไม่อาจต้านทาน!

ตามมาด้วยเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นจนหูแทบหนวก แสงกระบี่สีดำเปล่งประกายวูบวาบไปทั่วฟ้าดิน!

พญาอสรพิษหยกถูกเงากระบี่ปกคลุมในทันที!

ไตรวิสุทธิ์กำราบภูมิ!

หานเจวี๋ยลงมือแล้ว!

เขาที่ยืนอยู่ตรงริมผายังคงตั้งท่าโบกสะบัดกระบี่พิพากษาอนธการอยู่ กระบี่ชี้ขึ้นฟ้า อาภรณ์เทพทมิฬจักจั่นทองพลิ้วสะบัดจนเกินเสียง ภูษาเทพพสุธาต้านวิญญาณพลิ้วไหวอย่างบ้าคลั่ง!

ไก่คุกรัตติกาล สวินฉางอัน มู่หรงฉี่ หยางเทียนตงและสิงหงเสวียนต่างตาเบิกโพลง พวกเขามองเงาหลังของหานเจวี๋ยด้วยสีหน้าตกตะลึง

เงาหลังของหานเจวี๋ยประดุจดังเทพเซียน สูงตระหง่านถึงเพียงนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพและยำเกรงถึงเพียงนั้น!

“ข้าจะทำเช่นนี้”

หานเจวี๋ยเอ่ยเสียงเบา สายตาเรียบนิ่ง ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก

สิงหงเสวียนได้ฟังคำตอบที่ไม่ได้ฟังก่อนหน้า แม้เสียงของหานเจวี๋ยจะเบา แต่กลับเต็มไปด้วยพลังที่โจมตีหัวใจของนางอย่างรุนแรง

ตราตรึงอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ!

……………………………………….