ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้สึกเกลียดเฮ่อเหลียนเวยเวยยิ่งนัก แต่เมื่อเขาได้พบนาง เขาก็คิดว่าดีกว่าปล่อยให้นางหลุดหนีไปได้อย่างร่าเริง

จนถึงก่อนหน้านี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยังไม่คิดว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยพิเศษสำหรับเขา และเขาเห็นนางเป็นเพียงแค่เหยื่อที่คอยกระตุ้นให้ตื่นเต้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น

เพียงแต่ว่าเหยื่อรายนี้ไม่ค่อยเชื่อฟังสักเท่าไหร่นัก

ดังนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องมาที่นี่เพื่อจับตัวนางด้วยตัวเอง

แต่ปรากฏว่าพอเขามาที่เมืองอู่ซิว นางก็มีหุ้นส่วนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนด้วย

นอกจากนี้ นางยังยอมให้อีกฝ่ายเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางอีกด้วย

ตอนนี้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยรู้สึกเพียงว่าเขาต้องการทำให้ผู้หญิงคนนี้อับอายต่อหน้าเขา นางจะได้ทำตัวดีๆ และอยู่เคียงข้างเขาอย่างเชื่อฟัง

ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใดก็ตาม

ดวงตาคู่สวยที่ดูลึกลับของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นราวกับบ่อน้ำลึกโบราณ

ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ลงเมื่อฟังคำพูดของอีกฝ่าย แล้วเขายังจะพูดอีกหรือว่าตนเองไม่ใช่คนโหดร้ายทารุณ นั่นเป็นเรื่องที่โหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่านางเลยเสียอีก

“แต่ข้าเลือกให้เจ้าเป็นชายาของข้าแล้ว” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมองนาง และเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา เขาพูดต่ออย่างเรียบเฉย “และข้าไม่มีนิสัยชอบฆ่าชายาของตนเอง”

ชายาเช่นนั้นหรือ

เฮ่อเหลียนเวยเวยขมวดคิ้ว เขากำลังคิดอะไรอยู่

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาต้องการเลือกนางเป็นชายาของเขาจริงๆ

นางคงจะไม่คิดอะไรมาก ถ้าผู้ชายสองหน้าจอมกลับกลอกคนนี้จะขับไล่นาง…

เมื่อครู่นี้ เขาบอกว่ายังเล่นสนุกไม่พอ แต่แล้ว ในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา เขากลับพูดว่า ‘นางคือชายาของเขา’

เว้นแต่ว่า…

“อดีตฮ่องเต้กดดันท่านอย่างหนักเลยหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยนึกถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ฮ่องเต้กำลังหัวหมุนอยู่ที่นั่นทั้งวัน แม้ว่าอดีตฮ่องเต้จะมีอำนาจ แต่เขาก็ชรามากแล้ว ตอนนี้ สี่ตระกูลใหญ่ก็กำลังกดดันอย่างหนัก เขาไม่ใช่เด็กแล้ว ดังนั้น หากเขาไม่แต่งงาน ก็อาจมีข่าวลือว่าเขาเป็นพวกต้วนซิ่วแพร่สะพัดไปก็เป็นได้

เมื่อถึงเวลานั้น คนจากสี่ตระกูลใหญ่ก็จะมีเหตุผลมากขึ้นที่จะไม่ยอมให้เขาครองบัลลังก์ได้

เพราะท้ายที่สุดแล้ว องค์ชายที่ไม่สามารถให้กำเนิดทายาทได้นั้น ก็ถือเป็นเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าคนพิการเสียอีก

ดังนั้น อดีตฮ่องเต้จึงรู้สึกกังวลมากและอยากให้เขาเลือกชายาโดยเร็ว

แล้วตัวเขาเองจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็หลุบลงเล็กน้อย และเผยให้เห็นถึงความอ่อนล้าอย่างมาก ราวกับว่าแม้แต่ความเยือกเย็นที่นางเพิ่งจะเผยออกมานั้น ก็เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาที่เลือนรางเท่านั้น

ในยุคสมัยใหม่ การปลอมตัวของนางทำให้สามารถแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มอาชญากรได้ ด้วยทักษะนี้ นางไม่รู้ว่ามีพวกอาชญากรถูกหลอกไปกี่คน

แต่ว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่ได้หลงกลนาง ดวงตาสีดำและขาวที่เด่นชัดของเขานั้นมองนางอย่างลึกซึ้ง ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความกดดันที่มองไม่เห็น

เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกว่าการพูดคุยกับองค์ชายสามเหนื่อยมากกว่าการพูดคุยเรื่องข้อตกลงทางธุรกิจเสียอีก

อย่างไรก็ตาม หากเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ

การร่วมมือก็สามารถเป็นไปได้

ใช่แล้ว มันคือความร่วมมือ

เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่อยากเป็นศัตรูกับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

หากนางเลือกได้ นางก็ไม่อยากทำให้เขาขุ่นเคืองใจ

ทั้งนี้ ในจักรวรรดิจ้านหลง มีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก และองค์ชายสามก็เป็นคนที่ไม่สามารถมองข้ามได้อย่างแน่นอน

นางต้องการสร้างพันธมิตรกับผู้อื่นเอาไว้

และเห็นได้ชัดว่าเขา… ต้องการชายา

เฮ่อเหลียนเวยเวยเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วดวงตาของนางก็นิ่งสงบ “ข้ารู้ว่าตอนนี้ ท่านต้องการชายาจริงๆ และข้าเองก็มีสิ่งที่ต้องการด้วยเช่นกัน”

ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจมดิ่งลง นางหมายความว่าอย่างไรกันที่บอกว่าเขาต้องการชายาจริงๆ

“พวกเราร่วมมือกันได้” เฮ่อเหลียนเวยเวยค่อยๆ พูด “ข้าสามารถช่วยให้ท่านจัดการกับปัญหาของอดีตฮ่องเต้ได้ และสามารถร่วมมือกับท่านได้”

“ร่วมมือเช่นนั้นหรือ” ริมฝีปากบางของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูเยือกเย็นขึ้น และแสดงท่าทางให้นางพูดต่อ เขาต้องการฟังว่าที่นางพูดถึงการร่วมมือนั้น มันหมายถึงอะไรกันแน่

เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มสนใจ จากนั้น จึงยิ้มออกมา น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความมั่นใจมากขึ้น “ข้าสามารถแต่งงานกับท่านได้ และท่านก็มั่นใจได้ว่าข้าจะไม่บังคับท่านเลยแม้แต่น้อย ท่านสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้าเลย และเมื่อจัดการปัญหากับอดีตฮ่องเต้ และท่านจัดการกับสี่ตระกูลใหญ่เรียบร้อย พร้อมกับขึ้นครองบัลลังก์ได้อย่างราบรื่นแล้ว ก็สามารถปลดข้าออกจากตำแหน่ง และส่งตัวข้าออกไปจากวังได้เลย เมื่อถึงตอนนั้น ท่านก็สามารถแต่งงานกับคนที่ท่านชอบจริงๆ ได้ โดยที่ข้าจะไม่ฉุดรั้งท่านเอาไว้ และจะไม่มีการหึงหวงใดๆ ทั้งสิ้น”

เฮ่อเหลียนเวยเวยเชื่อว่าตราบใดที่นางเสนอแนะไปเช่นนั้น อีกฝ่ายก็จะเห็นด้วยอย่างแน่นอน

เพราะไม่ว่าอย่างไร ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็เพียงแค่ต้องการหาโล่กำบังเท่านั้น

แต่นางกลับพูดแทงใจดำของเขาอย่างไม่ตั้งใจ

เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่รู้ว่าการทำเช่นนั้น จะเป็นการยั่วโมโหองค์ชายสาม และกลายเป็นเสี้ยมหนามในสายตาของเขา

แต่ไม่ว่านางจะวิ่งหนีไปอย่างไร นางก็ไม่สามารถหนีได้พ้นอยู่ดี

แล้วทำไมจึงไม่ร่วมมือกับเขาในการแสดงละครฉากนี้ไปเลยเล่า

ในภาพรวมแล้ว มันก็ยังดีกว่าสิ่งที่นางต้องเจอในขณะนี้ ที่ต้องตกที่นั่งลำบากจากการที่เขาไล่ตามหาเรื่องนางไปทั่วทุกแห่งหน

ตราบใดที่มีการพูดคุยเรื่องเงื่อนไขอย่างชัดเจน มันก็จะไม่ทำให้นางรู้สึกลำบาก

นอกจากนี้ พวกเขายังมีศัตรูกลุ่มเดียวกันอีกด้วย ถ้านางต้องการจะยึดครองและเอาของของนางกลับคืนมา นางก็จะต้องเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสหัวรั้นจากสี่ตระกูลใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

และคนพวกนั้นก็อาจเกลียดชังพวกเขาจนเข้ากระดูกดำไปแล้วก็ได้

เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาทั้งสองคนก็จะจับมือกันทำในสิ่งที่ควรทำ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตัวเอง โดยไม่มีใครขวางใคร แบบนี้คงดียิ่งกว่า

ทำไมนางถึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

องค์ชายสามน่าจะถูกใจกับข้อเสนอนี้เช่นกัน

เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยเสียงทุ้มต่ำและฟังดูลึกล้ำขึ้นมา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เงียบลง แค่น้ำเสียงของเขานั้นก็เย็นชาอย่างมาก เมื่อหูของนางได้ฟัง มันก็รู้สึกเยือกเย็นอย่างน่าประหลาดใจ

“นี่เป็นข้อเสนอที่ดีจริงๆ”

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเอ่ยคำสั้นๆ นั้นด้วยท่าทีสบายๆ เขามองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยแววตาเฉื่อยชาและเรียบเฉย

อย่างไรก็ตาม นิ้วเรียวยาวที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าของเขาก็กำลังแข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย

“แม้แต่เรื่องที่ข้ากังวลมากที่สุด เจ้าก็ช่วยจัดการให้แล้ว ไม่ตามติดข้าแจ หึ”

เฮ่อเหลียนเวยเวยยกริมฝีปากบางของตนเองขึ้น “องค์ชายสามน่าจะกลัวผู้หญิงที่มาคอยติดพันท่านมากที่สุด ใช่หรือไม่”

“ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าเข้าใจตัวข้าขนาดนี้ได้อย่างไรกัน” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยุดนิ่งไปชั่วครู่หลังจากพูดจบ ปลายนิ้วมือของเขาแทบจะฝังเข้าไปในฝ่ามืออยู่แล้ว

ผู้หญิงคนนี้ช่างรู้วิธีที่จะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ

เขาควรจะชื่นชมที่นางเป็นคนฉลาดหรือควรจะบีบคอนางให้ตายดี นางจะได้ไม่พูดอะไร ที่ทำให้เขาต้องโกรธเคืองอีก

เฮ่อเหลียนเวยเวยแสดงสีหน้าโล่งใจขณะที่ตบไหล่ของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย “ข้าเข้าใจดีว่าการถูกบังคับให้แต่งงานนั้น มันรู้สึกอย่างไร” แม้ว่านางจะเคยเป็นสายลับพิเศษ แต่นางก็อยู่ในยุคสมัยใหม่ ย่อมเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะหลีกเลี่ยงพวกลูกน้องไม่ให้กดดันให้นางแต่งงานอยู่ตลอดเวลา

“เจ้าพูดด้วยความจริงใจถึงขนาดนี้ ข้าก็คงรู้สึกแย่ หากไม่ตอบตกลง”

ทันใดนั้น ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ยิ้มและโน้มตัวของเขาลงมาเล็กน้อย “ในเมื่อพวกเราร่วมมือกันแล้ว ข้าก็มีเงื่อนไขข้อหนึ่งเช่นกัน”

เฮ่อเหลียนเวยเวยอึ้ง นางคิดว่าตัวเองพูดทุกอย่างที่เขาน่าจะต้องการไปหมดแล้ว หรือจะมีเรื่องอื่นที่นางคิดไม่ถึงอยู่อีก

“อยู่ให้ห่างจากผู้อื่น” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ราวกับว่าเขาแค่กำลังพูดถึงข้อเท็จจริง “ข้าไม่ชอบเห็นชายาของข้าจับมือถือแขนกับใครอย่างสนิทสนมมากเกินไป มันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก”

เรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายๆ

เฮ่อเหลียนเวยเวยเองก็เข้าใจได้เช่นกัน หากนางกลายเป็นชายาขององค์ชายสาม ผู้คนมากมายก็จะให้ความสนใจ และจับผิดนางอย่างแน่นอน

ในสมัยโบราณนั้น ชื่อเสียงของคนเราเป็นเรื่องที่ต้องยึดถืออย่างจริงจัง จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะร้องขอเช่นนั้น

“ตกลง ข้าจะจำไว้” เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเล็กน้อย “ข้าเองก็มีเงื่อนไขเช่นกัน”

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเม้มริมฝีปากบางของเขาลงอย่างเยือกเย็น ‘เจ้าจิ้งจอกน้อย’ ตัวนี้ช่างไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลยจริงๆ “พูดมา”