บทที่ 129 คำถามและคำตอบ
บทที่ 129 คำถามและคำตอบ
จางเหิงจดจำฝังใจอย่างยิ่งกับบทเรียนอันเจ็บปวดที่เขาได้รับ เขาไตร่ตรองไปนับครั้งไม่ถ้วนระหว่างที่ถูกจำคุกไปหกเดือน จิตใจของเขาตอนนี้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนที่เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงซึ่งเคยมีอำนาจ
เขากังวล แต่ก็ยังไม่สิ้นหวัง
เขาเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและจัดชุดให้เรียบร้อย ก่อนจะตัดสินใจออกไปเดินเล่น
เขามาที่จินหลิงนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่ได้สนใจจะยืนชมทิวทัศน์ของเมืองสักเท่าไหร่
กริ๊ง…
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างกะทันหัน
จางเหิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเห็นชื่อของผู้โทรเข้าที่เคยบันทึกไว้
หลังจากหายใจเข้าลึก เขาก็กดรับสายและพูดว่า “ประธานจาง ผมจางเหิง คุณมีอะไรให้ผมรับใช้?”
“มาที่ห้องประชุมชั้นหกของโรงแรม” เสียงของจางซิ่วจือดังออกจากโทรศัพท์มือถือ
“จะไปเดี๋ยวนี้ครับ”
จางเหิงวางสาย ก่อนจะหยิบกระเป๋าเอกสารและออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้าเขาก็ลงลิฟต์ไปที่ชั้นหก
ผู้หญิงในชุดสูทที่ดูดีและแว่นตาขอบทองกำลังรออยู่นอกห้องประชุมอย่างเงียบ ๆ หลังจากเห็นจางเหิง เธอก็ยิ้มและพูดว่า “คุณจาง เจ้านายของฉันและคนอื่น ๆ กำลังรอคุณอยู่ ตามฉันมาเลยค่ะ”
“ครับ!” จางเหิงพยักหน้าเบา ๆ แต่หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
เลขาสาวคนนี้เพิ่งพูดว่า ‘เจ้านายและคนอื่น ๆ ?’
นอกจากจางซิ่วจือแล้วยังมีคนอื่นรอเขาอยู่อีกเหรอ?
ไม่ใช่ว่าจางซิ่วจือต้องการพบเขาจริง ๆ แต่มีคนอื่นต้องการพบเขา? จางซิ่วจือรับบทเป็นผู้แนะนำใช่หรือไม่?
จางเหิงถูกพาเข้าไปในห้องประชุมขนาดเล็ก
ภายในห้องนั้นมีสามคนที่รอเขาอยู่ เขารู้จักเพียงจางซิ่วจือ ส่วนชายอีกสองคนนั้นเขาไม่ค่อยคุ้นหน้า จำไม่ได้ว่าเคยเห็นอีกฝ่ายที่ไหนมาก่อน
“สวัสดีครับคุณจาง ไม่ได้เจอคุณนานเลย คุณดูเด็กกว่าที่เราเจอกันครั้งก่อนเสียอีก” จางเหิงทักทายพวกเขาด้วยความเคารพ แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักหวงไห่เทาและโจวอี้แต่ก็ยังพยักหน้าให้ทั้งสอง
“คุณนี่ช่างเข้าใจพูด ผู้หญิงทุกคนกลัวความแก่” จางซิ่วจือยิ้มพลางมองไปที่จางเหิงและพูดต่อ “ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณมาเช่นกัน แต่มันเป็นเรื่องภายในของเทียนเฉิน เอนเตอร์เทนเมนต์ ฉันขออภัยที่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยได้”
จางเหิงรู้สึกประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่าจางซิ่วจือจะพูดอย่างนี้
มันทำให้เขารู้สึกอบอุ่น
“มันเป็นความผิดของผมเอง” จางเหิงยิ้มอย่างขมขื่น
“คุณเกลียดฝางจื้อผิงหรือเปล่า” จางซิ่วจือถาม
“ไม่ได้เกลียด แค่ผิดหวังนิดหน่อย” จางเหิงไม่ได้ปิดบัง แต่พูดในสิ่งที่เขากำลังคิด
เขาไม่ได้เกลียดเจ้านายเก่าของเขา
หลังจากที่เขาถูกจำคุก เขาก็เหมือนได้สติ ตอนที่เขาเป็นรองผู้จัดการทั่วไปของเทียนเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์ เขามีปัญหากับเจ้านายของตัวเอง
เขาลืมตัวไปว่าตัวเองเป็นแค่พนักงาน
เขาไม่ควรทำตัวเสมอเจ้านายแบบนั้น!
สำหรับความผิดหวังเหล่านั้นมันเป็นเรื่องจริง เพราะเขาไม่เคยคิดว่าฝางจื้อผิงจะใช้วิธีการสั่งสอนโดยการจัดฉากส่งเขาเข้าคุกแบบนั้น
จางซิ่วจือพอใจกับคำตอบของจางเหิงมาก เธอชี้ไปที่คนสองคนที่อยู่ข้างเธอและแนะนำให้รู้จัก “นี่คือโจวอี้ แพทย์จีนในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง ส่วนเขาคือหวงไห่เทา นายน้อยตระกูลหวงในจินหลิง”
จางเหิงตกตะลึงและทักทายทันทีว่า “สวัสดี คุณโจวและคุณหวง”
เขาประหลาดใจมาก
เพราะในวงการธุรกิจ ลำดับการผู้แนะนำมีกฎที่ชัดเจน
คนสำคัญจะถูกแนะนำก่อน ส่วนคนสำคัญรองลงมาจะถูกแนะนำทีหลัง
จางซิ่วจือแนะนำโจวอี้เป็นคนแรก ซึ่งนั่นทำให้เขาประหลาดใจ
เขาไม่รู้จักโจวอี้ แต่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับหวงไห่เทา นายน้อยตระกูลหวงแห่งจินหลิงซึ่งเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในโลกธุรกิจ
“สวัสดีครับ คุณจาง!”
ทั้งสองจับมือกับจางเหิง
ทันใดนั้นคนสี่คนก็เตรียมตัวนั่งสนทนากันที่โต๊ะประชุม
ตำแหน่งที่นั่งนั้นทำให้จางเหิงไม่เข้าใจมากยิ่งขึ้น
เพราะเขาพบว่าโจวอี้นั่งอยู่หัวโต๊ะ จางซิ่วจือและหวงไห่เทานั่งอยู่ทางด้านซ้ายของโต๊ะประชุม และตัวเขาเองก็นั่งอยู่ทางด้านขวาของโต๊ะ
จางซิ่วจือกอดอกมองไปที่โจวอี้แล้วพูดกับจางเหิงว่า “คุณจาง การที่ฉันโทรหาคุณวันนี้เป็นเพราะโจวอี้ต้องการพบคุณ แต่ด้วยเหตุผลพิเศษ ฉันกับไห่เทามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะนั่งในห้องนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม โจวอี้จะเป็นคนพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับประเด็นที่เรากำลังจะสนทนากันต่อจากนี้”
“คุณโจว คุณต้องการพบผมทำไมครับ?” จางเหิงถาม
“ผมรู้ว่าคุณมีข้อสงสัยมากมายในใจ ดังนั้นผมจะเข้าประเด็นเลย” โจวอี้หยิบบุหรี่ออกมายื่นให้อีกฝ่าย ก่อนจะจุดบุหรี่ด้วยตัวเองแล้วพูดว่า “ผมต้องการตั้งบริษัทบันเทิง ผมต้องการให้คุณช่วยผมจัดการมัน”
“คุณช่วยเจาะจงมากกว่านี้ได้ไหมครับ” จางเหิงกล่าว
โจวอี้มองไปที่สีหน้าสงบของอีกฝ่ายและพูดช้า ๆ
“ภรรยาของผมเป็นนักร้อง จุดประสงค์ในการก่อตั้งบริษัทบันเทิงคือการยกย่องเธอ เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเกรงใจคนอื่นในบริษัทบันเทิงนั้นอีกต่อไป”
“บริษัทใหม่ที่ผมกำลังจะก่อตั้งมีเงินลงทุนเริ่มต้นทั้งหมดร้อยล้านหยวน ผมลงทุนหกสิบล้านหยวน คิดเป็น 70% ของหุ้น ส่วนพี่สะใภ้… ก็คือคุณจาง ลงทุน ยี่สิบล้านหยวน คิดเป็น 10% ของหุ้นทั้งหมด ส่วนคุณหวงลงทุนยี่สิบล้านหยวน คิดเป็น 10% ของหุ้นทั้งหมด”
“ผมไม่ค่อยรู้เรื่องการจัดการของบริษัท และแม้แต่เรื่องวงการบันเทิงก็ด้วย ถ้าคุณเต็มใจที่จะทำงานให้ผมในฐานะผู้จัดการทั่วไป การตัดสินใจในบริษัททุกอย่างผมจะให้คุณเป็นคนดูแล แต่ผมมีสิทธิ์สองอย่าง อย่างแรกคือเลิกจ้างคุณ และอย่างที่สองคือสามารถตรวจสอบบัญชีการเงินของบริษัทได้ทั้งหมด”
โจวอี้สังเกตว่าการแสดงออกของจางเหิงนั้นแปลกไปเล็กน้อยเมื่อเขาพูดออกไปเช่นนี้ เขาถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคิดว่ามันเหมือนเรื่องตลกหรือเปล่า จริง ๆ แล้วผมก็คิดเหมือนกัน แต่นั่นไม่สำคัญ ผมมีเงิน คุณมีประสบการณ์ในการบริหารและมีคนรู้จักมากมาย คุณจะได้กลับมาเป็นผู้บริหาร คุณอยากทำไหม ลองคิดดู!”
ในตอนแรกจางเหิงงุนงงและมีคำถามในหัวมากมาย แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดสุดท้ายของโจวอี้เขาก็เงียบไปทันที
โจวอี้พูดอีกครั้งว่า “หากคุณมีคำถามใด ๆ คุณสามารถถามพวกเราได้”
จางเหิงคิดอย่างรวดเร็ว เขาจัดระเบียบคำพูดของเขา และถามอย่างจริงจังว่า “ผมคิดว่าผมสามารถลองได้ แต่ผมมีปัญหาบางอย่าง และผมหวังว่าคุณจะตอบมาตามความจริงได้”
“คำถามแรก ใครคือภรรยาของคุณ?”
“สอง ผมมีสิทธิ์ตัดสินใจมากแค่ไหน?”
“สาม บริษัทสามารถเซ็นสัญญากับนักร้องหรือศิลปินอื่นได้ไหม?”
“สี่ คุณจะให้ผมเท่าไหร่?”
“และห้า ต่อไปนี้จะลงทุนเพิ่มเติมหรือไม่?”
หลังจากที่ถามจบ เขาก็มองไปที่โจวอี้อย่างเงียบ ๆ เพื่อรอคำตอบ
โจวอี้เขี่ยบุหรี่แล้วยิ้ม “ผมจะตอบคำถามของคุณตามลำดับ อย่างแรก ภรรยาของผมคือถังหว่าน นักร้องที่มีสัญญากับฮวนหยิงเอนเตอร์เทนเมนต์ในตอนนี้”
“สอง ผมเพิ่งบอกว่าหลังจากการก่อตั้งบริษัทใหม่ ผมจะเป็นเจ้าของบริษัทที่คอยเฝ้าดูอย่างเดียว ส่วนคุณมีหน้าที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการดำเนินงานและการจัดการของบริษัท”
“สาม คำตอบนี้เหมือนกับคำตอบที่สอง คุณมีสิทธิ์ สามารถเซ็นสัญญานักร้องหรือศิลปินคนใดก็ได้ ตราบใดที่คุณคิดว่าการลงทุนไม่เสียเปล่า”
“สี่ เงินเดือนหมื่นหยวนถือเป็นค่าครองชีพ และคุณจะได้รับ 10% ของหุ้นด้วย”
“ห้า จะลงทุนเพิ่มหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณบริหารบริษัทได้ดีแค่ไหน ถ้าคุณสามารถทำเงินให้เราและทำให้บริษัทใหญ่ขึ้นได้ เราจะลงทุนเพิ่มเติม แต่ถ้าธุรกิจของบริษัทแย่เกินไป….”
จางเหิงได้ตัดสินใจแล้วเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้
เขารับงานนี้แน่นอน!
อันที่จริงการลงทุนร้อยล้านหยวนของบริษัทใหม่ไม่ใช่เงินจำนวนมากในความคิดของเขา
อย่างไรก็ตาม เขาให้ความสำคัญกับตัวตนของนักลงทุนทั้งสอง และสนใจในตัวโจวอี้มากกว่า
เขารู้สึกว่าโจวอี้ไม่ใช่แค่หมอในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนธรรมดา ๆ ยิ่งไปกว่านั้น โจวอี้บอกว่าต้องการเป็นเพียงเจ้าของบริษัที่คอยเฝ้าดูการทำงานเท่านั้น เรื่องภายในบริษัทแทบทั้งหมดจะให้เขาตัดสินใจ!
การได้สิทธิ์ตัดสินใจในบริษัทมากขนาดนี้ทำให้เขาสามารถบริหารมันได้อย่างอิสระและน่าทุ่มเทด้วย
เขาคิดว่าด้วยความสามารถของเขาเอง รวมกับการสนับสนุนจาก โจวอี้ จางซิ่วจือ และหวงไห่เทา เขาสามารถทำให้บริษัทใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างแน่นอน
นี่เป็นทั้งความท้าทายและโอกาส!