บทที่ 128 หุ้นส่วน
บทที่ 128 หุ้นส่วน
โจวอี้ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบริษัทอัญมณีสีน้ำเงิน แต่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับหยางกรุ๊ป ท้ายที่สุดแล้วหยางกรุ๊ปก็เป็นองค์กรชั้นนำในเมืองจินหลิง และยังติดอันดับหนึ่งในมณฑลเจียงซูอีกด้วย
จางซิ่วจือในฐานะภรรยาเจ้าของกิจการของหยางกรุ๊ปมีสถานะที่โดดเด่น
แม้โจวอี้จะไม่ยึดติดกับสถานะความมั่งคั่งของผู้ใด แต่การที่หวงไห่เทาพาเธอมาที่นี่ในวันนี้เห็นได้ชัดว่าเพื่อประโยชน์ของเขาเอง
เพราะจางซิ่วจือรู้จักกับจางเหิง
เมื่ออาหารถูกวางลงบนโต๊ะ ทั้งสามคนก็พูดคุยกันขณะรับประทานอาหาร บรรยากาศล้วนเป็นไปอย่างราบรื่น
“โจวอี้ ถ้าฉันจำไม่ผิด คุณน่าจะเป็นหมอที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงใช่ไหม? ทำไมคุณถึงต้องการเจอจางเหิงล่ะ” จางซิ่วจือถาม
“ผมจะจัดตั้งบริษัทบันเทิงน่ะครับ”
“ตั้งบริษัทบันเทิง?” จางซิ่วจือคิดถึงถังหว่านและผู้จัดการตัวร้ายที่เธอพบเมื่อวันก่อน ดังนั้นเธอจึงถามอย่างครุ่นคิด “เป็นเพราะเสี่ยวหว่านจะไม่ต่อสัญญากับฮวนหยิงเอนเตอร์เทนเมนต์ใช่ไหม”
“ใช่!” โจวอี้พยักหน้า
“คุณตัดสินใจได้ดีแล้ว การทำงานให้คนอื่นมันก็มีแต่เป็นการทำให้คนอื่นได้หน้า เปิดบริษัทบันเทิงของตัวเองจะดีกว่า คุณทำงานได้ตามที่คุณพอใจและพักผ่อนได้ถ้าคุณต้องการ คุณไม่จำเป็นต้องทำงานเพื่อเอาใจคนอื่น” จางซิ่วจือพยักหน้าเห็นด้วย
“พี่สะใภ้แนะนำจางเหิงให้ผมรู้จักได้ไหม?” โจวอี้ถาม
“ได้! ถ้าคุณต้องการพบเขา ฉันสามารถขอให้เขามาที่นี่เดี๋ยวนี้เลย” จางซิ่วจือยิ้ม
“เขาอยู่ในจินหลิงงั้นเหรอ?”
“ฉันได้รับโทรศัพท์จากไห่เทาเมื่อเช้านี้ และเมื่อรู้ว่ามีคนต้องการพบจางเหิง ฉันจึงโทรหาเขาเมื่อเช้า ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในโรงแรมใกล้ ๆ นี้แหละ”
โจวอี้พยักหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่าย
เขาไม่ได้รีบไปพบจางเหิง แต่ตัดสินใจที่จะรับประทานอาหารให้เสร็จก่อนจะไปที่โรงแรมเพื่อพบจางเหิง
“โจวอี้ ฉันมีความคิดบางอย่างแต่ไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม”
“พูดมาเถอะครับพี่สะใภ้”
“คุณต้องการลงทุนใช่ไหม ฉันมีเงินสำรองอยู่ในมือมากมาย และยังไม่รู้ว่าจะเอาพวกมันไปใช้ที่ไหนดี”
ลงทุน?
โจวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน นับประสาอะไรกับการเป็นหุ้นส่วนกับคนอื่น แต่เขาเคยเห็นในทีวีว่าธุรกิจหุ้นส่วนอยู่ได้ไม่นาน
ยิ่งไปกว่านั้น วันนี้เขาเพิ่งได้พบกับจางซิ่วจือเป็นครั้งแรก แต่เธอเสนอให้ทำธุรกิจร่วมกันแล้ว มันไม่ตลกเกินไปเหรอ?
หวงไห่เทาเองก็ยังตกใจเล็กน้อย เขาจ้องมองที่จางซิ่วจือและทันใดนั้นก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
อยากผูกสัมพันธ์ผ่านธุรกิจ!
พี่สะใภ้เอาความสนใจมาเป็นตัวเชื่อมกับโจวอี้ ไม่สำคัญว่าจะทำเงินได้หรือไม่ ขอแค่ผูกสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกว่าเดิมก็พอ!
ทันใดนั้นเขาก็เห็นจางซิ่วจือขยิบตาให้เขา เขาจึงรีบเสริมทันที
“โจวอี้ คุณจะใช้เงินเท่าไหร่ในการลงทุนทำบริษัทบันเทิง?” หวงไห่เทาถามด้วยรอยยิ้ม
“ลงทุนห้าสิบล้านหยวนก่อน!” โจวอี้กล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หวงไห่เทาก็มองไปที่จางซิ่วจือทันที
จางซิ่วจือคิดครู่หนึ่งและยิ้มออกมา “โจวอี้ คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่ฉันจะลงทุนยี่สิบล้านหยวนเพื่อขอ 10% ของจำนวนหุ้น ส่วนการดำเนินงานและการจัดการของบริษัท ฉันไม่สน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ และท้ายสุด หลังจากที่บริษัททำกำไรได้ คุณเพียงแค่ต้องจ่ายเงินปันผลให้ฉันตามสัดส่วนของหุ้น คุณคิดว่ามันโอเคไหม?”
“โจวอี้ ผมเองก็ขอลงทุนยี่สิบล้านหยวน คิดเป็น 10% ของหุ้นและเงื่อนไขเหมือนกับพี่สะใภ้ของผม ผมไม่สนใจกิจการของบริษัท แค่แบ่งเงินปันผลเมื่อมีกำไรมาให้ก็พอ” หวงไห่เทาหยิบบุหรี่ออกมาจุดอย่างยิ้มแย้ม และยื่นให้โจวอี้หนึ่งมวนและพูดต่อ “ถ้าบริษัททำเงินได้ พี่สะใภ้และผมจะถือว่าพวกเรามีโชคหล่นทับฟรี ๆ แต่ถ้าบริษัทสูญเสียเงิน…ถึงจะจนกันหมดเราก็ไม่สน”
โจวอี้ไม่เคยทำธุรกิจ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้วิธีกระจายหุ้น
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถบอกได้ว่าจางซิ่วจือและหวงไห่เทาขอหุ้นน้อยมาก ชนิดที่ว่ายอมเสียเปรียบเลยทีเดียว
แต่จุดประสงค์ของพวกเขาคืออะไร?
จางซิ่วจือมองไปที่โจวอี้ซึ่งยังคงเงียบอยู่และยิ้ม “โจวอี้ ที่จริงแล้วการที่ไห่เทาและฉันเต็มใจที่จะลงทุนไม่ใช่เพื่อหาเงิน แต่เพื่อคุณ”
“พี่สะใภ้หมายความว่าอะไรนะ?” โจวอี้เลิกคิ้วขึ้น
“หากต้องการขยายธุรกิจ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้จักคนให้มาก เราประเมินคุณเอาไว้สูง ดังนั้นจึงลงทุนกับคุณในเวลานี้ บางทีคุณอาจช่วยเราได้ในอนาคต” จางซิ่วจือกล่าวอย่างใจเย็น
โจวอี้ยิ้ม
เขาเข้าใจสิ่งที่จางซิ่วจือและหวงไห่เทาวางแผนไว้
เช่นเดียวกับเฉิงฮ่าวในตอนแรก อีกฝ่ายมอบรถให้เขาฟรี ๆ เพื่อผูกมิตร แถมยังให้ความช่วยเหลือในยามที่เขาต้องการ เขาจึงไปรักษาภรรยาของอีกฝ่ายให้เป็นการตอบแทน
สังคมมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยการตอบแทนบุญคุณ
“ผมตกลง” โจวอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “ให้ผมลงทุนหกสิบล้านหยวน พวกคุณลงทุนคนละยี่สิบล้านหยวน รวมเป็นร้อยล้านหยวน ส่วนเรื่องผู้จัดการบริษัท คุณคิดอย่างไรกับจางเหิง?”
“ผมไม่มีความคิดเห็น มันแล้วแต่คุณเลยเรื่องนี้” หวงไห่เทาโบกมือ พยายามแสดงว่าตนเองไม่ต้องการก้าวก่ายการบริหารงาน
“ฉันไม่สนใจเรื่องการบริหารภายในบริษัทของคุณหรอก แต่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยหากคุณต้องการ ดังนั้นเราไปคุยกับจางเหิงด้วยกันก่อนมันน่าจะดีกว่า” จางซิ่วจือมองโจวอี้ด้วยความชื่นชมมากขึ้น
“ตกลง”
เขารู้อยู่แล้วว่าในสายตาของจางซิ่วจือนั้นจางเหิงย่อมมีความสามารถ
จากนั้นทั้งสามคนก็พูดคุยกันถึงประเด็นอื่น ๆ ในการเปิดบริษัทบันเทิง โดยส่วนใหญ่คือจางซิ่วจือและหวงไห่เทาได้ชี้แนะเรื่องที่โจวอี้จำเป็นต้องสนใจในการทำให้บริษัทเป็นที่นิยม
ตัวอย่างเช่น ที่ตั้งสำนักงาน การใช้เงินทุน ปัญหาด้านบุคลากรและแนวทางของบริษัท อุปกรณ์ของบริษัท รวมไปถึงทรัพยากรทางธุรกิจ
โจวอี้นั้นเป็นมือใหม่สุด ๆ หลังจากฟังความรู้ที่ทั้งสองถ่ายทอดให้แล้ว เขาก็ตระหนักว่าการบริหารบริษัทและการทำธุรกิจนั้นไม่ง่ายเลยและยังล้ำลึกมาก
ทั้งสามใช้นานกว่าสองชั่วโมง
ช่วงเวลานี้ โจวอี้ได้รับประโยชน์มากมายจากการฟังอย่างตั้งใจ
โรงแรมซิลเวอร์สปริง
ภายในห้องชุดบนชั้น 18
จางเหิงยืนอยู่คนเดียวริมหน้าต่าง เขามองไปที่วิวด้านนอก ควันบุหรี่ระหว่างนิ้วของเขาไม่สามารถปกปิดใบหน้าที่เศร้าหมองของเขาได้เลย
ครบหนึ่งเดือนแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาเดินทางไปราวห้าหกเมืองแล้วเพื่อพบกับเจ้าของบริษัทบันเทิงหลายสิบแห่ง แม้ว่าเขาจะเต็มใจที่จะร่วมงานกับบริษัทระดับกลาง แต่กลับไม่มีบริษัทไหนให้งานเขาเลย
เขารู้ว่าการอยู่ในคุกทำให้ประวัติของเขาแปดเปื้อน
แต่ตอนนี้เขาอายุ 45 แล้ว!
วัยนี้เป็นวัยทองของผู้ชาย เขาไม่สามารถเสียเวลาได้อีก
เขาเคยมีแผนที่ดีมาก หากไม่มีบริษัทบันเทิงใดต้องการเขาจริง ๆ เขาจะนำเงินออมจำนวนหลายสิบล้านที่เก็บไว้สำหรับเกษียณออกมาเพื่อเปิดบริษัทบันเทิงของตัวเอง
เวลานี้เขาครุ่นคิดและคุยกับตัวเอง
“ทำไมจู่ ๆ จางซิ่วจื่อถึงเรียกผมมาที่นี่?”
“แม้ว่าฉันจะเคยพบเธอ แต่เราไม่คุ้นเคยกันมาก่อน”
“ที่สำคัญเธอต้องรู้สถานการณ์ปัจจุบันของฉันแล้ว”
“ดังนั้นการที่เธอมาที่นี่มันน่าจะหมายความว่าเธออยากจะลงทุนในวงการบันเทิง และอยากให้ฉันทำงานให้เธอใช่ไหม?”
จางเหิงคิดอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันหลังกลับและวางก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่