พอพูดถึงตรงนี้ หลี่รอซีก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดอะไรอีก ถ้าพูดต่อไปก็มีแต่จะทะเลาะกัน
และหลี่รอซี ก็เป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง อีกไม่นานก็จะได้แต่งงานกันหยางจื่อหยิม เธอไม่อยากทำให้มันมีปัญหา
เธอระงับความขุ่นเคืองในใจและพูดออกมาว่า“ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
เมื่อวางสายโทรศัพท์ หยางจื่อหยิมก็มองมาที่อันหรัน ก็พบว่าอันหรันกำลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ประธานหยางโกหกคู่หมั้นของตัวเองอย่างหน้าไม่อาย นี่มันเหมาะสมแล้วหรือ?” อันหรันพูดด้วยสีหน้าที่ไม่มีความรู้สึก
หยางจื่อหยิมขมวดคิ้วแล้วตอบกลับไปว่า “หรันหรัน ที่ผมทำทุกอย่างก็เพื่อคุณ แค่คุณยอมมากับผม ผมก็สามารถยอมทิ้งทุกอย่างที่มีอยู่ได้!”
อันหรันหัวเราออกมาเสียงดังอย่างได้ใจ
เธอขำจนน้ำตาไหล
ในปีนั้น เขาไม่ควรจากไป แต่เขาก็ไป
ในวันนี้ เขาไม่ควรกลับมา แต่เขากลับกลับมา
มนุษย์ไม่ใช่สิ่งของ มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำไมเขาต้องกลับมาหาของที่ไม่มีความน่าสนใจ และเปิดบาดแผลเก่าที่เคยมีปิดไปแล้วด้วย?
“มันไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว คุณหยาง เชิญคุณไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจะให้บอดี้การ์ดของฉันจัดการคุณ”
เมื่ออันหรันพูดจบ เธอปฏิเสธโดยการหันหลังกลับ และเดินไปยังที่รถของเธอ
หยางจื่อหยิมมองเห็นเงาของอันหรันที่เดินจากไป เขาเหมือนกับอยากจะพูดอะไร แต่มันก็พูดไม่ออก
สุดท้าย เขาก็ทำได้แค่หันกลับไป เอาหัวชนกับประตูรถที่อยู่ด้านข้าง
เขาคิดว่าเขาจะทิ้งทุกอย่างได้เพื่อเธอ แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ เขาก็ยังไม่สามารถทำแบบนั้นได้
เขากลัว กลัวที่จะพูดออกไป กลัวว่าอันหรันจะปฏิเสธ
ถ้าถึงเวลานั้นเขาคงไม่มีอะไรเหลือแล้ว เขาไม่กล้าที่จะเสี่ยง
หลังจากที่อันหรันขึ้นรถ มือของก็ยังคงสั่นเล็กน้อย
ผ่านไปไม่นาน หยางจื่อหยิมก็ขับรถออกไป
รถของครอบฮั่วต่อแถวรอพร้อมที่จะขับตามออกไป อันหรันก้มศีรษะลง แต่เธอก็กวาดสายตาไปมองด้านนอกเล็กน้อย
เมื่อเห็นหยางจื่อหยิมสูญเสียความเป็นตัวของเขาแล้วยังมีสีหน้าที่รู้สึกผิดหวัง เธอจึงก้มหัวลงให้ต่ำกว่าเดิม
หลังที่กลับมาถึงบ้านของครอบครัวฮั่ว อันหรันก็ทักทายหลี่รูยาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็ขังตัวเองไว้ในห้องนอนของเธอ
เธอนั่งบนเตียงด้วยความสับสน และนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้
เธอมองภาพของลั่นลานที่อยู่ในโทรศัพท์ เธอสับสน และอยู่ดีก็รู้สึกว่าอยากจะออกไปให้ไกลจากเมืองz นี้
สัญญาของพวกเขายังอยู่อีกนานไหม?
อันหรันอยากจะคิด แต่ก็คิดไม่ออก
ฮั่วเทียนหลันก็ยังเป็นที่เย็นชา ท่าทางแบบนั้นสำหรับอันหรันแล้วจะบอกว่าดีก็ไม่ดีจะบอกว่าแย่ก็ไม่แย่ เธอเริ่มจะชินกับมันแล้ว
เมื่อถึงตอนเย็น ก็มีเสียงเรียกจากข้างล่างให้เธอลงไปทานอาหาร
และในตอนที่อันหรันลุกขึ้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
เธอหยิบมันขึ้นมาดูแบบไม่รู้ตัว พบว่ามันเป็นเพียงข้อความข่าว
หัวข้อที่สะดุดตาทำให้เธอตกตะลึง “ผู้ทรงอำนาจของFahrenheit Group ประสบอุบัติเหตุรถชนพร้อมกับสาวนิรนาม!”
และด้านล่างยังมีรูปภาพอีกสองสามภาพ ภาพที่คนที่อยู่ในรถถูกพยุงออกมา ดูจากด้านหลัง นั้นเป็นฮั่วเทียนหลันไม่ผิดแน่!
อันหรันตกใจ เธอยังไม่ทันกลับมาหายเป็นปกติ ก๊อก ก๊อก! ประตูของห้องนอนถูกเคาะ ด้านนอกมีเสียงของป้าdingดังเข้ามา “คุณนาย รีบลงมาด้านล่างได้แล้วค่ะ”
อันหรันตกใจมาก และคิดว่าหลี่รูยาน่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว
เธอรีบเดินลงมาที่ชั้นล่าง ได้ยินเสียงหลี่รูยาที่กำลังคุณโทรศัพท์อยู่ “บอกสื่อมวลชนให้หยุดแพร่กระจายข่าวนี้ ถ้าหากยังมีสำนักไหนทำอยู่ บอกไปว่าเธอจะยกเลิกหุ้นทั้งหมดที่มีของเธอกับสำนักข่าวนั้น”
หลี่รูยาวางโทรศัพท์ลงด้วยความโกรธ เธอรู้สึกหายใจไม่ออก เธอนำมือไปตบหน้าอกสองสามครั้งจึงทำให้รู้สึกโล่งขึ้น
ทำไมลูกชายคนนี้ ทำไมหาเรื่องให้เธอกลุ้มใจได้ไม่เว้นแต่ละวัน
เธอเห็นอันหรันที่กำลังเดินลงมา หลี่รูยารีบลุกขึ้นและบอกกับอันหรันว่า “ไปโรงพยาบาลกัน!”
อันหรันตกใจ และรู้ว่าหลี่รูยาต้องการพาเธอไปจับการมีชู้ของสามีเธอ
แต่เธอกลับรู้สึกไม่อยากไป เพราะใจเธอรู้ดีว่าอันหรันไม่ได้รักเธอ เรื่องแบบนี้มันก็คงจะเกิดขึ้นอีกบ่อยๆ
ถ้าหากไปโรงพยาบาลตอนนี้ นอกจากจะทำให้แม่ลูกคู่นี้ทะเลาะกัน มันก็ไม่ผลลัพธ์อื่นแล้ว
เธอพูดออกมาเบาๆว่า “แม่ ไม่ต้องไปหรอกค่ะ ในรายงานข่าวบอกว่าพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้เป็นอะไรมาก พวกเราไปตอนนี้ คงไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่”
“ไม่ดี?” หลี่รูยาขมวดคิ้วแล้วมองมาที่อันหรัน
อันหรันมีสีหน้าเป็นทุกข์ในตอนนี้ ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ จึงทำหลี่รูยารู้สึกสงสารลูกสะใภ้ขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวฉันรับผิดชอบเอง เธอไม่ต้องสนใจ” หลี่รูยากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม
หลังจากพูดจบ เธอก็เดินออกจากคฤหาสน์ อันหรันถอนหายใจ ที่รู้ว่าวันนี้จะต้องมีความแค้นระหว่างเธอกับฮั่วเทียนหลันเพิ่งขึ้น แต่เธอก็ต้องไป
ที่โรงพยาบาล ฮั่วเทียนหลันนั่งอยู่บนเตียงคนไข้ รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ยังดีที่ตอนนั้นขับไม่เร็ว มู่เหว่ยคว้าพวงมาลัยอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่รถจะชนมาทางด้านของฮั่วเทียนหลัน จึงเปลี่ยนทิศทางมาชนทางด้านของเธอแทน
ฮั่วเทียนหลันยังคงมาอาการเวียนหัวเนื่องจากถุงลมนิรภัย แต่ในขณะที่มู่เหว่ยอยู่ในอาการโคม่า
โจวหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆพูดออกมาด้วยความกังวล “ท่านประธานฮั่ว เรื่องของท่านกับมู่เหว่ย ได้ถูกเผยแพร่ออกไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้ทางเราจะสั่งให้ระงับการเผยแพร่ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีคนเข้ามาดูแล้วเป็นแสนๆครั้ง… ”
ฮั่วเทียนหลันขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “นักข่าวพวกนี้ต้องการสร้างกระแส เรื่องที่เกิดขึ้นจึงถูกเผยแพร่ออกไปเกินความเป็นจริง นายรู้ใช่ไหมว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป?”
โจวหยวนขานรับ บนหน้าของเขาก็เริ่มจริงจังขึ้นมา คำสั่งของครอบครัวฮั่วเขายอมรับ พวกที่ทำเรื่องเหล่านี้จะต้องอยู่อย่างไม่มีความสุข
ฮั่วเทียนหลันลงมาจากเตียง ทำเป็นไม่สนใจเรื่องที่พูดมาเมื่อสักครู่ แล้วถามออกมาอีกว่า “อาการของมู่เหว่ยเป็นอย่างไรบ้าง?”
โจวหยวนตอบกลับไปว่า “คุณหมอบอกว่ามู่เหว่ยแค่ตกใจกลัว พักฟื้นอีกไม่กี่วันก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้”
ฮั่วเทียนหลันพยักหน้าตอบพร้อมกับพูดว่า “นายพาฉันไปดูเธอหน่อย”
ฮั่วเทียนหลันรู้ว่าที่มู่เหว่ยต้องมาบาดเจ็บมากขนาดนี้ก็เพื่อที่จะปกป้องเขา เรื่องในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกละอายใจกับสิ่งที่เขาเคยทำกับมู่เหว่ยมาก่อนหน้านี้
มู่เหว่ยฟื้นได้ไม่นาน เธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แค่แขนไปกระแทกกับอะไรบางอย่างทำให้ผิวถลอก
อาการเจ็บจะหายไปในไม่กี่วัน แต่แผลถลอกของเธอนั้น ค่อนข้างจะจัดการได้ยาก
มิลลี่ที่อยู่ข้างๆเธอถามเธอว่า “พี่เหว่ย ครั้งนี้เหมือนพี่ได้ช่วยชีวิตของท่านประธานฮั่วไว้เลยนะ!”
มู่เหว่ยพูดออกมาด้วยท่าทางที่ถ่อมตน “เธออย่าพูดแบบนี้ ฮั่วเทียนหลันเป็นผู้ชายของฉัน ในช่วงเวลาที่อันตรายแบบนี้ ฉันไม่ช่วยเขา แล้วใครจะมาช่วย?”
เธอมองเห็นเงาของฮั่วเทียนหลันอยู่ที่หน้าประตู ดังนั้นเธอจึงตั้งใจพูดออกมาแบบนี้
และเพียงไม่กี่วินาที ประตูห้องป่วยของเธอก็ถูกเปิดออก
ฮั่วเทียนหลันเดินเข้ามา หลังจากที่เธอเห็นฮั่วเทียนหลันก็ทำทีว่าตกใจและยื่นแขนออกไปพร้อมกับพูดว่า “เทียนหลัน เทียนหลัน…ฉันคิดว่าฉันจะไม่มีโอกาสได้กลับมาเจอหน้าคุณอีกแล้ว…..”
ฮั่วเทียนหลันเดินมาที่ด้านหน้าของมู่เหว่ย เขารู้สึกขอบคุณเธอมาก เขานำมือไปกดเพื่อให้เธอนอนพักผ่อนต่อไป พูดออกมาด้วยความอ่อนโยนว่า “ยัยเด็กโง่เอ๊ย ปกติก็เป็นคนฉลาด เวลาแบบนั้นทำไมถึงได้ทำเรื่องโง่ๆแบบนี้ไปได้?”
ดวงตาของมู่เหว่ยมีสีแดงเหมือนกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ “ชีวิตของใคร ใครก็รัก แต่ฉันเพื่อคุณแล้ว ต่อให้แลกด้วยชีวิตฉันก็ยอม”
มิลลี่ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ เธอลุกขึ้นพร้อมกับเจอเดินออกไป แต่ในตอนนั้นก็สังเกตเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาที่ประตู