ในตอนดึก หลานเสี่ยวถางข้าวของและนอนอยู่บนเตียง ตอนนี้เป็นเวลา 11 โมงแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน สือมูเฉินที่อาบน้ำเสร็จแล้วก็เข้ามาในห้อง เขาเห็นว่าเธอกำลังพิงตัวอยู่บนหัวเตียง ก็อดที่จะถามไม่ได้ : “ ทำไมยังไม่นอนละ ?”
หลานเสี่ยวถางหัวเราะ : “ ยังไม่ง่วงอะ ”
สือมูเฉินเปิดผ้าห่มออกแล้วก็นอนลงไป แล้วดึงหลานเสี่ยวถางเข้ามาอยู่อ้อมแขน และถอนหายใจ : “ เสี่ยวถาง ฉันไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าฉันยังจะได้เจอกับแม่ของฉัน ! ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ฉันตามหาโดยตลอดและก็เกือบที่จะแพ้ ”
เสี่ยวถางก็อดไม่ได้ที่จะถาม : “ แล้วก่อนหน้านั้นเธอไปอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่มาหาคุณล่ะ ?”
“ คุณแม่บอกว่าก่อนหน้านั้นเกิดอุบัติเหตุแล้วก็ความจำเสื่อม ” สือมูเฉินพูด : “ ต่อมาก็ได้รู้จักกับพี่สาวของคุณที่ต่างประเทศ แล้วก็เพิ่งจะจำความได้ ก็เลยกลับมาหาผม ”
“ เป็นแบบนี้นี่เอง ” หลานเสี่ยวยิ้ม : “ แล้วในที่สุดก็ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับเธอ ”
“ ใช่แล้ว !” สือมูเฉินเห็นในแววตาที่อ้างว่างของหลานเสี่ยวถาง ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่น : “ เสี่ยวถาง คุณกำลังคิดปัญหาชีวิตที่ผ่านมาอยู่ใช่ไหม ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ อื้ม วันนี้ตอนที่อยู่บริเวณหน้าประตูแล้วก็เห็นตอนที่คุณกับคุณแม่ของคุณกอดด้วยกัน ในใจฉันก็อดที่จะคิดไม่ได้ ถ้าหากว่าเป็นฉันที่ได้เจอกับพ่อแม่แท้ๆแล้ว มันจะเป็นฉากแบบไหนกัน ”
สือมูเฉิน : “ เบาะแสก็ได้มาเรียบร้อยแล้ว แต่หลายสิ่งของแบรนด์ออเนอร์มันค่อนข้างที่จะซับซ้อน ก็ไม่แน่ว่าในนั้นยังต้องมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกอีก เพราะฉะนั้นแล้ว การสืบของพวกเราจึงทำได้เพียงอย่างลับๆเท่านั้น แล้วก็ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลของคุณได้ มิฉะนั้นแล้ว คุณก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย รู้ไหม ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ อ๋อ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลย ”
“ วางใจได้เลย มีผมอยู่ ” สือมูเฉินก้มลงไปจูบหลานเสี่ยวถาง : “ ผมจะปกป้องคุณเอง ”
หลานเสี่ยวถางสังเกตเห็นว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไป ก็คือตอนที่เขาจูบลงมาในตอนนั้น จู่ๆก็ถามคำถามที่อยากรู้มาโดยตลอด : “ มูเฉิน พี่ของฉันกลับมาแล้ว และอีกอย่างฉันเห็นว่าแม่ของคุณกับเธอแล้ว……”
ประโยคต่อมา หลานเสี่ยวถางไม่ได้พูด แต่แป๊บเดียวสือมูเฉินก็เข้าใจได้เลย
เขามองเธอและยิ้มมุมปาก : “ คุณเป็นภรรยาของผม จดทะเบียนในสำนักงานเขตแล้ว ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายของประเทศจีนแล้ว กลัวอะไรกัน ? แม้ว่าคุณแม่ของผมกับพี่สาวของคุณจะสนิทกัน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากันได้ และอีกอย่าง คุณแม่ของผมก็เข้ากับคนง่าย ถ้าเธอสนิทกับคุณแล้ว ผมคิดว่าเธอก็น่าจะชอบคุณ ”
“ จริงหรอ ?” หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมองสือมูเฉินและเม้มริมฝีปากเล็กน้อย
“ ตั้งแต่เด็กๆคุณแม่ดีกับผมมาก และคนที่ผมเลือก เธอก็จะชอบเหมือนกัน ” สือมูเฉินจูบไปที่คอของหลานเสี่ยวถาง : “ เพราะฉะนั้นอย่าคิดไปเรื่อยเปื่อยอีกล่ะ หื้ม ?”
“ อื้ม ” พอหลานเสี่ยวถางได้ยินเขาพูดแบบนั้น ในที่สุดก็เริ่มวางใจ ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็ถูกสือมูเฉินจูบจนกระแสไฟไหลไปทั่วตัวร่างกาย ต่อมาก็ไม่มีกระจิตกระใจตคิดเรื่องอื่น
ตอนที่เขาเข้าไปนั้น ทันใดนั้นเธอก็กำไปที่แขนของเขาในทันที : “ พวกเค้าอยู่ห้องที่รับแขกข้างๆนะ คุณเบาหน่อย ”
สือมูเฉินยิ้มให้เธอ : “ ไม่ต้องห่วง ห้องของฉันเก็บเสียงได้ค่อนข้างดี ขอแค่พวกเธอไม่ได้ฟังอยู่ที่ประตู……”
พอหลานเสี่ยวถางได้ยินประโยคนี้ ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่น : “ พวกเธอคงไม่อยู่ที่ประตูจริงๆใช่ไหม ?”
“ ทุกคนต่างก็ต้องรุ้ว่าถ้าพวกเราอยู่ในห้องด้วยกันจะทำไร ใครจะไปแอบฟังอยู่ที่ประตูกัน ?” สือมูเฉินออกแรงดัน : “ ยัยบ๊อง !”
แก้มของหลานเสี่ยวถางแดงไปหมด แต่ก็ยังคงกัดฟันและไม่กล้าที่จะส่งเสียงร้องออกมา
ในเช้าวันที่สอง หลานเสี่ยวถางได้รับโทรศัพท์จากสือมูเฉิน ให้พาโจวเหวินซิ่วไปที่ห้องVIP ของร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับ Times Group
เมื่อเธอกับโจวเหวินซิ่วมาถึง สือมูเฉินและคนอื่นๆต่างก็มาถึงแล้ว
ในขณะที่เปิดประตูเข้ามา สือมูชิงก็ถึงกับตกตะลึง และลุกขึ้นจากที่นั่งในทันที
“ แม่—— ”เขากระพริบตาแล้วกระพริบอีก แล้วก็รีบเดินไปอยู่ตรงหน้าของโจวเหวินซิ่ว : “ แม่ เป็นคุณจริงๆด้วย ?”
ในตอนนั้นโจวเหวินซิ่วก็ค่อนข้างปลง เธอตัวสั่นเล็กน้อยและจับไปที่ไหล่ของสือมูชิง : “ มูชิง ไม่เจอกันตั้งนาน คุณเริ่มจะแก่แล้วนะ……”
ในตอนนั้นเอง เริ่นเหม่ยเฟิ่งก็เดินเข้ามาหาโจวเหวินซิ่วและก็เรียกว่า ‘แม่’ จากนั้นก็ดึงสือเพ่ยหลินเข้ามา : “ แม่ นี่เพ่ยหลินเป็นหลานของแม่ ตอนที่แม่จากไป เขาเพิ่งจะ 5 ขวบเอง ”
โจวเหวินซิ่วก็ปล่อยมือจากสือมูชิง มองไปที่สือเพ่ยหลิน ในขณะนั้น ทุกคนต่างก็รู้สึกหดหู่ไปชั่วครู่
ในที่สุดก็คุยเรื่องในอดีตเสร็จ และตอนนี้ทุกคนก็ต่างนั่งลงกันแล้ว
สายตาของเริ่นเหม่ยเฟิ่งจ้องไปบนตัวของหลานเสี่ยวถาง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว : “ เสี่ยวถาง ทำไมเธอถึงได้อยู่ที่นี่ ?”
หลานเสี่ยวถางเพิ่งนึกได้ว่าสือเพ่ยหลินน่าจะยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับที่บ้าน เพราะฉะนั้น เธอรู้สึกอึดอัดและวางตัวไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ
ตอนนั้นเองสือมูเฉินก็ออกมาพูดกู้หน้าให้ : “ พี่สะใภ้ครับ ผมกับเสี่ยวถางแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของผม ”
เริ่นเหม่ยเฟิ่งก็ถึงกับตาโตโดยที่บ่งบอกว่าไม่ได้สนใจสือมูชิงที่นั่งอยู่ข้างๆและพูดออกมาตรงๆว่า : “ มูเฉิน ทำไม แกถึงได้แต่งงานกับภรรยาเก่าของเพ่ยหลิน ?”
สีหน้าของโจวเหวินซิ่วก็นิ่งอึ้ง : “ เหม่ยเฟิ่ง คุณพูดอะไรกัน ? ภรรยาเก่าของเพ่ยหลินอะไรกัน ?”
ในขณะที่พูดสายตาของเธอก็จ้องมองไปที่สือมูเฉิน : “ มูเฉิน นี่มันเรื่องอะไรกัน ?”
สือมูเฉินอธิบาย : “ เสี่ยวถางเคยแต่งงานกับเพ่ยหลิน แต่ทว่าเรื่อง……แม่ครับ ฉันหันกลับไปอธิบายให้คุณแม่ ”
เริ่นเหม่ยเฟิ่งจะปล่อยโอกาสแบบนี้ไปได้ยังไงกัน ?
ก่อนหน้านี้ ก็เพราะว่าสือมูชิงปกป้องผู้หญิงสารเลวคนนั้นก็เลยทำให้ทะเลาะและหย่ากับเธอ แต่เป็นเพราะว่าเรื่องของ Time Group ผู้หญิงสารเลวคนนั้นจึงได้หนีไป ดังนั้น ตอนนี้สือมูชิงก็ได้กลับมาคืนดีกับเธอ แต่ตอนนั้นเธอกล้ากลืนคำพูดได้ยังไงกัน ? !
ดังนั้น วันนี้เธอจึงจะใช้ประโยชน์จากโจวเหวินวซิ่วเพื่อที่จะใช้โอกาสในการก่อความวุ่นวายในบ้าน !
วันนี้เธอไม่เพียงแต่จะทำลายสือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถาง แต่ยังจะพยายามแย่งหลานเสี่ยวถางให้มาเป็นของสือเพ่ยหลินอีกด้วย ถึงอย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงเชื่อคำพูดของอาจารย์คนนั้น
ด้วยเหตุนี้เองเริ่นเหม่ยเฟิ่งก็อธิบายพร้อมกับรอยยิ้ม : “ คุณแม่ ประเด็นหลักเลยก็คือเมื่อ 2 ปีก่อนเพ่ยหลินประสบอุบัติเหตุและอยู่ในอาการโคม่า ในตอนนั้น เสี่ยวถางยังเป็นภรรยาของเขาอยู่ แต่ทว่าร่างกายของเพ่ยหลินยังไม่ค่อยดีขึ้น ตอนนี้ก็ยังป่วยเป็นโรคเลือดอีก พวกเราตามหายารักษาไปทุกที่ ! เสี่ยวถางอยู่กับเขาก็คงจะเสียเวลา เพราะฉะนั้น……”
ถ้าพูดแบบนี้แล้ว มันทำให้คนรู้สึกว่าหลานเสี่ยวถางทิ้งเขาไป ก็เพราะเหตุผลที่ว่าสือเพ่ยหลินนั้นป่วย นอกจากนี้ สือมูเฉินก็ใช้โอกาสนี้แย่งหลานเสี่ยวถางไป !
ในใจสือมูชิงก็รู้สึกหวาดหวั่น แกล้งทำเป็นดึงเริ่นเหม่ยเฟิ่งเอาไว้ : “ พอได้แล้ว เหม่ยเฟิ่ง เรื่องของที่บ้านยังวุ่นวายไม่พอหรอ ? แม่เค้าวันนี้เพิ่งกลับมาเจอกลับกับพวกเรา คุณก็เลือกเรื่องที่ไม่สบายใจแบบนี้ ! แม่ คุณอย่าไปฟังที่เค้าพูด มันไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น !”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาพูดในขณะนั้น ทำให้แนวโน้มยิ่งไม่ดีขึ้น
ด้วยเหตุหนี้ สีหน้าของโจวเหวินซิ่วยิ่งไม่ดีเอามากๆ
เธอมองไปที่สือมูเฉินด้วยสายตาที่แหลมคม : “ มูเฉิน ก่อนหน้านี้แม่ได้ยินเรื่องของ Times Group มาแล้ว แต่รายละเอียดเป็นยังไงแม่ก็ไม่เข้าใจ ถือว่าช่างมันละกัน แต่ทว่าลูกก็รู้อย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าเสี่ยวถางเป็นภรรยาของเพ่ยหลิน แต่เพราะอะไร……”
สือมูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็พูดอย่างเย็นชา : “ แม่ครับ แม่สิ่งที่แม่สั่งสอนผมมาตั้งแต่เด็กๆ ผมจำมันได้หมด ผมรับประกันได้เลยว่าการแต่งงานกับเสี่ยวถางนั้นมันไม่ได้มีเรื่องอะไรเกี่ยวข้องกับเพ่ยหลินเลย และผมก็ไม่เคยที่จะไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับการแต่งงานของใคร ณ จุดนี้ ไม่มีอะไรที่ผมกับเสี่ยวถางต้องละลายใจ ”
ในขณะที่พูด เขาก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมา : “ แม่ครับ ที่แม่กลับมาในวันนี้ พวกเราก็ต่างมาเลี้ยงต้อนรับคุณแม่ ครอบครัวของพวกเราไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกันแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว วันนี้ก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องอื่นแล้วกัน พอกลับบ้านไปเดี๋ยวผมจะอธิบายให้แม่ฟัง !”
พูดมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดเรื่องก็คลี่คลายลงจนได้ หลานเสี่ยวถางรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ สือมูเฉินก็จับมือเธอเอาไว้อยู่ใต้โต๊ะ เพื่อเป็นการปลอบโยนเธอ ความกังวลที่อยู่ในใจก็ลดน้อยลงไปบ้าง
บนโต๊ะอาหาร โจวเหวินซิ่วก็เอ่ยปากขึ้นมา : “ เพ่ยหลิน เรื่องเมื่อกี้ที่เหม่ยเฟิ่งบอกว่า ที่แกไม่สบาย นี่มันยังไงกัน ?”
“ ก่อนหน้านี้ผมเกิดประสบอุบัติเหตุ เพราะโรคเลือกที่เกิดจากยา และตอนนี้ก็กำลังหายาอยู่ครับ ” สีหน้าของสือเพ่ยหลินก็ดูไม่ค่อยดีนัก
“ ยาอะไรกัน ยังไม่หาเจอหรอ ?” โจวเหวินซิ่วก็ถามอีก
“ มูเฉิน ติดต่อกับบริษัทที่อยู่ต่างประเทศ ทางนั้นบอกว่ามียาครับ แต่ทว่าคนเค้าไม่ขาย ตอนนี้ก็เลยหาวิธีแก้ปัญหาอยู่ครับ ”ในขณะที่สือมูชิงพูดก็คีบผัก
ให้โจวเหวินซิ่ว : “ แม่ เรื่องมันซับซ้อนมาก คุณอย่าเป็นกังวลไปเลย ”
“ โอเค ” โจวเหวินซิ่วพยักหน้าและหันไปที่สือมูเฉิน : “ มูเฉิน เพ่ยหลินเป็นหลานชายแท้ๆของลูก เรื่องหายา แน่นอนว่าจะต้องทำอย่างเต็มที่ละ !”
“ แน่นอนครับแม่ ” สือมูเฉินพยักหน้า
อาหารในมื้อนี้ หลานเสี่ยวถางไม่ค่อยอยากอาหาร ในที่สุดก็กินเสร็จและส่งโจวเหวินซิ่วกลับบ้าน หลานเล่อซินจับแขนของหลานเสี่ยวถางเอาไว้พร้อมกับพูดว่า : “ เสี่ยวถาง พวกเรากลับไปดูที่บ้านเก่าของตระกูลหลานกันเถอะ ฉันไม่ได้กลับมาตั้งหลายปีแล้ว รู้สึกคิดถึงมากๆ !”
เมื่อหลานเสี่ยวถางบอกกับโจวเหวินซิ่วแล้ว ทั้งสองคนก็ขับรถไปที่บ้านเก่าของตระกูลหลาน
ทั้งสองคนมองไกลๆไปก็เห็นถึงความสนุกครึกครื้นในคฤหาสน์ของเมื่อก่อน ตอนนี้มีกระดาษผนึกเอาไว้ ก็เพราะว่าไม่มีใครมาทำความสะอาดเป็นเวลานานแล้วและด้านนอกก็เกาะไปด้วยฝุ่นที่หนาปึก
พอเห็นสภาพการณ์แบบนี้แล้ว หลานเสี่ยวก็ค่อนข้างรู้สึกหดหู่ ส่วนหลานเล่อซินที่อยู่ด้านข้างก็นั่งลงยองๆและก็เริ่มร้องไห้ออกมา
เธอที่กำลังจะปลอบใจเค้า ก็รู้สึกได้ว่าข้างหลังมีคนมา หลานเสี่ยวถางหันกลับไป ก็ตื่นตกใจขึ้นมา
“ เสี่ยวถาง !” หลานไห่ฮว๋าและหูซิ่วจูต่างก็สวมแว่นกันแดดกับหมวก และโบกมือให้หลานเสี่ยวถาง : “ มานี่สิ !”
ในขณะนั้น หลานเล่อซินก็หันกลับมาทันทีเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว ก็เห็นพ่อกับแม่ที่ปลอมตัวมา
พอทั้งสองเห็นหลานเล่อซิน ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนก็รีบหันมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง ราวกับมองดูว่ามีเจ้าหนี้ตามาไหม
“ ไปกับพ่อกับแม่นะ ” ในขณะที่หลานไห่ฮว๋าก็พาน้องสาวอย่างหลานเสี่ยวถางไปอยู่ที่ซอยข้างๆ
“ พ่อแม่ ทำไม……”หลานเล่อซินดูเหมือนว่าจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
“ เล่อซิน 4 ปีที่ผ่านมาแกไปอยู่ที่ไหนมา ? !” หลานไห่ฮว๋ามองหลานเล่อซินด้วยสายตาที่แหลมคมผ่านแว่นกันแดด : “ งานหมั้นแกกับมูเฉินที่เตรียมไว้อย่างดีแกไม่เอา แกกลับหนีไป และน้องสาวของแกก็เป็นคนได้ไป !”
ในขณะที่พูด เขาก็โกรธจนหน้าอกยกขึ้นยกลง : “ แกดู ตอนนี้มูเฉินกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของTimes Group และน้องสาวของแกก็ดูเหมือนจะแต่งงานกับเขา ?”
“ พ่อแม่ เสี่ยวถางกับมูเฉินแต่งงานกันเรียบร้อยแล้ว ”หลานเล่อซิน
“ อะไรนะ ? แต่งกันแล้ว ?” ทั้งสองสามีภรรยาต่างก้มองและชี้ไปที่หลานเสี่ยวถางในทันที : “ เสี่ยวถาง ก่อนหน้านี้ที่แกไม่พูด อันที่จริงแล้วคนที่อยู่เบื้องหลังแกก็คือสือมูเฉินหรอ ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า
หูซิ่วจูสายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา : “ ตอนนี้มูเฉินเจริญรุ่งเรืองแล้ว แกก็แต่งงานกับเขา แกแย่งการแต่งงานของพี่สาวแกไป พวกเราก็จะไม่ว่าอะไร แต่พอแกแต่งงานไปแล้ว ก็กลับไม่สนใจคนที่บ้าน !”
พอหลานเล่อซินได้ยินแล้ว ก็รีบพูดขึ้นมาว่า : “ แม่ นี่แม่กำลังพูดอะไรกัน ? หนูหายไปแบบไร้ร่องรอยแล้ว 4 ปี เสี่ยวถางเพิ่งจะมาอยู่กับมูเฉิน แม้ว่ามูเฉินจะเป็นคู่หมั่นชายของหนู แต่จะพูดว่าเสี่ยวถางแย่งไปก็ไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรมูเฉินก็คิดว่าหนูไม่มีทางกลับมาแล้ว ถึงได้แต่งงานกับเสี่ยวถาง……”