หยางกงเซียแทบจะร้องไห้ออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวเฉิง และจากนั้น เขาก็เดินตามเสี่ยวเฉิงไปทันที

แต่ทว่า ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังพาหยางกงเซียเดินผ่านห้องโถงไป ผู้คุมกว่ายี่สิบคนก็รีบวิ่งเข้ามาและล้อมทั้งสองเอาไว้

หลังจากนั้น ผู้จัดการก็เดินตรงมาพร้อมกับขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเสี่ยวเฉิง “นายเป็นใครกัน? ชายคนนี้จะไม่ได้ออกไปไหนทั้งนั้น”

“คุณไม่มีสิทธิ์จำกัดเสรีภาพของคนอื่น และไม่ว่าเขาจะทำผิดพลาดอะไรเอาไว้ที่นี่ การกักขังเขาเอาไว้โดยไม่ได้รับความยินยอมก็ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ

ทันใดนั้น ผู้จัดการก็พลันหัวเราะเยาะออกมา “แล้วนายเป็นอะไรกับหมอนี่ล่ะ? ยังไงก็เถอะ อย่ามายุ่งกับเรื่องของคนอื่น รู้ใช่ไหมว่าที่กำลังเหยียบอยู่นี่คือถิ่นใคร?”

เสี่ยวเฉิงพลันหยิบตราตำรวจออกและกล่าวคำพูด “คืนนี้ฉันจะพาผู้ชายคนนี้ออกไปจากที่นี่ อีกอย่าง ฉันก็รู้มาด้วยว่าคาสิโนของคุณแอบขังคนอื่นอีกตั้งหลายคนไว้ในโกดัง ยังไงก็เถอะ ถ้าเราปล่อยเรื่องนั้นไป คุณปล่อยตัวพวกเราไหมล่ะ?”

“แล้วถ้าตอบว่าไม่ล่ะ?”

ในตอนนั้นเอง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของคาสิโนที่สวมเสื้อสูทพลันเดินลงมาจากบันไดพร้อมกับสูบซิการ์อยู่ในปาก เขามีอัญมณีเม็ดโตอยู่ที่ข้อมือ หลังจากนั้นไม่นาน ชายคนนั้นก็พลันกล่าวคำพูดออกมา “ขอดูบัตรประจำตัวของคุณหน่อยได้ไหม?”

ทันใดนั้น ผู้จัดการก็ส่งบัตรประจำตัวของเสี่ยวเฉิงให้กับชายผู้ถือหุ้น

ทว่า ทันทีที่เห็นว่ามันเป็นบัตรประจำตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชายคนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่โยนบัตรของเสี่ยวเฉิงลงพื้นและเลิกคิ้ว “หนุ่มน้อย รู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่มันผิดกฎของเรา?”

ใบหน้าของหยางกงเซียพลันซีดลงทันทีที่มองไปยังชายวัยกลางคนตรงหน้า หลังจากนั้น เขาก็รีบร้องขอความเมตตาออกมา “ทะ-ท่านฉินครับ ผมรู้ดีว่าตัวเองผิด ปล่อยผมไปเถอะนะครับ ต่อไปนี้ผมจะไม่มาสร้างปัญหาให้กับคาสิโนนี้อีกแล้ว ตอนแรกผมก็แค่สติแตก ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเองครับ!”

ท่านฉินเผยยิ้มและมองไปยังเสี่ยวเฉิง “เห็นไหมล่ะ? ขนาดหมอนี่ยังยอมรับเลยว่าตัวเองผิด คนทำผิดก็ต้องยอมรับกฎของคาสิโนให้ได้”

เสี่ยวเฉิงผลักผู้คุมสองคนตรงหน้าออกไปและเดินไปหยิบบัตรประจำตัวของตัวเองที่อยู่บนพื้น “กฎบ้าบออะไรอยู่เหนือกฎหมายของประเทศกัน?”

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เผยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตและจ้องมองไปยังท่านฉิน

ทว่า ท่านฉินเองก็เคยเจอกับชายหนุ่มมากหน้าหลายตาที่มักจะอารมณ์ร้อนเช่นเสี่ยวเฉิงมาเยอะแล้ว เขาก็จ้องมองกลับไปยังเสี่ยวเฉิงโดยปราศจากความกลัวพร้อมกับเผยเสียงหัวเราะออกมา

“คุณเจ้าหน้าที่ตัวรวจผู้น้อย ยศศักดิ์ระดับนายเทียบฉันไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้น อย่ามาพูดเรื่องกฎหมายกับฉันเลยจะดีกว่า ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะไปมีปัญหาอะไรกับทางกรมตำรวจเหมือนกัน ออกไปจากที่นี่เสียเถอะ… แต่ไม่ว่ายังไง นายก็จะพาชายคนนี้ออกไปด้วยไม่ได้!”

เสี่ยวเฉิงรีบตอบกลับทันที “แล้วถ้าฉันต้องพาเขาไปล่ะ?”

จากนั้น ผู้จัดการก็พลันกล่าวคำพูดด้วยท่าทีที่ดูถูกเหยียดหยาม “รู้รึเปล่าว่าตัวเองกำลังพูดกับใครอยู่? ตอนที่ท่านฉินได้เป็นใหญ่ นายน่าจะยังคงอยู่ในท้องแม่อยู่เลยมั้ง!”

“ฉันจัดการทุกอย่างเองคนเดียวได้” เสี่ยวเฉิงกล่าว “ยังไงเสีย สิ่งที่พวกคุณทำอยู่ก็ขัดต่อกฎหมายอยู่แล้ว”

ทันใดนั้น ท่านฉินก็พลันหยิบซิการ์ออกมาและพยักหน้า “งั้นถ้าคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับนาย ก็อย่าโทษที่ตัวเองใส่ชุดลำลองมาแทนเครื่องแบบตำรวจเสียล่ะ”

จากนั้นไม่นาน ทันทีที่ท่านฉินโบกมือ ผู้คุมกว่ายี่สิบคนก็ล้อมเสี่ยวเฉิงเอาไว้จนแทบจะมองไม่เห็นทางออก

เสี่ยวเฉิงพลันเก็บบัตรประจำตัวลงในกระเป๋าและกล่าวคำพูดออกมาอย่างใจเย็น “ฉันเคยจัดการกับพวกแก๊งเต่าดำมาแล้ว ยังไงฉันก็ไม่สนใจหรอกนะว่าพวกแก๊งเสือขาวอย่างพวกคุณจะมีความสามารถหรือทำอะไรได้บ้าง…”

ท่านฉินพลันตอบกลับ “ดูเหมือนว่านายจะประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยนะหนุ่มน้อย เอาแบบนี้ดีไหม… ถ้าภายในห้านาทีนายยังยืนอยู่ได้ ฉันก็จะปล่อยพวกนายสองคนออกไป”

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็มองไปยังท่านฉินและตอบกลับ “งั้นขอแค่ห้านาที… ฉันจะกระทืบพวกผู้คุมจมดินให้หมดเลย”

“ไอ้บัดซบเอ๊ย!” ผู้คุมคนหนึ่งเผยหัวเราะและพุ่งเข้าไปหาเสี่ยวเฉิงพร้อมกำปั้น

ทว่า ก่อนที่หมัดจะพุ่งเข้ามาถูกเสี่ยวเฉิง เขาก็รีบเอียงหัวหลบและซัดหมัดไปตรงไปยังกลางใบหน้าผู้คุมจนลอยกระเด็นออกไป หมัดของเสี่ยวเฉิงนั้นทำให้ใบหน้าของผู้คุมถึงกับบิดเบี้ยว อีกทั้งยังมีเลือดและฟันสองซี่หลุดออกมาจากปากของเขาอีกด้วย…