บทที่ 153 ฉวยโอกาสล้างแค้น

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 153 ฉวยโอกาสล้างแค้น

บทที่ 153 ฉวยโอกาสล้างแค้น

“ทุกคนเร่งให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นถึงตอนเช้าไม่มีอาหารให้พวกเจ้ากิน” ภายในคณะขนส่ง อวี่เฟยซึ่งขี่ม้าอยู่กำลังตะโกนด่าทอใส่คณะขนส่งเสบียง ราวกับคาดหวังว่าการตะโกนนี้จะทำให้พวกเขาเร็วขึ้นบ้าง

ก่อนหน้านี้พบเจอหมาป่าเนตรสีชาด รวมกับถนนหนทางอันยากลำบาก ความเร็วของคณะขนส่งเสบียงจึงล่าช้าออกไป เรื่องราวจึงเป็นเหตุให้อวี่เฟยที่ตอนแรกไม่รีบ ตอนนี้กลายเป็นร้อนรนขึ้นมา

อีกทั้ง อวี่เฟยยังต้องการไปถึงทุ่งราบรกร้างเป็นกลุ่มแรก หากทำสำเร็จ ย่อมสร้างความประทับใจอันดีงามแก่ขุนพลซึ่งประจำการอยู่ที่นั่น บางทีเขาอาจได้รับการเล็งเห็นค่าอะไรขึ้นมาบ้าง ส่วนว่าจะถึงขนาดเลื่อนขั้นหรือไม่นั้นยังไม่อาจมั่นใจได้

ด้วยเหตุดังกล่าว เขาจึงต้องการเร่งให้คณะขนส่งเดินทางรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

“ยังกินได้ไม่เท่าไหร่เอง” หนิวเอ้อบ่นพึมพำเสียงเบา

แม้ว่าพวกเขาเป็นคณะขนส่งเสบียง บนรถก็บรรทุกเสบียงอยู่จำนวนมาก แต่มันไม่ใช่อาหารสำหรับพวกเขา เป็นของทหารแนวหน้า พวกเขาจะทานได้ก็เพียงแต่อาหารแห้ง และหมั่นโถวที่มีการจัดเตรียมเอาไว้ให้เท่านั้น

เพียงแต่หมั่นโถวต่อมื้ออาหารมีเพียงแค่หนึ่งก้อน ไม่ต้องกล่าวถึงหนิวเอ้อที่ต้องการอาหารมากกว่าผู้อื่น กระทั่งคนธรรมดาก็ยังหิวแทบไส้กิ่ว

“ลดเสียงลง เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก” อู๋ฝานยิ้มบางพลางตบไหล่หนิวเอ้อที่อยู่ข้างกาย

โชคร้ายที่อู๋ฝานสามารถนำของของที่นี่กลับไปยังโลกความเป็นจริงได้เพียงอย่างเดียว หากว่าเป็นไปได้ เขาจะนำแป้งและสิ่งอื่นกลับมาจากโลกนั้นบ้าง ไม่ว่าตัวเขาเองหรือพวกหนิวเอ้อคงได้มีอาหารการกินที่ค่อนข้างดีขึ้นมาบ้าง

มันเป็นได้เพียงแค่ความคิด ที่ไม่อาจทำให้สำเร็จจริงได้

“ได้ยินก็ได้ยินไป ข้าไม่กลัวหรอก” หนิวเอ้อกล่าวตอบ

เพราะอู๋ฝานและโจวซานสร้างความประทับใจอันเลวร้ายกับอวี่เฟยไปแล้ว ดังนั้นทั้งหน่วยของชายหนุ่มจึงถือว่าไม่น่าพึงตาพึงใจสำหรับขุนพลผู้นั้นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ในช่วงสองวันที่ผ่านมายังเร่งเร้าทุกคนแทบตกตาย เป็นเหตุให้แทบทุกคนที่นี่ไม่พอใจเขาอย่างแรงกล้า

“ตรงนั้นบ่นพึมพำอะไรกัน?!” ขณะนี้เองที่อวี่เฟยควบม้าเข้ามาเอ่ยคำถามจากหนิวเอ้อ

“ผู้บัญชาการอวี่ เขากำลังบอกเล่าเรื่องราวก่อนเข้ามารับใช้กองทัพให้ข้าฟังเท่านั้น” อู๋ฝานตอบกลับโดยทันที

ชายหนุ่มไม่คิดสนใจเรื่องรับใช้กองทัพอะไรนี่เลยแม้แต่น้อย ไม่กลัวแม้กระทั่งความตายด้วยเช่นกัน เพราะตนไม่ใช่คนของโลกนี้ เพียงแต่ไม่ใช่กับหนิวเอ้อและผู้อื่น พวกเขาเป็นคนของที่นี่ และมีเพียงแค่หนึ่งชีวิต หากอวี่เฟยไม่ชอบหน้ายิ่งขึ้นกว่านี้จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่คุ้มที่จะแลก

“เหอะ! หากยังมีแรงพูด เช่นนั้นก็จงก้าวเดินให้เร็วขึ้น ตอนนี้เชื่องช้าเกินไปแล้ว หากยังเป็นแบบนี้ต่อ เมื่อไหร่พวกเราจะไปถึงทุ่งราบรกร้างกัน?” อวี่เฟยเผยสีหน้าเย็นชาขณะเอ่ยคำถาม

เขาไม่ได้ยินว่าก่อนหน้านี้หนิวเอ้อพูดอะไร ดังนั้นจึงมาเพื่อคิดหาเรื่องอู๋ฝานและหน่วย เพื่อจะได้หาโอกาสตำหนิ

“ขอรับ ผู้บัญชาการอวี่พูดได้ถูกต้องแล้ว” อู๋ฝานพยักหน้ารับ พลางแย้มยิ้ม

หากว่ามีเพียงแค่อู๋ฝานคนเดียว เขาคงไม่คิดสนใจว่าอวี่เฟยจะพ่นผายลมอะไรออกมาจากปาก แต่เพราะคิดถึงหนิวเอ้อและคนในหน่วย ตนจึงยอมอดกลั้น เพราะไม่ต้องการยั่วยุอีกฝ่าย

เพียงแต่ท่าทีอันดีของอู๋ฝาน ต่อหน้าอวี่เฟยนั้นหาได้ดีเช่นที่เห็นไม่ ความรู้สึกขมขื่นตอนชายคนนั้นปฏิเสธอย่างชัดเจนเมื่อวานยังคงกระจ่างชัด ดังนั้นจึงมองอีกฝ่ายพร้อมเอ่ยคำ “เจ้าก็ไม่ควรอยู่ตรงนี้ ไปเสีย ไปช่วยดันที่ด้านหลังรถลาก”

“เหตุใดจึงให้หัวหน้าของพวกเราไปช่วยดันรถลากของหน่วยอื่นขอรับ?” หนิวเอ้อเอ่ยคำทักท้วงขึ้น

ทุกหน่วยต่างมีพาหนะขนส่งต้องดูแล รถลากบรรทุกของหน่วยอู๋ฝาน ปัจจุบันคนอื่นในหน่วยกำลังช่วยผลักดัน หนิวเอ้อเพิ่งเปลี่ยนตัวมาพัก ส่วนอู๋ฝานนั้น เพราะคนในหน่วยนับถือเขามาก จึงไม่ต้องการให้เหนื่อยล้าเพราะใช้แรงงานเช่นนี้

อีกทั้ง เขาคือหัวหน้าหน่วย อู๋ฝานจึงมีคุณสมบัติมากพอ ไม่จำเป็นต้องไปผลักดันรถลากบรรทุก

ทว่าตอนนี้อวี่เฟยกลับบอกให้อู๋ฝานไปช่วยผลักรถลากของหน่วยอื่น หนิวเอ้อที่นับถือชายหนุ่มมาโดยตลอด ทั้งยังคอยประจบอีกฝ่ายไม่ขาด ไม่แปลกหากจะเกิดไม่พอใจขึ้นมา

“ข้าบอกให้เขาไป เขาก็ต้องไป ข้าคือผู้บังคับบัญชาของค่ายวิหค คำสั่งของข้าถือเป็นที่สุด!” พบเห็นมีทหารกล้าปฏิเสธโต้แย้งตน อวี่เฟยจึงยิ่งโกรธเกรี้ยว “เจ้าเองก็ไปด้วย เจ้าทั้งสองไปด้านหลังรถลากทางนั้นเสีย”

“ขุนพลอวี่ เรื่องราวเช่นนี้ออกจะไม่เหมาะสม” อู๋ฝานเอ่ยคำขึ้น เดิมเขาไม่คิดลากคนในหน่วยมาข้องเกี่ยวกับเรื่องราว ทว่าตอนนี้เพราะตน อวี่เฟยจึงต้องการลากคนอื่นมาเกี่ยวข้องไปด้วย ต่อให้อดกลั้นกับปัญหาที่อีกฝ่ายโยนมา มันก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ซึ่งผลกระทบ

“พาหนะคันดังกล่าวเป็นของหน่วยอื่นรับผิดชอบ ดังนั้นหน่วยดังกล่าวก็ต้องรับผิดชอบผลักดันรถ พวกเรารับผิดชอบรถของพวกเรา หากพวกเราไปตอนนี้ เกิดว่ารถบรรทุกเสบียงของพวกเราเกิดปัญหา เช่นนั้นกล่าวโทษใคร?” อู๋ฝานเอ่ยคำขึ้น

“ข้าบอกให้เจ้าไป เจ้าก็จงไป ยังจะพูดอะไรไร้สาระ?” อวี่เฟยไม่นึกคิดว่าอู๋ฝานจะปฏิเสธคำสั่งของตนเอง กระทั่งไม่คิดเก็บคำสั่งนั้นมาจริงจังเสียด้วยซ้ำ

“หากยังไม่หยุด ก็อย่าได้กล่าวโทษที่แส้ในมือข้ามันลื่นไปเอง!” อวี่เฟยตอบกลับ พร้อมตวัดแส้ในมือใส่อู๋ฝาน

ครั้งชายหนุ่มปฏิเสธตัวเขาเมื่อวาน เขาก็คิดสั่งสอนบทเรียนแก่อู๋ฝานแล้ว ขณะนี้ในที่สุดก็สบโอกาส ดังนั้นจึงไม่คิดปล่อยโอกาสหลุดลอยไป

เพียงแต่ แส้นั้นฟาดไม่โดนอู๋ฝาน เพราะขณะแส้ขยับผ่านอากาศ อีกฝ่ายกลับคว้ามันเอาไว้ได้

“กล้าดียังไง! เจ้ากล้าต่อต้านงั้นหรือ?” อวี่เฟยยิ่งกราดเกรี้ยว ขณะนี้จึงคิดดึงแส้กลับเพื่อสั่งสอนบทเรียนอันหนักหนาให้แก่อู๋ฝาน

เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะพยายามดึงกลับเพียงใด แส้เส้นนั้นยังคงอยู่ในมือของอู๋ฝานไม่ขยับไหว สีหน้าอวี่เฟยยิ่งกราดเกรี้ยว ทั้งยังอับอาย จนสุดท้ายก็เผยใบหน้าบิดเบี้ยวอัปลักษณ์

“รนหาที่ตายงั้นหรือ? เหตุใดจึงยังไม่ปล่อยอีก?!” อวี่เฟยตะโกนคำราม

อู๋ฝานมองอวี่เฟยพลางตอบคำกลับ “ขุนพลอวี่ เจ้ากำลังล้างแค้นเพราะเรื่องส่วนตัว หากข้าเปิดเผยเรื่องราวนี้ออกไป คิดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไร?”

“เจ้าก็แค่ทหารตัวจ้อย คิดว่าเบื้องบนจะให้ค่าคำพูดของคนเช่นเจ้างั้นหรือ?” อวี่เฟยเหยียดหยัน

“ข้าไม่มีความสามารถดังที่ว่า แต่ข้าเชื่อว่าหัวหน้าโจวมี เขาจะมีหนทางรายงานถึงเรื่องที่ท่านกระทำ!” อู๋ฝานตอบคำกลับ

“เจ้า!” อวี่เฟยยิ่งกราดเกรี้ยว

เพียงแต่ใจของเขานั้นตอนนี้เกิดลังเลขึ้นมาแล้ว โจวซานเคยเป็นคนของกองทัพเฟยสยงมายาวนานหลายปี ดังนั้นจึงมีเส้นสายมากมาย หากอีกฝ่ายคิดเล่นงานตนด้วยเรื่องนี้จริง มันจะส่งผลร้ายเกินคาดคิด การนำอนาคตไปแลกกับทหารตัวจ้อยนับได้ไม่คุ้มเสียในทุกด้าน

“รอดไปให้ได้ตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน!” อวี่เฟยถอยกลับ

อย่างไรแล้วอู๋ฝานก็เป็นผู้ใต้บัญชา จากมุมมองของอวี่เฟย แม้ว่าไม่ล้างแค้นเรื่องส่วนตัวต่อหน้าผู้อื่น ก็ใช่เป็นไปไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีทางทำเรื่องผิดพลาดตลอดช่วงการเดินทาง ตราบเท่าที่ชายหนุ่มทำเรื่องผิดพลาดขึ้นมา เขาจะคว้าโอกาสนั้นสั่งสอนบทเรียนให้อย่างหนักหนา ถึงเวลานั้น ต่อให้ทิ่มแทงเสียจนตกตาย เขาก็ไม่กลัวความผิด!

“ก็คงไม่มีวันนั้นขอรับ” อู๋ฝานตอบกลับด้วยอาการสงบ เป็นการส่งอวี่เฟยกลับไป