บทที่ 154 แตกตื่น

บทที่ 154 แตกตื่น

“เหอะ!” อวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชาตอบรับ ก่อนจะกลับไปด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว

“หัวหน้า เป็นอะไรหรือไม่?” หนิวเอ้อเอ่ยถามด้วยความกังวล

หนิวเอ้อไม่ได้กังวลถึงตนเอง แต่กังวลห่วงหาอู๋ฝาน อย่างไรแล้วชายหนุ่มก็เพิ่งมีเรื่องกับอวี่เฟยต่อหน้าผู้คน และอีกฝ่ายไม่ใช่คนใจกว้างขนาดจะยอมปล่อยผ่านเรื่องราว

“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องกังวล” อู๋ฝานตอบกลับ

แท้จริงแล้ว อู๋ฝานก็ไม่ทราบเช่นกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อ

อย่าได้มองเพียงว่าเมื่อครู่นี้ชายหนุ่มสงบดี เพราะแท้จริงแล้ว อย่างไรเขาก็สังกัดค่ายวิหค เป็นผู้ใต้บัญชาของอวี่เฟย การที่ฝ่ายนั้นจะสร้างเรื่องให้แทบจะเป็นสิ่งง่ายดาย เว้นแต่วันหนึ่งตนจะหลุดพ้นไปจากค่ายวิหค เช่นนั้นจึงปลอดภัย

เพียงแต่เขาไม่ได้เอ่ยบอกคำเหล่านี้แก่หนิวเอ้อ และไม่คิดว่าจำเป็นต้องบอกด้วย อย่างไรหนิวเอ้อก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ ทั้งยังจะมีแต่เป็นห่วงกังวลมากยิ่งขึ้น นับเป็นเรื่องไม่จำเป็นทั้งสิ้น

ทันใดนั้นเองที่เสียงตะโกนก้องหมายจะฆ่าฟันดังมาจากสองฟากข้างของถนน ไม่นานทุกคนในคณะขนส่งเสบียงจึงได้เห็นกลุ่มคนน่าหวาดกลัวจำนวนมาก ปรากฏตัวอย่างกะทันหันจากพงหญ้าข้างทางของถนน ท่าทีดุร้ายหมายฆ่าฟัน ราวกับคิดจะจับพวกเขากินทั้งเป็นก็ไม่ปาน

หรือกล่าวให้ถูกต้อง อีกฝ่ายกำลังมองรถบรรทุกเสบียงตาเป็นมันต่างหาก

โดนดักซุ่ม!

ทุกคนได้ตระหนักทันทีว่ามันเกิดเรื่องราวใดขึ้น

เพราะพวกเขาเร่งรีบเดินทาง และยังเป็นเพียงแค่คณะขนส่งเสบียง จึงไม่มีหน่วยสอดแนมไปสำรวจเส้นทางด้านหน้า อีกทั้งตัวอวี่เฟยเองก็ไม่ได้จัดแจงส่งคนไปตรวจสอบเส้นทาง

โจวซานที่มาจากกองทัพประจำการได้เคยให้คำแนะนำกับอวี่เฟยไปแล้ว อย่างไรสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันก็ไม่ใช่สงบสุข เพียงแต่ข้อเสนอนั้นกลับถูกอวี่เฟยปฏิเสธ กล่าวว่าเป็นเรื่องเสียเวลา อีกทั้งตนยังไม่คิดว่าคณะขนส่งเสบียงจะพบเจอกับอันตรายใด เพราะสถานที่ไกลห่างจากราชสำนัก ในความเห็นของเขามีแต่ความปลอดภัย

อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ตนไม่ได้จัดแจงส่งคนไปตรวจสอบเส้นทางตั้งแต่แรก คือการที่หากว่าจัดแจงส่งคนไปตรวจสอบภายหลังได้คำแนะนำจากโจวซาน ก็ไม่ใช่เป็นการเผยให้เห็นหรือว่าเขาเป็นคนที่ไม่ทราบเรื่องราวทางการทหาร ทั้งยังเลวร้ายเสียยิ่งกว่าโจวซาน?

คิดได้ดังนั้น อวี่เฟยจึงไม่มีทางรับข้อเสนอของโจวซาน

ผลลัพธ์ของการไม่ตอบรับข้อเสนอ ไม่จัดส่งคนไปตรวจสอบเส้นทางด้านหน้าก่อน คือการถูกดักซุ่มโจมตีในปัจจุบัน

“บัดซบ!” โจวซานสบถคำด่าอวี่เฟย ขณะตะโกนดังให้กลุ่มคนจากกองพันที่สามของตนเองตั้งป้องกัน

หากว่าอวี่เฟยทำตามคำแนะนำ สถานการณ์ปัจจุบันก็คงไม่เกิดขึ้น เพียงแต่นึกเสียดายตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว สิ่งสำคัญคือการรอดพ้นผ่านวิกฤตตรงหน้าไปให้ได้เสียก่อน

“จงฟัง สมาชิกกองพันที่สามทุกคน จงใช้รถบรรทุกเสบียงตั้งวงล้อมขึ้นมา คนอยู่ด้านใน รถอยู่ด้านนอก!” โจวซานออกคำสั่งเสียงดัง

เผชิญหน้าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แรกเริ่มนั้นคนของกองพันที่สามก็เป็นเหมือนดังคนจากกองพันอื่น ชะงักงัน ตื่นตระหนก แต่ภายหลังโจวซานตะโกนคำสั่งไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็ดึงสติกลับคืน พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของอีกฝ่ายกันอย่างเคร่งครัด

เวลานี้ผลลัพธ์ของการฝึกซ้อมก่อนหน้าได้สะท้อนออกมา แม้ทุกคนยังคงหวาดกลัวอยู่ แต่สัญชาตญาณของพวกเขาเลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งของโจวซาน ไม่ใช่วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเป็นแมลงวันไร้หัว แม้ว่าการเคลื่อนไหวตอบสนองของพวกเขาจะลุกลี้ลุกลนไปบ้าง แต่ก็ยังถือว่าเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพ

อีกทางหนึ่ง คนของกองพันอื่นยังคงเผชิญความโกลาหล บ้างก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว บ้างก็คุกเข่าลงร้องขอความเมตตา บ้างก็ยืนนิ่งกับที่ประหนึ่งหุ่นไม้ บ้างก็เตรียมที่จะเผ่นหนีออกไปให้ไกล มีน้อยคนที่จะเกิดความคิดตั้งป้องกันและต้านรับเอาไว้

การตอบสนองของกองพันอื่น หากเทียบเปรียบกับกองพันที่สาม ช่างแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

“ขุนพลอวี่ รีบให้คนของเจ้าเตรียมตั้งรับศัตรู!” โจวซานตะโกนบอกอวี่เฟย ขณะเวลานี้เขาไม่คิดสนใจเรื่องความแค้นก่อนหน้าแล้ว เมื่อเผชิญหน้าศัตรู พวกเขามีแต่ต้องรวมกันจึงสามารถขับไล่พวกมันออกไปได้

เพียงแต่ การตอบสนองของอวี่เฟย มันยิ่งทำโจวซานผิดหวัง

อวี่เฟยมองกลุ่มกบฏที่พุ่งตัวเข้าหา สีหน้าซีดเผือดหวาดกลัว หลังเห็นว่าศัตรูมีคนจำนวนมากกว่าฝ่ายของตน จิตใจจึงเตลิดจนกลายเป็นว่างเปล่า ทั้งร่างสั่นเทิ้มไม่หยุด กระทั่งร่วงหล่นลงจากหลังม้าลงมานิ่งไม่ไหวติง

อย่างไรแล้วอวี่เฟยก็เป็นเพียงบุคคลที่ไม่เคยเข้าร่วมสมรภูมิรบ ตำแหน่งที่ได้รับก็มาจากเส้นสาย เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายที่รุกเข้าหาอย่างกะทันหัน จึงแตกตื่นเตลิดไม่เหลือชิ้นดี เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าคณะเดินทางของตนจะพบเจอศัตรูเช่นนี้

ดังนั้นหลังอวี่เฟยได้สติ สิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่ทำให้ผู้ใต้บัญชาสงบจิตใจลงเพื่อเตรียมเผชิญหน้ากับศัตรู แต่เป็นเร่งร้อนปีนขึ้นบนหลังม้า โค้งกายลงครึ่งหนึ่งแนบตัวติดหลังของมัน จากนั้นควบขี่ออกไปไกล

ที่นี่อันตรายจนเกินไป มีศัตรูมากจนเกินไป เขาไม่อาจรั้งอยู่ที่นี่ต่อแล้ว หากอยู่มีแต่ต้องตาย ดังนั้นจึงต้องไปจากที่นี่เท่านั้น

ต้องไปจากที่นี่!

ในจิตใจของอวี่เฟย มีเพียงประโยคนี้ดังก้อง ส่วนเรื่องคณะขนส่งเสบียง ทหารใต้บัญชา ภารกิจขนส่งเสบียงและอื่นใด ตนไม่คิดสนใจแม้แต่น้อย มีเพียงความคิดที่จะต้องออกไปให้พ้นจากที่นี่เพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น

“ไอ้เวรบัดซบนี่! ถ้าจับตัวกลับมาได้จะฆ่าเสียให้ตาย!” โจวซานที่พบเห็นเรื่องราวจึงสบถคำออกมาอย่างกราดเกรี้ยว

พฤติกรรมหลบหนีของอวี่เฟย ยิ่งเป็นเหตุให้ทั้งค่ายวิหคแตกฮือเร็วมากขึ้น ผู้บังคับบัญชาหลบหนีไปแล้ว เช่นนั้นคนที่เหลือจะยังเอาความกล้าที่ใดมาต่อสู้? ไม่แปลกหากพวกเขาจะหนีไปพร้อมกับผู้บังคับบัญชา

เพียงแต่พวกเขาลืมเลือนไปแล้วว่าต่อให้หลบหนี รถบรรทุกเสบียงเหล่านี้ก็ไม่อาจหนีไปด้วย ภารกิจของพวกเขาคือการนำเสบียงไปส่ง เมื่อใดเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถขนส่งเสบียง พวกเขาที่หลบหนีหากถูกจับตัวได้ จะถูกทางราชสำนักตั้งคำถาม ถึงเวลานั้นจะกลายเป็นอาชญากรรมเช่นทหารหนีทัพ!

มันจึงเป็นเหตุให้โจวซานโกรธเกรี้ยวต่อการกระทำของอวี่เฟย เพราะมันเทียบเท่ากับการทำร้ายทุกคนที่อยู่ที่นี่

“ฮ่าฮ่า พวกคนของราชสำนักกลัวจนหัวหดจนหนีไปแล้ว พวกเราบุก!” หยางจื้อหู่พบเห็นกลุ่มคนในคณะขนส่งเสบียงหวาดกลัวแตกตื่นจนหลบหนี ขณะนี้จึงยิ่งได้ใจ

ราวกับว่าปฏิบัติการดักซุ่มโจมตีปล้นชิงครั้งนี้สำเร็จลุล่วง และอาหารก็ตกเป็นของพวกเขาแล้ว!

หลังเห็นรถบรรทุกเสบียงอาหารอยู่ตรงหน้า หยางจื้อหู่จึงนึกฝันถึงตอนที่กลุ่มของตนเองเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ยิ่งคิดก็ยิ่งใจเต้นมากขึ้นเท่านั้น

เดิมนั้นหลายคนในกลุ่มกบฏหวาดกลัวกองทัพของราชสำนัก ทว่าตอนนี้ยามได้พบเห็นอีกฝ่ายหวาดกลัวพวกตนเองจนเผ่นหนีหาย ความกล้าหาญของพวกเขาจึงยิ่งพุ่งทะยาน พร้อมกับบุกโจมตีหนักมือยิ่งขึ้น

ทันใดนี้เอง ที่หยางจื้อหู่ได้เห็นม้าตัวหนึ่ง กำลังพุ่งตรงเข้ามาหาตนเอง

หยางจื้อหู่ตื่นตกใจ หรืออีกฝ่ายจะเป็นนักรบที่พุ่งตรงเข้ามาหมายสะบั้นศีรษะของเขาให้หลุดร่วง?

คิดได้ดังนั้น ใจหยางจื้อหู่จึงหล่นตุบ เกิดร้อนรน ทว่าเขาไม่คิดถอย กระทั่งนำมีดยักษ์ของตนเองออกมากำในมือแน่น เพื่อเตรียมต่อต้านรับเรื่องราว

อวี่เฟยมองหยางจื้อหู่ที่อยู่ไม่ไกลจากตนเองเท่าใดนัก ในใจคิดอยากร่ำร้องออกมา เพราะคนที่เขากำลังพุ่งตัวเข้าไปหาคือหยางจื้อหู่!

เพียงแต่อวี่เฟยไม่ได้บุกเข้ามาสะบั้นศีรษะหยางจื้อหู่ แต่เป็นเพราะม้าที่เขานั่งอยู่นั้นแตกตื่น และตัวเขาก็ร้อนรนด้วยเช่นกัน ดังนั้นในยามหลบหนีด้วยอาการตื่นตระหนก มันจึงบังเอิญพุ่งมาทางหยางจื้อหู่เกินคาดคิด