บทที่ 155 ความตายของอวี่เฟย

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 155 ความตายของอวี่เฟย

บทที่ 155 ความตายของอวี่เฟย

“หยุด หยุด!” อวี่เฟยร้องตะโกน ขณะเดียวกันก็พยายามรั้งบังเหียนเอาไว้ เพื่อพยายามห้ามไม่ให้ม้าไปต่อ

แม้ว่าม้าแตกตื่น แต่ภายใต้การควบคุมของอวี่เฟย มันจึงเริ่มลดความเร็วการห้อตะบึงลง

กระนั้นแล้ว หยางจื้อหู่ก็ยังตื่นตะลึงกับเรื่องราวที่พบเห็น

มันหมายความว่าอะไร?”

หากคู่ต่อสู้ต้องการบุกมาสังหาร ไม่ใช่ว่าควรเร่งความเร็วม้าเพื่อเข้าปะทะหรอกหรือ? เหตุใดลดความเร็วม้าลงตอนใกล้ถึงตรงหน้า?

สิ่งนี้นับเป็นเรื่องราวบ้าบออันใด?

ขณะหยางจื้อหู่ตกอยู่ในภวังค์ความคิด ในที่สุดอวี่เฟยก็ควบคุมม้าจนหยุดนิ่งได้สำเร็จ ถัดจากนั้นจึงเร่งรีบหันหัวม้า หลบหนีไปยังทิศทางอื่น

ตอนนี้เองที่หยางจื้อหู่ได้เข้าใจ ว่าศัตรูไม่ได้วางแผนบุกมาฆ่าตนเอง แต่วิ่งหนีมาผิดทางต่างหาก

“หน้าโง่! มาถึงที่นี่แล้ว ก็อย่าคิดว่าจะรอดไปได้!” หยางจื้อหู่ตะโกนเสียงดัง ก้าวเท้าขึ้นนั่งบนหลังม้า พร้อมควบไล่ตาม

ในฐานะหัวหน้ากองทัพกบฏที่มีจำนวนนับพันคน หยางจื้อหู่จึงมีม้าสำหรับใช้ขี่เป็นของตนเอง

พบเห็นหยางจื้อหู่ไล่ตามมาอย่างดุดัน ทั้งยังมีทหารกบฏมากมายตามหลัง อวี่เฟยยิ่งหวาดกลัวจนขวัญหนี

“โจวซาน อู๋ฝาน ช่วยข้า!”

ในช่วงเวลาคับขัน อวี่เฟยเกิดนึกถึงโจวซาน และอู๋ฝานที่แสดงศักยภาพได้ดีเยี่ยมครั้งต่อกรกับฝูงหมาป่าเนตรสีชาดขึ้นมาได้

ทั้งโจวซานและอู๋ฝานต่างก็พบเห็นเรื่องราวเช่นเดียวกัน แม้คนทั้งสองคนจะไม่ชอบหน้าอวี่เฟย แต่ย่อมไม่อาจมองอีกฝ่ายตกตายโดยไม่ทำอะไรได้ อวี่เฟยคือผู้บังคับบัญชาค่ายวิหค หากว่าตกตาย ขวัญกำลังใจของทั้งค่ายจะดิ่งฮวบ ถึงเวลานั้นจะยิ่งเป็นการยากที่พวกเขาจะต่อกรกับทหารกองทัพกบฏ

เพียงแต่ แม้อู๋ฝานและโจวซานคิดอยากช่วยอวี่เฟย แต่พวกเขาไม่อาจลงมือกระทำสิ่งใดในตอนนี้ได้ เพราะกองทัพกบฏดักซุ่มโจมตีเป็นจำนวนมาก ขณะนี้บุกเข้าหาแทบประชิดตัว พวกเขายังต้องต้านรับในส่วนของตนเองเอาไว้

อีกทั้งอวี่เฟยยังเป็นฝ่ายละทิ้งพวกเขาหลบหนีเอาตัวรอด ดังนั้นในตอนนี้ระยะห่างระหว่างโจวซานกับอู๋ฝานจากตัวอวี่เฟยจึงค่อนข้างห่างไกล ต่อให้คนทั้งสองคิดบุกเข้าไปช่วย มันก็ต้องใช้เวลาตีฝ่า

อู๋ฝานนำคันธนูและลูกธนูออกมา เขาคิดอยากยิงหัวหน้าของศัตรูโดยตรง ตราบเท่าที่หัวหน้าของอีกฝ่ายตกตาย ขวัญกำลังใจของฝ่ายศัตรูจะดิ่งฮวบลง หากไร้ซึ่งผู้บัญชาการกองทัพกบฏ อำนาจการสู้รบของพวกเขาย่อมดิ่งฮวบ ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่จะสามารถช่วยอวี่เฟย แต่ยังเป็นโอกาสใช้ขับไล่กองทัพกบฏได้อีกด้วย

เพียงแต่ตรงหน้าของอู๋ฝานมีทหารทัพกบฏขวางทางเยอะเกินไป ทั้งผู้นำของศัตรูยังเคลื่อนไหวรวดเร็ว นอกจากนั้นอวี่เฟยยังขวางทางธนูของชายหนุ่ม เป็นเหตุให้แม้เขาคิดยิงก็ยากจะสังหารหยางจื้อหู่ลงได้

“คิดหนีงั้นหรือ? ไม่ง่ายขนาดนั้น!” หยางจื้อหู่ตะโกนไล่หลังอวี่เฟยที่คิดเข้าไปซ่อนตัวกลางกลุ่มคน ภายในชั่วพริบตานั้นเองก็ได้ขว้างมีดเล่มยาวตรงออกไป

ม้าคือทรัพย์สินอันล้ำค่ากับทุกสถานที่ บรรดาผู้ที่สามารถขี่ม้าได้ย่อมมีสถานะตัวตนไม่ใช่ธรรมดา แม้ว่าหยางจื้อหู่ไม่ทราบว่าอวี่เฟยเป็นใคร แต่พบเห็นอีกฝ่ายขี่ม้า จึงคาดเดาได้ว่าสถานะต้องไม่ใช่ต่ำต้อย ดังนั้นเขาจึงไม่คิดทำพลาดปล่อยอีกฝ่ายหลบหนี

ทางด้านอวี่เฟยที่หนีไม่คิดชีวิต ย่อมไม่อาจตระหนักได้ถึงการเคลื่อนไหวของหยางจื้อหู่ที่อยู่ทางด้านหลัง ดังนั้นจึงไม่ทราบว่ามีอันตรายพุ่งเข้าหา จนกระทั่งมีดเล่มยาวนั้นเข้าใกล้

“ฉึบ!”

หยางจื้อหู่สามารถขึ้นเป็นผู้นำของกองทัพกบฏนับพันคนได้ ทั้งยังมีชื่อเสียงในบรรดาผู้ก่อกบฏมากมาย ไม่แปลกหากพละกำลังยอดเยี่ยม มีดนั้นไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังขว้างได้อย่างแม่นยำ มันแทงทะลุใส่ร่างอวี่เฟยโดยไม่พลาดเป้า

ทันทีที่มัดปักเข้าร่างของตนเอง อวี่เฟยจึงค่อยสะดุ้งรู้สึกตัว ถัดจากนั้นคิดทำอะไรก็สายเกินไปทั้งสิ้นแล้ว มีดเล่มยาวปักเข้าร่างจนมิดด้าม เขามองด้วยอาการแตกตื่นดวงตาแทบถลน สุดท้ายร่างกายบนหลังม้านิ่งงันไป ก่อนจะร่วงหล่นลงมา และสุดท้ายก็แน่นิ่งกับพื้นไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวอีก

อวี่เฟยถึงแก่ความตาย!

โดนหนึ่งคมมีดของหยางจื้อหู่ทิ่มแทงจนถึงแก่ความตาย!

อวี่เฟยไม่ยินดีสิ้นชีพเช่นนี้ แม้ว่าลมหายใจดับสิ้น แต่ดวงตายังคงเบิกโพลง สีหน้าแสดงออกซึ่งความเจ็บปวด สายตายังคงแสดงออกว่าไม่ยินยอมพร้อมใจตายเช่นนี้

อู๋ฝานและโจวซานต่างคอยมองสำรวจสถานการณ์ด้านอวี่เฟยอยู่ตลอด ยามพบเห็นมีดเล่มยาวปักเข้าร่างอีกฝ่ายจนร่วงหล่นจากหลังม้า พวกเขาจึงได้ตระหนักแล้วว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี

เวลานี้หยางจื้อหู่ควบขี่ม้าของตนเองพุ่งเข้าหาร่างของอวี่เฟย ก่อนจะคว้าด้ามมีดเล่มยาวนั้นกลับคืน คว้าร่างฝ่ายนั้นขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะเสียงดังเลื่อนลั่น

“ใครขวางทางข้า ตาย!”

“ร้ายกาจ หัวหน้าช่างร้ายกาจ!”

ทหารกองทัพกบฏได้หยางจื้อหู่ปลุกขวัญกำลังใจ ขณะนี้จึงยิ่งมีเรี่ยวแรงมากยิ่งขึ้น

ส่วนทางด้านคณะขนส่งเสบียง หลังเห็นผู้บัญชาการตายแล้ว ทั้งยังถูกคว้าร่างขึ้นมาแสดงให้ดู พวกเขาจึงยิ่งตระหนกแตกตื่น

โอกาสที่ดี!

ปัจจุบันอู๋ฝานไม่มีเวลาไปแสดงความเสียใจกับความตายของอวี่เฟย อันที่จริงเขาไม่คิดห่วงเรื่องอวี่เฟยตกตายหรืออยู่รอด แต่กำลังมองหาโอกาสยิงธนูใส่ผู้นำทัพของศัตรู และในที่สุดตนก็ได้สบโอกาสเหมาะเข้าให้

“ฟึ่บ!”

อู๋ฝานปล่อยมือขวา ลูกธนูพุ่งทะยานออกไปรวดเร็ว ภายใต้แรงสนับสนุนจากจี้หยกกระเรียนขาว วิชาธนูของอู๋ฝานปัจจุบันจึงเป็นระดับสูง วิชาธนูระดับสูงย่อมไม่ใช่อะไรที่อ่อนด้อย ขณะนี้มันพุ่งทะยานตรงเข้าหาหน้าอกของหยางจื้อหู่

หยางจื้อหู่ที่กำลังโอ้อวดความแข็งแกร่งของตนเอง ทันใดนั้นพลันรู้สึกเสียวเย็นเยียบถึงขั้วหัวใจ ก่อนจะได้เห็นว่ามีจุดสีดำจุดหนึ่งกำลังพุ่งเข้าหาตนเอง

“เวรแล้ว!”

ความกล้าหาญและความโหดเหี้ยมของหยางจื้อหู่ ย่อมมาพร้อมกับสัญชาตญาณรับรู้ถึงอันตราย ชั่วขณะเวลานี้ตระหนักทราบว่ามีอันตรายเข้าใกล้ เขาจึงเร่งร้อนหลบเลี่ยง

เพียงแต่การหลบเลี่ยงเชื่องช้าเกินไป แม้ว่าเขาพยายามหลบเลี่ยงจุดตายแล้ว ก็ยังไม่แคล้วคลาดถูกลูกธนูปักเข้าที่แขน

ลูกธนูนี้แข็งแกร่ง มันพุ่งทะลุผ่านแขนของหยางจื้อหู่ แรงปะทะยังรุนแรงถึงขนาดทำเขาไม่อาจทรงตัวบนหลังม้าได้

และหยางจื้อหู่ใช้โอกาสจากแรงปะทะครั้งนี้เร่งร้อนลงจากหลังม้าเพื่อซุกซ่อนตัวในฝูงชน

แน่นอนว่าหลังหยางจื้อหู่ลงจากหลังม้า ลูกธนูอีกหลายลูกจึงพุ่งทะยานมาจากทิศทางเดียวกัน มันพุ่งเฉียดผ่านศีรษะของเขาไป หากว่าเมื่อครู่ตนไม่ลงจากหลังม้า เช่นนั้นคงถูกยิงเข้ากลางศีรษะ

มีนักธนูยอดฝีมือ!

หยางจื้อหู่ได้ตระหนักคาดการณ์ตำแหน่งของอู๋ฝาน อาศัยเพียงทิศทางลมของลูกธนูทั้งสอง สายตาอันแหลมคมของเขาสามารถมองออก

อู๋ฝานตอนนี้กำลังมองไปยังเป้าหมายเช่นกัน คนทั้งสองจึงสบตากันด้วยเหตุนี้ กระทั่งว่าเกิดเป็นประกายตรงกลางระยะการสบตาอย่างรุนแรง

“น่าเสียดาย” อู๋ฝานถอนหายใจเบายามพบเห็นสายตาของหยางจื้อหู่

หากศัตรูตอบสนองช้ากว่านี้สักเล็กน้อย ตอนนี้ก็คงกลายเป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าศัตรูมีประสบการณ์การต่อสู้ดีเยี่ยม ทำให้อีกฝ่ายสามารถหลบเลี่ยงจุดตายได้ถึงสองครั้งอย่างต่อเนื่อง

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” หยางจื้อหู่จับจ้องอู๋ฝานพร้อมตะโกนเสียงดังลั่น

แน่นอนว่าอู๋ฝานย่อมไม่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น เพียงแต่จากสายตาที่สบกันเมื่อครู่ อู๋ฝานตระหนักทราบได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายคิดอะไร

ฆ่างั้นหรือ? จงบุกเข้ามา!

อู๋ฝานส่งสายตาเย้ยหยันยั่วยุอีกฝ่ายกลับคืนไป

ระหว่างทั้งสองฝ่าย มันจึงยิ่งเดือดพล่าน และเปี่ยมด้วยจิตสังหารอันท่วมท้น!