ตอนที่ 116 การฝึกภาคสนามของการต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้า 28

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

สวี่หลิงอวิ๋นแบกเอเลี่ยนต๋าหลู่ไว้บนบ่าเพื่อใช้สำหรับย่างถ่าน เอเลี่ยนพวกนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่เหมือนกับปลาหมึก มันมีขนาดสูงเพียงห้าเมตรเท่านั้น และมีความสูงเหลือไม่ถึงสองเมตรเมื่อถูกถอดออกจากกระดอง ขณะเดียวกันเอเลี่ยนมากกว่าร้อยตัวกำลังถูกจับมาย่างถ่าน เธอไม่สามารถแบกเอเลี่ยนพวกนี้กลับไปคนเดียวได้ จึงสั่งให้คนที่เหลือมาช่วยแบก!

สวี่หลิงอวิ๋นแบกกระดองของต๋าหลู่กลับไปด้วย เพราะกระดองพวกนี้แข็งแกร่งมากและสามารถนำเอาไปประกอบทำเตียงนอนได้

ในตอนแรกชาวเน็ตทั้งหลายรู้สึกเป็นห่วงพวกเขา แต่เมื่อมองดูพฤติกรรมขององค์หญิงสามในตอนนี้ พวกเขากลับเป็นห่วงต๋าหลู่แทน

“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเอเลี่ยนพวกนี้จะเอามากินเหมือนกับสัตว์ในกรมปศุสัตว์ได้?”

ว่ากันว่าปลาหมึกยักษ์ทั้งหลายแทบจะไม่มีหลงเหลืออยู่บนดาวเคราะห์ปลาหมึกแล้ว! เหลือเพียงแต่ปลาหมึกที่อายุยังน้อยเท่านั้น แม้แต่ผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋องก็ยังมีจำนวนลดน้อยลง!

ฮึ่ม! เป็นเพราะผู้คนเริ่มเพลิดเพลินกับใช้สวัสดิการออกไปซื้ออาหารกระป๋องที่ซูเปอร์มาร์เก็ต จนทำให้ตอนนี้พวกเขาต้องต่อแถวซื้ออาหารจนดึก!

เมื่อมองดูทักษะฝีมือที่คล่องแคล่วขององค์หญิงสาม ดูเหมือนว่ารสชาติของต๋าหลู่จะต้องออกมาอร่อยมากแน่ ๆ ใช่หรือไม่?!

การถ่ายทอดสดเริ่มเข้มข้นขึ้น ขณะที่องค์หญิงสามมอบเอเลี่ยนต๋าหลู่เหล่านี้ให้กับนักเรียนทั้งหลายที่รอคอยอยู่ในชั้นใต้ดิน เธอกระโดดออกจากเครื่องจักรกลและปิดผลึกทางออกเพื่อไม่ให้เอเลี่ยนตัวอื่นได้กลิ่น สวี่หลิงอวิ๋นรีบเทสารละลายสำหรับฟอกหนังสัตว์ไว้บนพื้นเพื่อกลบกลิ่นบริเวณโดยรอบที่พวกเขาซ่อนตัวไว้อยู่

หลังจากลงไปในชั้นใต้ดินแล้ว ชั้นใต้ดินที่ถูกขุดเป็นห้องโถงชั่วคราวขนาดใหญ่ ล้อมรอบด้วยกลไกต่าง ๆ ที่ถูกตั้งขึ้นเป็นเสารองรับน้ำหนัก ไม่ให้ชั้นใต้ดินถล่มลงมา

ด้านบนของห้องโถงมีแผงโซลาร์เซลล์ติดไว้อยู่ สำหรับที่ชาร์จแบตนั้นถูกแขวนไว้บริเวณช่องระบายอากาศ

นักเรียนจากแผนกเกษตรยังคอยแนะนำเพื่อนคนอื่นให้ขุดหลุมอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายพื้นที่ออกไป อย่างน้อยก็ให้มีพื้นที่สำหรับพักผ่อน ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องอื่น ๆ

“ยังไม่ต้องทำหรอก มากินข้าวกันก่อนเถอะ!” สวี่หลิงอวิ๋นเรียกทุกคน

คนจากฝั่งสีแดงและฝั่งสีเขียวต่างรวมตัวกันเข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนจากฝั่งสีแดงที่รู้สึกหิวโหยมาทั้งวัน เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่าของกิน ท้องของพวกเขาก็ร้องออกมาดังเสียง ‘จ๊อกจ๊อก’ ดังกระหึ่มราวกับเสียงเพลง

ทุกคนต่างนึกไม่ถึงเมื่อเห็นสิ่งของที่สวี่หลิงอวิ๋นนำกลับมา!

“กินมันซะ!” สวี่หลิงอวิ๋นริเริ่มตัดชิ้นส่วนขนาดเล็กด้วยกริชที่แปรสภาพจากพลังดวงดาว ก่อนจะหยิบมันใส่เข้าไปในปาก “ใส่เกลือลงไปหน่อย รสชาติจะได้ดีขึ้น!”

เนื้อเอเลี่ยนไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด!

มันเหมาะกับการเอามาอบหรือย่างเกลือ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมและอร่อยตามฉบับของต้นตำรับ!

สวี่หลิงอวิ๋นเพลิดเพลินกับการกินอาหารเป็นอย่างมาก นักเรียนทั้งหลายก็เพลิดเพลินไปกับมันด้วยเช่นกัน!

ทุกคนก้มหน้ากินอย่างไม่ลืมหูลืมตา และในที่สุดต๋าหลู่กว่าร้อยตัวก็หมดเกลี้ยง!

“เอิ๊ก! อร่อยจัง!”

เบนเน็ตลูบพุงตัวเองด้วยความพึงพอใจ! รุยก็อิ่มมากจนทรุดตัวลงกับพื้นด้วยใบหน้าที่เผยถึงรอยยิ้ม

ฉินหยวนและลุคนั่งเช็ดปากเงียบ ๆ ก่อนจะเรอออกมา พอได้กินอิ่มแบบนี้แล้วรู้สึกดีมาก!

สวี่หลิงอวิ๋นไม่อยู่นิ่ง เธอเริ่มตรวจสอบโครงสร้างกระดองของต๋าหลู่ แต่เมื่อยิ่งมองมันมากเท่าไหร่ มันกลับยิ่งดูเหมือนเปลือกของหอยทากมากขึ้นเท่านั้น มองลึกเข้าไปข้างในแล้วจึงพบว่ามันแคบลงเรื่อย ๆ ขณะที่ด้านนอกมีขนาดกว้างถึงสองเมตร และเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับใช้ทำเตียงนอน!

“ไม่เลว!” สวี่หลิงอวิ๋นมองดูและสัมผัสกระดองที่มีลักษณะแข็งแกร่ง ราวกับทำจากหยก

ลงอย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกสนใจมันมากและเริ่มมือตัดชิ้นส่วนขนาดเล็กออกมาจากกระดอง ขัดกระดองจนเงาวับ และแกะสลักเป็นรูปปลาตัวน้อย

กระดองที่ถูกขัดจนกลายเป็นสีดำ มีรูปสลักปลาน้อยปรากฏอยู่ ก่อนจะถูกขัดอีกหลายครั้งจนเนื้อสัมผัสเหมือนกับหยดดำ ดูสวยตระการตายิ่งนัก!

‘มือขององค์หญิงสามทำมาจากอะไรกันแน่? ฉันยินดีจะแลกเปลี่ยนมือของท่านกับเพชรเม็ดงามและสมบัตินับไม่ถ้วน!’

‘คอมเมนต์บนพูดเล่นหรือไง! กล้าเอาของขี้ริ้วขี้เหร่ของเธอมาเทียบกับองค์หญิงสามได้ยังไง? ไสหัวไปซะ!’

‘เนื้อต๋าหลู่อร่อยจริง ๆ เหรอ? พวกคุณกล้ากินโดนไม่ปรุงอะไรเลยได้ยังไง? รสชาติไม่เลวร้ายเลยเหรอ? มีใครเคยกินมันมาก่อนมั้ย? ช่วยออกมาบอกที’

‘ฉันเคยจัดการกับต๋าหลู่มาก่อน! แต่ไม่มีใครกล้าดึงมันออกมาจากกระดอง อย่าว่าแต่กินมันเข้าไปเลย…’

‘แล้วก่อนหน้านั้นพวกคุณต่อสู้กับต๋าหลู่ได้ยังไง?’

‘ใช้ค้อน! พวกเราเปลี่ยนแขนของเครื่องจักรกลเป็นค้อนและทุบกระดอง…’

‘หมายความว่าองค์หญิงสามเสนอแนวทางใหม่ในการจัดการกับต๋าหลู่หรือเนี่ย?’

‘ฉันอยากได้ปลาน้อยขององค์หญิงสามจัง มันสวยมาก!’

‘ผมยินดีจะจ่ายเงินถ้ามันช่วยทำให้พลเมืองทั้งหลายเลิกต่อล้อต่อเถียงกับผมสักที!’

‘หนึ่งในสมาชิกตระกูลแอนดรูว์รู้สึกไม่พอใจ!’

‘เดี๋ยวก่อนนะ ตระกูลแอนดรูว์คอมเมนต์บนขี้โม้เกินไปแล้ว!’

จอมพลก็อดวินมองดูโพสต์ของตนเอง นี่เขากำลังถูกสงสัยอย่างนั้นหรือ? เขาเป็นบุคคลอันดับหนึ่งที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในตระกูลแอนดรูว์ แต่กลับกำลังถูกต้องสงสัย พอกันที!

‘คุณพูดบ้าอะไร ผมคือจอมพลก็อดวิน!’

‘ถ้านายคือจอมพลก็อดวิน ฉันก็คือบรรพบุรุษของนายแล้วล่ะ!’

จะมีชาวเน็ตที่ไหนเชื่อว่าตอนนี้จอมพลก็อดวินกำลังต่อล้อต่อเถียงกับพวกเขาบนอินเทอร์เน็ตอยู่! มันควรเป็นช่วงเวลาที่เขากำลังเดินทางไปดาวเคราะห์ฮอร์นบี้และต่อสู้กับต๋าหลู่ไม่ใช่เหรอ?

เอเลี่ยนต๋าหลู่เดินย้อนกลับมายังปากทางเข้าชั้นใต้ดินของสวี่หลิงอวิ๋น พวกเขาได้ยินแม้กระทั่งเสียงของพวกมันที่กำลังเดินลากกระดองไปทั่วบริเวณโดยรอบ

ทุกคนตกอยู่ในความเงียบสงบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงดังแม้แต่นิดเดียว เพียงเพราะหวาดกลัวว่าเอเลี่ยนต๋าหลู่จะได้ยินเสียงของตัวเอง

โชคดีที่ดูเหมือนว่าเอเลี่ยนต๋าหลู่จะไม่ได้กลิ่นของพวกเขา พวกมันค่อย ๆ ถอยทัพออกไปหลังจากเดินเตร็ดเตร่มาเป็นเวลานาน

นักเรียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก คณบดีพูลแมนที่มองดูหน้าจอก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน เฉกเช่นเดียวกับชาวเน็ตทั้งหลาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองของลูกเทวดาที่ปาดน้ำตาและกล่าวขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยชีวิตเด็กพวกนี้ให้อยู่รอดปลอดภัย

ขณะเดียวกัน พลเอกโอคาซีก็นำกองทัพของเขาบุกไปยังดาวเคราะห์ ฮอร์นบี้ เขาพกแร่พลังงานจำนวนมากและเครื่องปล่อยสัญญาณติดตัวไปด้วย

ผู้นำกองทัพทหารคนอื่น ๆ ต่างติดตามไปที่นั่นเช่นเดียวกัน

น่าเสียดายที่พวกเขามีกำลังคนไม่มากนัก แม้กองกำลังทั้งหกฝ่ายจะรวมตัวกันแล้ว แต่ก็ยังมีจำนวนคนน้อยกว่าสองหมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับกองทัพเอเลี่ยนต๋าหลู่ที่ยิ่งใหญ่ พวกเขาจึงเป็นเพียงกองกำลังส่วนน้อยเท่านั้น

“ทำให้ดีที่สุด ช่วยชีวิตองค์หญิงสามให้ได้!”

สวี่หลิงอวิ๋นที่ทุกคนต่างเป็นห่วง กำลังนอนสลบไสลในขณะนี้

ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนไม่คิดอะไรมาก ทำให้ชาวเน็ตทั้งหลายส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์

ลุคและฉินหยวนนั่งอยู่ด้วยกัน ขณะที่รุยเดินผ่านไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง

เบนเน็ตกำลังเฝ้าดูองค์หญิงสามของเขา

“พวกนายทีมสีแดงรู้สึกยังไงบ้างล่ะ?” รุยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประชดประชัน “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเอเลี่ยนบุกมา ฉันรับรองได้เลยว่าพวกนายจะต้องแพ้แน่ ๆ!”

ลุคและฉินหยวนเหลือบมองเขา ก่อนจะพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม

“ถ้าองค์หญิงสามไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม แต่เป็นนายแทน? ฮึ่ม! พวกเรากว่าหมื่นคนคงจะทำให้นายจมน้ำตายได้ด้วยน้ำลายแค่หนึ่งหยด!”

“เฮ้ย ทำไมพวกนายถึงเอาแต่เถียงกันแบบนี้?” รุยขยำกำปั้น “ถ้าไม่พอใจนัก ไว้พวกเรากลับไปที่สถาบันแล้วค่อยมาดวลกันตัวต่อตัวก็ได้!”

“ก็มาดิ ใครกลัวล่ะ!” ฉินหยวนยังคงไม่ยอมแพ้