บทที่ 145 สุนัขรับใช้ของจี้หมิงซูก่อเรื่องที่ภัตตาคาร

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 145 สุนัขรับใช้ของจี้หมิงซูก่อเรื่องที่ภัตตาคาร

ไท่ซ่างหวงกินอาหารเช้าอย่างมีความสุข จากนั้นก็รำไท่เก๊กกับพวกเด็ก ๆ และออกจากบ้านตามอาชิงไปเดินเล่นที่คันนา ทักทายกับชาวบ้าน มองดูเป็ดไก่ ชีวิตสุขสบายกว่าตอนที่อยู่บนเขาชิงหลิงเสียอีก

จี้จือฮวนวันนี้จะไปเค่ออวิ๋นไหล จึงถือโอกาสไปส่งเผยจี้ฉือที่สำนักศึกษาด้วย หลังจากเตรียมรถม้าเสร็จ เผยยวนก็ช่วยถือหีบใส่หนังสือให้ พลางมองหน้านางด้วยท่าทางอึกอัก ทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับกระจ่างใสเผยให้เห็นความไร้เดียงสา

จี้จือฮวนเป็นคนชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง เมื่อถูกเขามองด้วยสายตาน่าสงสาร ไหนเลยจะกล้าพูดจาตัดรอนได้

“ขึ้นมาเถอะ”

ในที่สุดเผยยวนก็ยิ้มออกมา เขาเดินกะโผลกกะเผลกขึ้นไปบนรถม้า เผยจี้ฉือมองหนังสือในมือ พลางปรายตามองเขาเล็กน้อย “ท่านพ่อ แผนทรมานกายนานวันเข้าคงไม่ใช่เรื่องดีนัก ท่านช่วยเร่งมือเข้าเถอะขอรับ”

ไม่ใช่ว่าเผยยวนไม่รู้เหตุผลข้อนี้ แต่ว่าร่างกายนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันแข็งแรงมาก แข็งแรงกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก ไม่แสร้งทำเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรได้

เผยจี้ฉือวางหนังสือลง พลางเอ่ยด้วยความภูมิใจ “ดูท่าคงต้องพึ่งพวกเราแล้ว”

เผยยวน “…”

ไม่! ฮวนฮวนก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาแย่ขนาดนั้นนี่นา!

เผยจี้ฉือหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากหีบหนังสือแล้วส่งให้เขา

เผยยวนสงสัย “หนังสืออะไร?”

“ข้าไปถามอาจารย์ใหญ่หลินมาแล้ว อาจารย์ใหญ่บอกว่าตอนนั้นที่เขาได้แต่งกับฮูหยินล้วนอาศัยสิ่งเหล่านี้ช่วยขอรับ” เผยจี้ฉือไม่เชื่อถือสิ่งที่พวกบัณฑิตเหล่านั้นเขียนกันตามตลาด พวกนั้นล้วนเป็นความคิดเพ้อเจ้อ มีแต่พวกอันธพาลใช้กัน

ไปที่สวนดอกไม้ที่ผู้หญิงชอบเดินผ่านตอนกลางดึกบ้างล่ะ หรือพวกเซียนจิ้งจอกมาเคาะประตูยามค่ำคืน แล้วบุตรสาวของราชามังกรก็ตกหลุมรักบ้างล่ะ เหลวไหลสิ้นดี พวกเขาต่างก็โชคดีไปหมด

ดังนั้นเมื่อครุ่นคิดอยู่สักพัก อาจารย์หลินดูท่าทางน่าเชื่อถือที่สุด ปัญหาเช่นนี้เหตุใดถึงไม่ไปถามเขาเล่า

หลินเซวียเหวินก็กระตือรือร้นอย่างมาก เมื่อได้ยินว่าเผยจี้ฉือกลัวว่าท่านพ่อของตัวเองจะถูกแม่นางจี้ไล่ออกจากบ้าน ดังนั้นเขาจึงรีบเขียนหนังสือเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาตลอดชีวิตให้เผยจี้ฉือภายในชั่วข้ามคืน

ดังนั้น เผยจี้ฉือจึงอาศัยโอกาสนี้มอบให้ท่านพ่อ

เผยยวนเปิดหน้าแรกด้วยท่าทางสงสัย ‘ถามว่าความรักคืออะไร มันทำให้ใครต่อใครหูแดงและใจเต้นรัว’

???

เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น “อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาของพวกเจ้า ยังเขียนอะไรพวกนี้ด้วยหรือ?”

เผยจี้ฉือเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “อาจารย์ใหญ่บอกว่า ตอนที่เขาหนุ่ม ๆ นั้น ได้เขียนหนังสือขายในตลาด บทละครพื้นบ้านเรื่องดังที่สุดในโรงน้ำชาเขาก็เป็นคนเขียนเช่นกัน แตกต่างจากหนังสือที่วางขายด้านนอก เพื่อท่าน เขายังได้ตั้งใจเขียนทั้งคืนเลยนะขอรับ ท่านตั้งใจอ่านเถอะขอรับ”

เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณเขามากจริง ๆ

เผยยวนพลิกอ่านหน้าที่สอง ทันใดนั้นหูของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนจะกระแอมเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นมา “เจ้าอายุยังน้อย เรื่องพวกนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว”

เผยจี้ฉือขมวดคิ้ว …ถ้าท่านออกศึกข้าเชื่อ แต่หากท่านจะขอท่านแม่แต่งงาน ข้าว่ายาก

หลังจากส่งเผยจี้ฉือที่สำนักศึกษา และจี้จือฮวนเห็นว่าเขาเดินเข้าประตูไปกับตาตัวเองแล้ว จึงได้ไปเค่ออวิ๋นไหลพร้อมกับเผยยวนต่อ

วันนี้การค้าของเค่ออวิ๋นไหลยังคงคึกคักอย่างมาก ตอนที่นางกำลังจะลงรถม้า เผยยวนก็ได้ลงจากรถม้าไปก่อนแล้ว พลางส่งมือให้เพื่อหวังจะช่วยประคองนาง

บนหนังสือกล่าวเอาไว้ว่า การประคองภรรยาลงจากรถม้า แสดงถึงความรักระหว่างสามีภรรยา และสามารถเพิ่มความรู้สึกดีได้เล็กน้อย

และต้องมองภรรยาด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก

จี้จือฮวนเห็นดวงตาทั้งสองข้างของเผยยวนเบิกกว้าง จึงยื่นมือไปแตะที่หว่างคิ้วของเขา

ทันใดนั้นร่างกายของเผยยวนก็แข็งค้างขึ้นมาทันที เขายืนตัวตรงแน่ว ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา ลมหายใจอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของนมที่มาจากข้อมือของนาง เป็นกลิ่นของซวงผีหน่ายเมื่อเช้า

เผยยวนสามารถมองเห็นขนอ่อนบนข้อมือเรียวที่โผล่ออกมาเล็กน้อยท่ามกลางแสงแดด เขากลืนน้ำลายลงคอ หลุบตาลงมองนาง

จี้จือฮวนชักมือกลับ “ไม่ได้เป็นไข้นี่นา ไม่สบายตรงไหนต้องบอกนะ”

หลังจากเอ่ยจบนางก็เดินเข้าภัตตาคารไป เผยยวนเลียริมฝีปาก ก่อนจะเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้ม และยกมือกุมหน้าผากตัวเองขณะคิดถึงสัมผัสที่นางแตะเขาเมื่อครู่

นางแตะหน้าผากของเขาด้วย เฮ้อ วันนี้ไม่ล้างหน้าแล้ว

“ไปได้แล้วสหาย” เผยยวนตบที่ก้นของจ้านอิ่ง

จ้านอิ่งกลอกตามองบนอย่างแรง ยังต้องให้ท่านบอกอีกอย่างนั้นหรือ ข้าไปสวนด้านหลังเองได้ ข้าคุ้นเคยดีเชียวล่ะ

ในเวลาเดียวกัน คนที่ตระกูลจี้ส่งมาก็กำลังนั่งอยู่ในห้องโถง เสี่ยวเอ้อยกน้ำแกงหมาล่าและชานมมาวาง ผู้ชายพวกนี้เพิ่งจะกินไปได้คำเดียวก็วางตะเกียบลง “นี่มันอะไรกัน ยังกล้ายกมาให้ข้ากินอีกอย่างนั้นหรือ!”

เสี่ยวเอ้อเพิ่งจะหมุนตัวกลับมา และเห็นพวกเขาจงใจหาเรื่อง จึงรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายท่านทั้งหลายไม่พอใจกับรสชาติอาหารหรือขอรับ?”

“เจ้าบอกมาสิว่านี่คืออะไร เจ้าพอใจอย่างนั้นหรือ เจ้าลองชิมดูเองสิ!” เอ่ยจบก็มีคนใช้มือควักน้ำแกงหมาล่าในชามและถูไปที่หน้าของเสี่ยวเอ้อ

“เหตุใดพวกเจ้าถึงมารังแกคนเช่นนี้” มีแขกที่อยู่รอบ ๆ เอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่เช่นนั้นเจ้าเองก็จะโดนด้วย!”

“เค่ออวิ๋นไหลอะไรกัน พวกเรา…” ยังไม่ทันเอ่ยคำว่าพังร้านออกมา ชายร่างใหญ่ที่เป็นหัวหน้าก็ถูกจี้จือฮวนหิ้วตัวออกไปทันที

เห็นได้ชัดว่าคนในห้องโถงก็คิดไม่ถึงว่าจะมีคนมาก่อเรื่อง ทั้งยังเป็นคนต่างถิ่นอีกด้วย

“เจ้าเป็นใครกัน!” ชายร่างใหญ่ตะโกนขึ้นมา พร้อมกับถูกจี้จือฮวนตีไปที่ข้อพับอยู่หลายครั้ง ครู่เดียวก็ถูกเหวี่ยงลงบนโต๊ะตัวนั้น เท้าข้างหนึ่งของจี้จือฮวนเหยียบลงบนหน้าอกของชายผู้นั้น ก่อนจะยกชามน้ำแกงหมาล่าที่เขาไม่กินบนโต๊ะเทใส่หน้าของเขา

“นางผู้หญิงสารเลว อยากตายอย่างนั้นหรือ!” คนที่เหลือคิดที่จะพุ่งเข้าไปพร้อมกัน แววตาของเผยยวนหรี่ลง แล้วหยิบถั่วลิสงสองสามเม็ดบนโต๊ะขึ้นมาดีดไปเบา ๆ คนทั้งกลุ่มก็ถูกเล่นงานที่หัวเข่าโดยพร้อมเพรียงกัน และคุกเข่าลงรอบโต๊ะในทันที

จี้จือฮวนมองเผยยวนเล็กน้อย จากนั้นก็สะบัดชายกระโปรง เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนโต๊ะ และเอ่ยกับลูกค้าที่กินข้าวอยู่รอบ ๆ “พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ขอผู้น้อยทำการแสดงให้ทุกท่านได้ชมหน่อยนะเจ้าคะ สิ่งนี้เรียกว่า…การตีหนู”

นางพูดไปก็ดึงแส้ม้าที่แหนบไว้ตรงเอวออกมา แล้วฟาดไปที่คนที่อยู่ข้าง ๆ อย่างแรง กว่าคนผู้นั้นจะได้สติแส้นั้นก็ฟาดลงที่หัวและใบหน้าไปเสียแล้ว จนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก

“บอกมา ใครใช้ให้พวกเจ้ามาก่อเรื่อง!”

ลูกค้าของเค่ออวิ๋นไหลสนิทสนมกับฮวาเซียงเซียงและจี้จือฮวนมานานแล้ว เมื่อได้ยินจี้จือฮวนเอ่ยเช่นนี้ต่างก็ตะโกนขึ้นมา

“ใช่ กินไปแค่คำเดียวก็ล้มโต๊ะรังแกคนอื่น ต้องมาเพื่อรีดไถเงินเป็นแน่”

“คนเช่นนี้ควรแจ้งทางการ!”

พวกอันธพาลจะบอกว่าจวนจี้กั๋วกงส่งมาได้อย่างไรกัน นี่ไม่เท่ากับเป็นการใส่ร้ายจวนกั๋วกงหรอกหรือ? แต่ตอนนี้พวกเขาต่างก็สงสัยว่านางเป็นยอดฝีมือมาจากที่ใดกัน!

ประจวบกับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเดินผ่านมาพอดี เมื่อเห็นจี้จือฮวนกำลังสั่งสอนคนอยู่ก็พยักหน้าให้และเอ่ยขึ้นมา “แม่นางจี้ ลำบากท่านแล้วนะขอรับ”

นางช่วยรักษาความสงบเรียบร้อยแทนพวกเขา คนพวกนี้ต่ำช้าจริง ๆ อยู่ดี ๆ ไม่ชอบ มาเที่ยวสร้างปัญหาเช่นนี้อยู่ได้

ฮวาเซียงเซียงเองก็เดินลงมาจากชั้นบน นางเท้าเอวพลางเอ่ยขึ้นมา “เจ้าสารเลวนี่มาจากที่ใดกัน ถึงกล้ามารังแกคนในร้านข้า วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้รู้ว่าท่านเทพหม่าเทียนจวิน*มีดวงตากี่ดวง ลากตัวออกไป!”

* หม่าเทียนจวิน (马王爷) เป็นเทพเซียนระดับจอมพล มีสามตา มีหน้าที่หลักคือเป็นองครักษ์ของเง็กเซียนฮ่องเต้ และปกป้องคุ้มครองเทพเซียนทั้งหลาย

ในภัตตาคารตอนนี้มีลูกค้าอยู่จำนวนมาก จึงเป็นที่สนใจของคนที่สัญจรผ่านไปมา ลูกค้าต่างเดินเข้ามาช่วยคว้าตัวอันธพาลทั้งหมดออกไปโยนลงบนถนน

ความจริงแล้วเหล่าอันธพาลก็นับว่ามีฝีมือพอตัว แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อครู่จึงถูกกระแทกเข้าที่หัวเข่าได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีแรง ทำได้เพียงปล่อยให้คนรังแกอยู่อย่างนั้น

ระหว่างทางที่ลากพวกเขาไป จี้จือฮวนก็เหยียบโดนป้ายชิ้นหนึ่ง ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยไปมา พลางหรี่ตามอง “จวนจี้กั๋วกง”

ดูท่านางเอกของเรื่องคงออกโรงแล้ว

จี้จือฮวนเอาแส้ตีที่ฝ่ามือเบา ๆ “สุนัขรับใช้ของจี้หมิงซูดูท่าคงจะเห่าเป็นอย่างเดียว แต่กัดไม่เป็นสินะ”