ตอนที่ 26 ปะทะกลางถ้ำ

ผ่านบทสนทนาที่ลำบากลำบน ในที่สุดหยางเย่ก็สามารถทราบระดับพลังแล้ว สหายตัวจ้อยเป็นสัตว์อสูรทมิฬระดับเก้า แต่หยางเย่เองยังไม่มั่นใจนัก เพราะตอนที่ชูเก้านิ้ว สหายตัวจ้อยพยักหน้าทันที

สำหรับความสามารถในการต่อสู้ นอกจากความสามารถในการหนีแล้ว ความสามารถอื่น ‘มันช่างแย่ยิ่งนัก’

สหายตัวจ้อยไร้ซึ่งร่างกายทางกายภาพที่น่าเกรงขาม ความได้เปรียบของร่างกายที่ใหญ่โตของสัตว์อสูรทมิฬก็ไม่มีเช่นกัน

กล่าวคือนอกจากความสามารถในการหลบหนีที่รวดเร็ว สหายตัวจ้อยแทบไม่มีความสามารถในการต่อสู้ใดอีก เมื่อหยางเย่ถามว่ามีสิ่งใดที่ทำได้อีกไหม สหายตัวจ้อยทำได้เพียงกระพริบตาปริบ

ท้ายที่สุดหยางเย่ล้มเลิกความคิดที่ว่ามิงค์ม่วงเป็นสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ เขาเคยได้ยินบางตำนานกล่าวว่ามีบางคนที่ตกจากหน้าผา นอกจากไม่ตายแล้วยังได้รับการฝึกฝนและเทคนิคมากมายจากยอดฝีมือไร้นาม หรือใครสักคนที่เกิดมาด้วยเสน่ห์ดึงดูดพิเศษ มันทำให้สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากคุกเข่าเบื้องหน้าได้

ในตอนแรกเขาคิดว่ามีเสน่ห์เช่นนั้น ทำให้สัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ลึกลับก้มหัวให้ แต่ความจริงอันโหดร้าย คือนอกจากความสามารถในการหลบหนีแล้ว สัตว์อสูรตัวนี้ไม่มีความสามารถต่อสู้ใดเลย

สหายตัวจ้อยดูเหมือนจะชอบตันเถียนน้ำวนอย่างมาก มันกลายเป็นเส้นพลังสีม่วงพุ่งเข้าไปยังตันเถียนน้ำวนทันทีที่สนทนาจบ ข้างในนั้นมีบ่อน้ำขนาดเล็กอยู่เป็นความกว้างสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเก้าเมตร ข้างในบ่อไร้ซึ่งน้ำแต่เป็นพลังปราณแทน ทั้งยังเป็นพลังปราณทองคำ

เมื่อเขาเห็นบ่อน้ำพลังปราณทองคำ หยางเย่รู้สึกปวดใจเล็กน้อย เพราะบ่อน้ำพลังปราณถูกเติมเต็มด้วยหินพลังปราณนับหมื่นก้อน

สิ่งที่น่าหดหู่ใจคือเขาไม่อาจใช้บ่อน้ำพลังปราณได้อย่างเต็มที่ ยิ่งกว่านั้นยังปวดใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นมิงค์ม่วงอยู่กับบ่อน้ำพลังปราณ

ถูกต้อง เจ้ามิงค์ม่วงแสนน่ารักกำลังมีความสุขอยู่ในบ่อพลังปราณทองคำ

หยางเย่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเห็นเจ้ามิงค์ม่วงใช้บ่อพลังปราณมาเป็นอ่างอาบน้ำ

เขาถอนจิตออกจากร่างกาย เพื่อไม่ให้ตนเองรู้สึกอึดอัดมากขึ้น หยางเย่ตัดสินใจไม่มองสระของเจ้ามิงค์ม่วงอีกต่อไป

หลังจากเงียบอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หยางเย่พยายามเข้าสู่สภาวะแปลกประหลาดที่ดึงดูดความสนใจเงาทมิฬได้ น่าเสียดาย เขาไม่อาจเข้าสู่สภาวะนั้นได้อีกไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้ง

“มันคงขึ้นอยู่กับโชคลาภในแต่ละช่วงเวลาเท่านั้น!” หยางเย่ถอนหายใจ

ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเข้าสู่สภาวะนั้นได้ แต่สัญชาตญาณบอกว่า หากสามารถเข้าสู่สภาวะนั้นได้ มันจะเป็นประโยชน์แก่เขาอย่างยิ่ง มันแสดงให้เห็นผ่านท่าทีของเงาชุดทมิฬมาแล้ว

ปั้ง!

ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดดังก้องขึ้น ร่างเงาขนาดยักษ์พุ่งชนถ้ำจากข้างนอก จากนั้นมันพุ่งไปทางหยางเย่

ท่าทางหยางเย่ดูเคร่งเครียดอย่างยิ่ง มันสายเกินไปที่จะหาทางหนี เช่นนั้นสัญชาตญาณของเขาได้กระแทกหมัดกลับไปยังร่างขนาดใหญ่ที่พุ่งชนเข้ามา

ปั้ง!

‘บัดซบ!’ หยางเย่ตะโกนในใจขณะปะทะกับร่างยักษ์ จากนั้นพละกำลังมหาศาลพุ่งกระจายไปที่เขาก่อนจะเกิดเสียงดังก้อง ไม่นานทั้งตัวหยางเย่ก็ลอยไปติดกำแพง

ปั้ง!

ร่างของเขาจมเข้าไปในกำแพง

ที่หยางเย่รู้สึกตอนนี้คือความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง กระดูกในร่างกายราวกับจะแตกเป็นเสี่ยง หยางเย่รู้สึกโชคดียิ่งนักที่ได้ฝึกฝนวิชากระตุ้นกาย หากไม่มีวิชานี้กับพลังปราณทองคำ เขาคงกลายเป็นเนื้อบดไปกับการโจมตีเมื่อตะกี้แล้ว

ขณะที่ระงับความเจ็บปวดเสร็จสิ้น หยางเย่รีบกระโจนออกมาจากกำแพง ขณะกำลังจะตั้งตัว ร่างยักษ์ก็เริ่มพุ่งชนเขาอีกครั้ง

ดวงตาหยางเย่บีบลงเมื่อได้โคจรพลังปราณทองคำอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้หมัดขวาเขาปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง มันชกกลับไปยังร่างยักษ์ที่กำลังจะมาถึงตัว

ปั้ง!

เสียงดังสะท้านไปทั่วพร้อมกับร่างหยางเย่ที่ลอยไปติดกำแพงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ร่างขนาดยักษ์กระเด็นกลับสองถึงสามก้าวจากการโจมตี

‘ร้ายกาจอะไรเช่นนี้!’ หยางเย่เริ่มขยับเมื่อรู้สึกถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสในมือขวา ภายใต้การโคจรพลังปราณทองคำ เขายังกระเด็นอีกครั้ง พละกำลังนี้มันแข็งแกร่งเกินกว่าพลังเขามากเกินไป มันไม่มีโอกาสต่อกรได้หากไม่ใช้ยันต์เสริมกำลัง!

ทันทีที่ความคิดนั้นปรากฏในหัว หยางเย่รีบออกจากกำแพงอีกครั้ง เวลานี้ร่างยักษ์ไม่พุ่งจู่โจมเข้ามา ทำให้เขาสามารถเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน

มันคือหมาป่าสีเทาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา หมาป่าสีเทามีขนาดใหญ่กว่าถึงสามเท่า สูงประมาณสองเมตรกว่า มันราวกับหยางเย่เป็นเด็กทารกที่มาพบกับผู้ใหญ่ นอกจากมีร่างกายที่ใหญ่โต คุณสมบัติที่โดดเด่นมากกว่านั้นคือกรงเล็บแหลม และเขี้ยวที่ยาวสองข้าง

กรงเล็บหมาป่าสีเทากว้างเท่าแขนมนุษย์ มันเผยให้เห็นถึงความน่ากลัวและเย็นเยือก ยิ่งกว่านั้นเมื่อกรงเล็บกวาดผ่านพื้นดิน มันจะสร้างรอยแยกออกมาทุกครั้ง

สำหรับเขี้ยวที่ยาวกว่าสิบนิ้ว มันโค้งงอเล็กน้อยราวกับเคียวของยมทูต เมื่อมองดูมันช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก

สัตว์อสูรทมิฬระดับเก้า!

หยางเย่ทราบระดับของหมาป่าสีเทาตัวนี้ได้จากการมองเพียงครั้งเดียว

ทันทีที่กวาดตามองไปโดยรอบ หยางเย่เข้าใจแล้วว่าเหตุใดมันจึงโจมตีเขา มันคือเจ้าของถ้ำนี้นั่นเอง เมื่อเข้ามาอยู่ในรังของมันอย่างฉับพลัน ก็เหมือนการหาเรื่องในโลกของสัตว์อสูรทมิฬ!

หยางเย่สูดหายใจลึกพร้อมเหยียดแขนขาเตรียมตัวพร้อมปะทะ สัตว์อสูรทมิฬระดับเก้ากลายเป็นเป้าหมายที่น่าพึงพอใจอย่างมาก!

หมาป่าสีเทามองหยางเย่ด้วยแววตาดุร้าย กรงเล็บของมันเริ่มขูดกับพื้นดิน มันโมโหอย่างถึงที่สุดจากการถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีโดยมนุษย์ จากนั้นจึงเริ่มเงยหน้าเห่าหอนออกมาก่อนจะพุ่งเข้าโจมตี ร่างหมาป่ากลายเป็นเงาสีเทากระแทกไปยังหยางเย่

ดวงตาหยางเย่หรี่เล็กลงเมื่อเห็นหมาป่าสีเทาพุ่งเข้ามา เขากางขาออกกว้างบนพื้นราวกับคันไถโลหะ ทั้งยังหมอบลงเล็กน้อยพร้อมยื่นกำปั้นขวาไปข้างหน้า จากนั้นดึงแขนขวาเข้ามาเล็กน้อยขณะที่มือซ้ายเริ่มกำแน่นเช่นกัน แสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากหมัดขวาของเขา

ยามนี้ใบหน้านั้นไร้ซึ่งความหวาดกลัวอีกต่อไป!

เมื่อหมาป่าสีเทาพุ่งมาถึงตรงหน้าหยางเย่ไม่กี่นิ้ว เขาตะโกนออกอย่างรุนแรง มือขวากระแทกไปยังร่างหมาป่าสีเทา!

ปั้ง!

ชายหนุ่มและหมาป่าปะทะกันอย่างซึ่งหน้า พละกำลังมหาศาลจากแรงปะทะทำให้ขาหยางเย่ถอยหลังอย่างรวดเร็ว หลังจากไถลยาวมาไม่กี่เมตร เขาชนเข้ากับกำแพงในที่สุด จากแรงปะทะครั้งนั้น มันทำให้ถ้ำเกิดระลอกคลื่นไปทั่ว

ในอีกด้านหนึ่ง หมาป่าสีเทากระเด็นกลับไปสองถึงสามก้าว!

เมื่อสังเกตเห็นหมาป่าสีเทากระเด็นจากการโจมตี แม้หยางเย่จะเจ็บปวดอยู่ แต่ก็รู้สึกดีใจ เพราะหมาป่าสีเทามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะ!

ทันทีที่คิดได้หยางเย่เหยียดแขนออกและมองไปที่หมาป่าสีเทา เขาเริ่มชูนิ้วโป้งพร้อมหันมันลง จากนั้นกวักมือเรียกหมาป่าสีเทาด้วยท่าทางยั่วยุ

บรู๊ว!

ถึงแม้หมาป่าสีเทาจะไม่มีสติปัญญาของมนุษย์ แต่ก็ยังคงมีความเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง มันดูโกรธอย่างมากเมื่อเห็นท่าทางยั่วยุของหยางเย่

มันยกหัวขึ้นเพื่อคำรามด้วยโทสะก่อนจะเริ่มพุ่งอีกครั้ง กรงเล็บที่มีประกายเย็นเยือกลอยออกมา มันเกิดเสียงตัดอากาศขึ้นทันทีที่กรงเล็บพุ่งไปหาหยางเย่จากด้านบน

เมื่อเห็นหมาป่าสีเทากระโจนมา ดวงตาหยางเย่แคบเล็กลง เขาหมอบร่างกายช่วงบนพร้อมกำหมัดแน่น

ทันทีที่หมาป่าสีเทากำลังจะถึงร่าง หยางเย่ตะโกนออกอย่างรุนแรงพร้อมเหวี่ยงหมัดทั้งคู่ออกไป!

ปั้ง!

ทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง ความเจ็บปวดมหาศาลพุ่งผ่านหมัดของหยางเย่ หยางเย่ส่งเสียงครวญครางออกมาพร้อมปากที่ชุ่มไปด้วยเลือด

ในอีกด้านหนึ่ง หมาป่าสีเทากระเด็นลอยไปเช่นกัน แต่ต่อมาไม่นาน มันเริ่มเห่าหอนพร้อมกระโจนเข้าพุ่งชนหยางเย่อีกครั้ง

ตาดำหยางเย่ตีบเล็กลงเมื่อเห็นหมาป่าสีเทาพุ่งมาอีกครั้ง เขาระงับความเจ็บปวดไว้พร้อมกระทืบขาขวาลงบนพื้นทันที เขาใช้แรงต้านจากสิ่งนี้พร้อมพุ่งทะยานไปข้างหน้า หมัดขวาที่แหลมคมพุ่งไปที่หัวของหมาป่าสีเทา

ปั้ง!

ชายหนุ่มกับหมาป่าปะทะกันอีกรอบแล้ว แต่ครั้งนี้หมาป่าสีเทาไม่ได้กระเด็น มันใช้กรงเล็บตะครุบหมัดหยางเย่ เขี้ยวที่ยาวกำลังแทงไปที่หัวของหยางเย่

เมื่อเห็นกำปั้นถูกหยุดและเขี้ยวทั้งสองกำลังแทงตรงมา หยางเย่ถึงกับตกตะลึงในใจ เขาระงับความคิดทุกสิ่งพร้อมกระแทกขาไปยังท้องของหมาป่าสีเทา

ปั้ง!

หมาป่าสีเทาเจ็บปวดจากการถูกโจมตีที่ท้องอย่างหนัก มันคลายกรงเล็บออกจากมือหยางเย่

หยางเย่หยุดชะงัก กรงเล็บหมาป่าแทงไปยังอกของหยางเย่อย่างกระทันหัน

หยางเย่รู้สึกราวกับถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง ร่างกายเขาลอยออกไปอีกครั้ง

ปั้ง!

หลังจากลอยไปสองถึงสามเมตร เขากระแทกเข้ากับกำแพงอีกครั้ง

กระอักเลือด!

หยางเย่ยืนขึ้นอย่างยากลำบาก ในหัวของเขามึนงงไปหมด ทันใดนั้นกรงเล็บคู่ของหมาป่าลอยผ่านอากาศพุ่งมาที่หน้าอกอีกครั้ง

กรงเล็บทั้งคู่กระหน่ำแทงไปยังหน้าอก ใบหน้า และหัวของหยางเย่หลายต่อหลายครั้ง

ชิ้ง! ชิ้ง!

เมื่อการโจมตีนี้กระทบเข้ากับร่างของหยางเย่ มันราวกับกรงเล็บแหลมคมกำลังขูดแผ่นโลหะ นอกจากบาดแผลถลอกจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างหยางเย่ ยังมีเสียงโลหะกระทบกับกรงเล็บอย่างไม่สิ้นสุด เสียงที่ออกมามันราวกับเสียงดนตรีอันไพเราะยิ่งนัก