ตอนที่ 27 สู้กันอีกครั้ง! 1

ปั้ง!

หมาป่าสีเทากระแทกเข้าไปยังท้องหยางเย่ เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ร่างของหยางเย่ขูดพื้นกระเด็นไปด้านหลัง

ตู้ม!

ในที่สุดก็กระแทกเข้ากับผนังถ้ำอีกครั้ง หินน้อยใหญ่มากมายร่วงหล่นมาทับฝังหยางเย่

หมาป่าสีเทาเหมือนยังไม่ยอมปล่อยหยางเย่ ทันทีที่มันตั้งใจจะกลืนหยางเย่ลงท้อง มีเสียงเห่าหอนดังขึ้นข้างนอกถ้ำ

ท่าทางของมันเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน จากนั้นหมาป่าสีเทาจึงไม่ลังเลที่จะวิ่งออกไปนอกถ้ำ

หยางเย่รีบคลานออกมาจากกองหินเมื่อหมาป่าสีเทาวิ่งออกไป เวลานี้หัวของเขามึนงงไปหมด สิ่งเดียวที่ทราบตอนนี้คือความเจ็บปวดที่รุนแรง มันรุนแรงอย่างมากจนไปถึงไขกระดูก หากไม่พยายามคุมสติไว้ด้วยพลังที่มุ่งมั่น เขาคงหมดสติจากความเจ็บปวดนี้ไปแล้ว

จากนั้นไม่นานสติหยางเย่เริ่มกลับมาเล็กน้อย เมื่อสังเกตเห็นหมาป่าสีเทาหายไปแล้ว สิ่งเดียวที่นึกได้ตอนนี้คือวิ่ง!

เมื่อออกมาจากถ้ำหมาป่าสีเทาได้ไม่นาน หยางเย่ได้เจอต้นไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เขารีบขึ้นไปนั่งไขว้ขาข้างบน เมื่อก้มมองไปที่ร่างกาย เขาเผยใบหน้าที่ตกตะลึงออกมาทันที

เวลานี้เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่ย ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยบาดแผลชุ่มเลือด บาดแผลเป็นรอยกากบาทที่ดูไม่ค่อยปกติ เลือดที่ไหลไม่หยุด มันช่างดูเลวร้ายยิ่งนัก

‘ดูเหมือนเราจะประเมินคู่ต่อสู้อ่อนเกินไป!’ หยางเย่หัวเราะอย่างขมขื่นพร้อมส่ายหัว ในอดีตเขาสังหารจ้าวอสรพิษด้วยหมัด จากนั้นจัดการสัตว์อสูรระดับเจ็ดจ้าวอสรพิษปีกทมิฬด้วยดาบเดียว สิ่งนี้ทำให้เขาคิดว่าสัตว์อสูรทมิฬระดับเก้าคงไม่ร้ายกาจเท่าไหร่ แต่ความจริงได้ประจักษ์แล้ว สัตว์อสูรทมิฬระดับเก้านั้นแข็งแกร่งกว่าระดับเจ็ดอย่างมาก

ตั้งแต่ที่ประเมินความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรทมิฬระดับเก้าต่ำไป มันหมายถึงเขากำลังก้าวเข้าสู่ความตายแล้ว

แต่การต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่ไร้ค่า เนื่องจากความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็ร้ายกาจเช่นกัน! แม้จะมีช่องว่างระหว่างพลังของเขากับสัตว์อสูรทมิฬระดับเก้าอยู่บ้าง ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ร่างกายของเขามีพลังป้องกันที่เหนือกว่าคนในระดับเดียวกันมากนัก ไม่แน่ แม้กระทั่งร่างกายของยอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ยังไม่แข็งแกร่งเท่าเขา!

เมื่อตระหนักได้เช่นนั้นจึงรู้สึกยินดีไม่น้อย แต่เดิมวิชากระตุ้นกายคือสิ่งที่เขาฝึกสำเร็จเพียงวิชาเดียว เพราะไม่มีทางเลือกฝึกอย่างอื่น ไม่คาดคิดว่าเมื่อใช้ควบคู่กับพลังปราณทองคำแล้วมันจะแข็งแกร่งเกินคำบรรยาย ในภายภาคหน้า ร่างกายที่ทนทานของเขาอาจจะเป็นไพ่ตายใบสุดท้ายได้!

เมื่อรู้สึกถึงบาดแผลในร่างกายอีกครั้ง หยางเย่รีบยับยั้งความคิดทั้งหมดพร้อมปิดตาลง พลังปราณทองคำในร่างเริ่มโคจรรักษาฟื้นฟูตนเอง

หลังพลังปราณทองคำโคจรราวกับกระแสน้ำไหลเวียนเข้าสู่ร่างกาย ทุกที่ที่มันไหลผ่าน หยางเย่สัมผัสได้ถึงการเยียวยาบาดแผล ถึงแม้มันจะช้าและสังเกตเห็นยาก ก็ยังสามารถสัมผัสถึงมันได้ มันทำให้รู้สึกดีใจอย่างมาก จากนั้นเขาเริ่มเพิ่มความเร็วในการไหลเวียนพลังปราณขึ้นอีก

กลางคืนที่เงียบสงัดผ่านไปโดยไม่ทันสังเกต แสงแดดยามรุ่งอรุณปรากฏขึ้นตรงเส้นขอบฟ้า หยางเย่ที่นั่งไขว้ขาอยู่บนต้นไม้เปิดตา ภายหลังจากดูดกลืนพลังปราณมาตลอดทั้งคืน ถึงบาดแผลตอนนี้จะยังไม่หายดี เขาก็พร้อมที่จะต่อสู้อีกครั้งแล้ว

หยางเย่กระโจนลงจากต้นไม้สู่พื้นดิน จากนั้นเริ่มยืดแขนขาคลายเส้น เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณล้ำลึกในร่างกายที่เต็มเปี่ยม หยางเย่ยิ้มแก้มแทบปริ เขากล่าวในใจ ‘หินพลังปราณยอดเยี่ยมโดยแท้จริง เราสามารถใช้พลังปราณล้ำลึกได้เท่าที่เราต้องการ’

หากไม่ได้รับหินพลังปราณจำนวนมหาศาลมาก่อน บาดแผลที่สาหัสนี้คงไม่สามารถฟื้นฟูได้ในเวลาอันสั้น

“ทั้งหมดเป็นเพราะเปาเอ๋อ!” เมื่อนึกถึงหินพลังปราณมากมายที่ครอบครอง หยางเย่รู้สึกอยากกลับไปสำนักดาบราชันเพื่อกล่าวคำขอบคุณพร้อมกับหอมแก้มนาง หินพลังปราณนี้มีประโยชน์ยิ่งนัก

หลังจากช่วงเวลาอันดีผ่านพ้นไป หยางเย่บิดข้อมือทำให้มีดสั้นปรากฏออกมา ดาบชั้นดีแตกเป็นเสี่ยงโดยไม่มีเหตุผลในวันนั้น ยามนี้ไม่มีดาบวิเศษใดเหลืออีก เขาจึงเหลือเพียงมีดสั้นที่สามารถใช้แทนได้ตอนนี้

ขณะที่ถือมีดสั้น หยางเย่พุ่งทะยานราวกับเสือดาวไปยังถ้ำหมาป่าสีเทา เมื่อเจอศัตรูที่แข็งแกร่งแล้ว เขาไม่อยากจะปล่อยศัตรูที่ดีหนีไป

……

ปั้ง!

ภายในถ้ำหมาป่าสีเทา ชายหนุ่มและหมาป่าเริ่มการต่อสู้อีกครั้ง

หมาป่าสีเทาโกรธแค้นยิ่งนักที่ถูกท้าทายอีกเป็นครั้งที่สอง มันเข้าโจมตีด้วยเขี้ยวเล็บอย่างคลุ้มคลั่งไปที่หยางเย่

เวลานี้หยางเย่มีไหวพริบมากขึ้น เขาหยุดแลกพละกำลังกับหมาป่าสีเทา แต่กลับใช้วิชาเข้าต่อสู้แทน ยามนี้เขาหยุดโจมตีที่หัว แต่เริ่มใช้เทคนิคโจมตีแล้วหลบหลีก ทันทีที่มีโอกาส มีดสั้นในมือสามารถทำให้ของหมาป่าสีเทาเลือดออกได้

ขนาดร่างกายของหมาป่าสีเทามีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังเช่นเวลานี้ ขนาดของมันดูไร้ค่าอย่างยิ่ง นอกจากจะไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว มันยังเป็นกระสอบทรายให้หยางเย่แทงเล่นตลอดการโจมตี

แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเกินไป ทุกครั้งที่หมาป่าสีเทามีโอกาสกระแทกร่างเขา มันทำให้รู้สึกราวกับร่างกายจะแตกออกเป็นเสี่ยง หากไม่ใช่เพราะพลังปราณทองคำที่ฟื้นฟูร่างกาย เขาคงลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว

ชายหนุ่มและหมาป่าห้ำหั่นกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม

ขณะที่มีบาดแผลอยู่บนตัวหยางเย่นับสิบจุด หมาป่าสีเทาเองก็มีบาดแผลเช่นกัน แต่ด้วยขนาดของมันผสานกับพลังป้องกันในร่าง เรียกได้ว่าเป็นบาลแผลที่ตื้นยิ่งนัก แผลเหล่านั้นไม่สามารถทำอันตรายจุดสำคัญได้เลย