บทที่ 113 ถังหูลู่

บทที่ 113 ถังหูลู่

กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เช่นนั้นเอามาสี่ไม้เจ้าค่ะ!” ในชีวิตชาติก่อนกู้เสี่ยวหวานกินถังหูลู่ตลอดจนฟันผุ และไม่ต้องการที่จะกินมันอีกแล้ว

เมื่อพ่อค้าหาบเร่เห็นสาวน้อยอยู่ข้างหน้าเขาคนนี้ซื้อสี่ไม้ในคราวเดียว เขาก็แย้มยิ้มจนเห็นฟันด้วยความดีใจและพูดว่า “ได้!” จากนั้นจึงหยิบถังหูลู่ทั้งกลมทั้งใหญ่แล้วยื่นให้กู้เสี่ยวหวาน “น้องสาว นี่ของเจ้า!”

กู้เสี่ยวหวานหยิบเงินออกมาแปดเหรียญและส่งให้พ่อค้า คนหาบเร่รับมาและค่อย ๆ วางมันลงในอ้อมแขนของเขา เขามีความสุขมาก

กู้เสี่ยวหวานรับถังหูลู่มาแล้วมอบให้กู้เสี่ยวอี้ที่จ้องตาเป็นมัน “นี่! รีบกินสิ!”

กู้เสี่ยวอี้ไม่ได้คาดหวังว่าพี่สาวของนางจะซื้อถังหูลู่ให้ตัวเอง จึงดีใจเป็นอย่างมาก รีบรับมาและกัดไปหนึ่งคำ มันมีรสหวานอมเปรี้ยวที่อร่อยมากจริง ๆ

กู้เสี่ยวหวานมอบถังหูลู่ที่เหลือในมือให้กับฉือโถว แต่ฉือโถวปฏิเสธที่จะรับมัน “ข้าไม่กิน พวกเจ้ากินเถอะ!”

“ไม่เป็นไร พี่ฉือโถว พี่รับไว้เถอะ ข้ายังมีเหลืออีก!”

กู้เสี่ยวหวานยื่นถังหูลู่ในมือของตนไปให้ฉือโถว แต่ฉือโถวปฏิเสธที่จะรับมัน กู้เสี่ยวหวานจึงยังมีอีกสองไม้อยู่ในมือและมอบให้กู้หนิงอัน แต่นางไม่ได้คาดคิดว่ากู้หนิงอันก็ไม่รับเช่นกัน

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ถังหูลู่สามไม้ในมือที่ไม่มีใครรับและตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ทำไมไม่กินล่ะ? ข้าซื้อมันมาแล้วนะ”

กู้หนิงอันดึงแขนเสื้อของกู้เสี่ยวหวานแล้วพูดว่า “ท่านพี่ ท่านคืนถังหูลู่ในส่วนของข้าไปเถอะ ข้าไม่กิน!”

“ถังหูลู่สองไม้ก็สามารถซื้อบะหมี่เกาเหลียงได้หนึ่งชั่งแล้ว มันแพงเกินไป” กู้หนิงผิงพึมพำ

แท้จริงแล้วคือกลัวแพง! กู้เสี่ยวหวานยื่นถังหูลู่ในมือด้วยความน้อยใจ “กินเถอะ ไม่ง่ายเลยที่เราจะออกมา ถ้าพวกเจ้าไม่กินเสี่ยวอี้จะรู้สึกไม่ดี!”

เป็นอย่างที่คาดไว้ กู้เสี่ยวอี้ดูหงุดหงิดกับถังหูลู่ที่นางกัดไปแล้ว นางลืมไปว่าถังหูลู่ไม้ละสองเหรียญนั้นราคาแพงเกินไป แต่นางกัดไปแล้วควรทำอย่างไร? เมื่อมองไปยังถังหูลู่ที่ถูกกัดครึ่ง กู้เสี่ยวอี้ก็ไม่ได้กินต่อ และไม่สำคัญว่าจะกินต่อหรือไม่ แต่นางหงุดหงิดมาก!

กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นไม่มีความสุขและมองไปที่กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงและกระซิบว่า “พวกเจ้ากินสิ! ”

เมื่อกู้หนิงอันกับน้องชายเห็นท่าทางที่หงุดหงิดของกู้เสี่ยวอี้และใบหน้าที่เปลี่ยนไปของกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับไว้ แต่พวกเขาไม่รีบร้อนที่จะกิน เพียงถือไว้ในมือ กู้เสี่ยวหวานยังมีถังหูลู่ไม้สุดท้ายเหลืออยู่ในมือ นางยื่นให้ฉือโถวและพูดออกคำสั่งว่า “พี่ฉือโถว พี่พาเรามาวันนี้ ถ้าพี่ไม่กิน หลังจากพวกเราซื้อของเสร็จ พวกเราจะกลับเอง”

เมื่อฉือโถวได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ตื่นตระหนก “อย่า ๆ ตกลง ๆ ข้าจะกิน! ”

ฉือโถวรีบหยิบถังหูลู่ที่กู้เสี่ยวหวานมอบให้ เมื่อเห็นท่าทางคาดหวังของกู้เสี่ยวหวาน ฉือโถวก็กัดคำโต รสชาติทั้งเปรี้ยวและหวานก็กระจายไปทั่วปากของเขา

มันอร่อยมาก! นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉือโถวได้กินถังหูลู่ เขาไม่ได้กินมาหลายปีแล้ว และถังหูลู่ก็ยังคงรสชาติเหมือนเดิม

จำได้ว่าครั้งแรกที่ฉือโถวกินถังหูลู่เมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นพ่อยังไม่ได้รับบาดเจ็บ และสถานการณ์ของครอบครัวก็ค่อนข้างดี ครั้งหนึ่งพ่อจับเหยื่อได้จำนวนมากและขับเกวียนวัวไปขายที่ในเมือง แล้วพ่อก็พาเขาไปที่เมืองด้วยกัน ตอนนั้นขายเหยื่อได้เงินมาก พอพ่อมีความสุขก็ซื้อถังหูลู่ให้ตนเอง ตอนนั้นเขาก็มีความสุขราวกับเป็นวันปีใหม่

ไม่กี่ปีต่อมาเขาก็ได้กินถังหูลู่นี้อีกครั้ง ราวกับว่าความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับมา คราวนั้นพ่อบอกว่าถ้าเขามาที่เมืองอีกครั้ง เขาจะนำถังหูลู่มาให้ฉือโถวอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็ได้รับบาดเจ็บ เขาจึงไม่ได้กินถังหูลู่ตั้งแต่นั้นมา

ต่อมาแม่ก็พาฉือโถวเข้าไปในเมืองอีกหลายครั้ง นางจับไก่ฟ้าและเข้ามาขายในเมืองด้วย แต่ไม่เคยซื้อถังหูลู่อีกเลย

นั่นเป็นขนมที่มีแต่คนรวยเท่านั้นที่ซื้อได้ ถังหูลู่หนึ่งไม้สามารถซื้อบะหมี่เกาเหลียงได้ครึ่งชั่ง แม่ของเขาจะไม่เสียเงินจำนวนนี้ไปกับขนมอย่างแน่นอน และฉือโถวก็ไม่ต้องการเช่นกัน

กู้เสี่ยวหวานมองท่าทางโศกเศร้าของฉือโถว และคาดเดาว่าเขาคงนึกถึงบางสิ่งที่น่าเศร้า จากนั้นจึงหันศีรษะไปเห็นว่ากู้หนิงอันและกู้หนิงผิงยังคงถือถังหูลู่อยู่ในมือโดยไม่มีใครกินมันเข้าไป นางจึงอดไม่ได้ที่จะกระตุ้น “ทำไมไม่กินล่ะ รีบกินสิ! ถังหูลู่นี่อร่อยนะ”

“ท่านพี่ ท่านกินก่อนเถอะ! ” กู้หนิงอันและกู้หนิงผิงพูดพร้อมกัน และในเวลาเดียวกันพวกเขาก็นำขนมที่ถืออยู่ในมือมาจ่อที่ปากของกู้เสี่ยวหวาน

ทันใดนั้นเอง กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักได้ว่าที่เด็กเหล่านี้ไม่กินมันเพราะต้องการเก็บไว้กินกับตนเอง

กู้เสี่ยวอี้ยังยกถังหูลู่ขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงเด็กว่า “ท่านพี่ ข้าเพิ่งลองชิมไป มันอร่อยมาก ท่านก็กินด้วยสิ! ”

ดูเหมือนว่ากู้เสี่ยวอี้กลัวว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่สามารถกินถังหูลู่ของนางได้ จึงยืนเขย่งปลายเท้ายกถังหูลู่ขึ้นและเบิกตากว้างราวกับต้องการให้กู้เสี่ยวหวานกัดถังหูลู่ในมือของนาง

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประทับใจเด็ก ๆ เหล่านี้อีกครั้งและพูดอย่างอบอุ่นในใจว่า “ข้าไม่กิน ข้าไม่ชอบของหวาน พวกเจ้ารีบกินเถอะ!”

กู้เสี่ยวหวานกำลังพูดความจริง ในชีวิตก่อนนางชอบกินของหวานโดยเฉพาะอย่างยิ่งถังหูลู่ แต่นางกินมากเกินไป เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็ก กู้เสี่ยวหวานชอบกินถังหูลู่เป็นพิเศษ นางชอบถังหูลู่ที่ขายโดยคนที่ขี่จักรยานและตะโกนขายไปตามตรอกซอกซอย ตอนนั้นปู่กับย่าจะซื้อถังหูลู่ให้กู้เสี่ยวหวานทันทีที่ได้ยินว่ามีมาขาย

ต่อมาเมื่อโตขึ้น มีซานจาสดขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วย แม่ของกู้เสี่ยวหวานจึงซื้อน้ำตาลกรวดและซานจามาทำกินเอง เพราะทำเองจะปลอดภัยและถูกสุขอนามัยมากกว่า

กู้เสี่ยวหวานกินถังหูลู่จนรู้สึกคลื่นไส้เมื่อเห็นมัน ดังนั้น นางจึงไม่อยากกินมันจริง ๆ

แต่น้องสามคนไม่คิดอย่างนั้น พวกเขาต่างคิดว่าคงเป็นเพราะพี่สาวไม่เต็มใจซื้อให้ตนเอง แต่ซื้อให้น้องสามคนอย่างไม่เห็นแก่ตัว แถมยังโกหกว่าไม่ชอบกินมันอีก อย่างไรก็ตามมีเด็กบางคนที่ไม่ชอบขนมหวาน

กู้หนิงผิงไม่กินและยื่นถังหูลู่ในมือให้พ่อค้าที่ยังไม่จากไป ขณะที่พ่อค้าหาบเร่ยังคงตะลึงงัน กู้หนิงอันก็ยื่นถังหูลู่ในมือคืนให้พ่อค้าหาบเร่ “ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่กินสิ่งที่เด็กกินหรอก”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ไม่ต้องแย่งกันให้เสี่ยวหวานกินเด้อ รับน้ำใจพี่สาวไว้เถอะ

มันคงเป็นความทรงจำวัยเด็กที่ดีอย่างหนึ่งของฉือโถวล่ะนะ

ไหหม่า(海馬)