ตอนที่ 121 ใต้เท้าเจินเข้าเมืองหลวง
วันที่สิบเก้าเดือนห้าอากาศค่อนข้างร้อนรุนแรง ต้นไม้สูงใหญ่ที่ปลูกอยู่สองข้างทางทำให้คนเดินผ่านไปมารู้สึกร่มรื่น แต่ใบไม้กลับถูกแดดเผาจนมันวาว
บนถนนเส้นหลัก มีสตรีที่แต่งกายเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้านเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าเฉยชา
ทันใดนั้นนางก็สะดุดกับก้อนหินก้อนหนึ่งจนเกือบล้มลง แต่เพียงครู่เดียวนางก็เดินหน้าต่อไปโดยไม่หยุด
ในใจของหญิงนางนี้มีความคิดเดียว วันนี้นางจะไปร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับใต้เท้าชิงเทียนแทนนิวนิว นางต้องสงบเสงี่ยมที่สุด จะได้ไม่ทำให้นิวนิวเสียหน้าต่อหน้าใต้เท้าชิงเทียน
นิวนิวของนางยังฝังอยู่ในสวนบ้านคนอื่น…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หางตาของหญิงผู้นั้นก็รื้นขึ้น พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
อาเฟยที่เดินอยู่ด้านหลังหญิงผู้นั้นรู้สึกขัดใจเล็กน้อย
แม่ที่สูญเสียลูก มักจะทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจ
อาเฟยเดินมาถึงจุดที่ซิ่วเหนียงจื่อสะดุดไปเมื่อครู่ ยกปลายเท้าเขี่ยหินก้อนนั้น แล้วใช้เท้าเตะก้อนหินลงไปในร่องน้ำข้างทางอย่างแรง
จุดพักรถได้ผ่านไปไกลแล้ว อาเฟยไม่รู้ว่านางผู้นั้นจะเดินต่อไปอีกนานแค่ไหน แต่เขาไม่สนใจ สำหรับเขาแล้วการบรรลุภารกิจของคุณหนูให้สำเร็จจนได้รับเงินก็เพียงพอแล้ว
ภารกิจของเขาคือการเดินตามหญิงคนนี้ในวันนี้ เพื่อให้พบกับเหล่าฉินได้อย่างราบรื่น
ในที่สุดผู้หญิงคนนั้นก็หยุดที่หินขนาดใหญ่สูงครึ่งตัวข้างทาง
นี่คือที่ที่นิวนิวให้นางรอ
เมื่อเป็นคำพูดของนิวนิวก็ต้องเชื่อตามนั้น
หญิงผู้นั้นเอนกายพิงหินก้อนใหญ่ที่ร้อนระอุ จากนั้นหยาดน้ำตาไหลเอ่อออกมา
อาเฟยรู้สึกว่าไม่เหมาะนักที่จะเข้าไปใกล้เกินไป จึงเลือกนั่งพักผ่อนที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
ยังดีที่มีผู้คนเดินสัญจรไปมา มีทั้งผู้ที่หยุดพัก ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นที่สะดุดตา
ดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านท้องฟ้าและค่อยๆเคลื่อนไปทางทิศตะวันตก
หญิงนางนั้นเงยหน้ามองไปข้างหน้า สีหน้าวิตกกังวล
ใต้เท้าชิงเทียนคนนั้นเหตุใดยังไม่มาอีกเล่า
ในที่สุดคนกลุ่มหนึ่งก็มาถึง ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้ากําลังขี่ลาตัวหนึ่ง ใบหน้าของเขามีสีเหลืองเล็กน้อย มีเครายาว ด้านหลังมีบ่าวรับใช้ติดตามอยู่สองสามคน
เดิมทีอาเฟยไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นเหล่าฉินที่เดินตามหลังมา
เหล่าฉินสวมหมวกไม้ไผ่สาน ทำให้คนอื่นมองเห็นรูปร่างหน้าตาไม่ชัด แต่อาเฟยรู้อยู่แล้วว่าเหล่าฉินแต่งตัวอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเหล่าฉินเห็นอาเฟยอาแล้ว ยังยกหมวกไม้ไผ่ขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความแร้นแค้นในชีวิต
อาเฟยรีบหันไปมองชายวัยกลางคนที่ขี่ลา
นี่คือคนที่ซิ่วเหนียงจื่อต้องการพบหรือ
ซิ่วเหนียงจื่อไม่รู้จักใต้เท้าชิงเทียนอะไรนั่นเลย แต่กลับจดจําคํากําชับของบุตรสาวไว้ได้ ใต้เท้าผู้นั้นจะขี่ลาเข้าเมืองหลวง
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้ สายตาของซิ่วเหนียงจื่อก็จ้องเขม็งไปที่คนบนลา
ในตอนนั้นเอง คนที่เดินอยู่ข้างๆ ลาก็ถามขึ้นว่า “ใต้เท้า ท่านต้องการหยุดพักหรือไม่ขอรับ”
ชายวัยกลางคนที่อยู่บนลาส่ายศีรษะ “ไม่จําเป็น ถึงจุดพักม้าค่อยหยุดพักเถอะ”
นี่คือคนที่นางกําลังมองหา!
ซิ่วเหนียงจื่อโผเข้าหาด้วยดวงตาเป็นประกาย “ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้รับความเป็นธรรม…”
คนที่อยู่ข้างลารีบแสดงดาบออกมาและตวาดเสียงดังว่า “หญิงบ้านี่มาจากไหนกัน!”
ซิ่วเหนียงจื่อคุกเข่าลงต่อหน้าลาแล้วโขกศีรษะเสียงดังปัง “ข้าน้อยถูกใส่ร้าย ขอให้ใต้เท้าชิงเทียนช่วยให้ความเป็นธรรมด้วยเจ้าค่ะ ใต้เท้าชิงเทียนโปรดให้ความเป็นธรรมด้วยเจ้าค่ะ!”
คนที่ถือดาบกําลังจะไล่ไป ชายวัยกลางคนที่อยู่บนลาพูดเสียงเรียบว่า “อย่าไร้มารยาทเด็ดขาด”
เขาพูดพลางพลิกตัวลงจากลา พูดกับซิ่วเหนียงจื่อด้วยใบหน้าอ่อนโยนว่า “อาซ้อ มีอะไรก็ไปเล่าที่นั่นเถอะ”
เมื่อคนทั้งกลุ่มเดินมาถึงใต้ต้นไม้ ชายวัยกลางคนก็ยืนเอามือไพล่หลัง “อาซ้อขวางทางเช่นนี้ด้วยเหตุอันใดหรือ”
ซิ่วเหนียงจื่อกําลังจะคุกเข่าลง แต่ก็ถูกชายวัยกลางคนรั้งไว้ “อาซ้อพูดตามสบายเช่นนี้เถิด คนเดินกันไปมา ถ้าเห็นคนคุกเข่าจะดึงดูดความสนใจ”
“เจ้าค่ะ” ซิ่วเหนียงจื่อตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว
นิวนิวพูดถูก จะมีใต้เท้าชิงเทียนขี่ลาผ่านที่นี่ จะชําระความแค้นของนิวนิวได้แล้ว!
“ทำไมอาซ้อถึงเรียกข้าว่าใต้เท้าชิงเทียน” ชายวัยกลางคนถามอย่างเรียบๆ โดยไม่แสดงสีหน้า
หญิงนางนี้ปรากฏตัวประหลาดเกินไป เขาย้ายไปรับตำแหน่งผู้ตรวจการศาลาว่าการแห่งพระนคร ตลอดการทางที่ผ่านมาก็มิได้เปิดเผยฐานะ นางรู้ได้อย่างไรและเหตุใดถึงมารออยู่ที่นี่
หรือว่าหญิงนางนี้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะบังเอิญถูกหรือไม่นะ
แต่การแต่งกายของซิ่วเหนียงจื่อทำให้ชายวัยกลางคนตัดประเด็นนี้ออกไป
“ท่านคือใต้เท้าเจินชิงเทียน!”
ชายวัยกลางคนมีสีหน้าตกใจ “อาซ้อรู้ได้อย่างไร”
“นิวนิวบอกกับข้าน้อยเจ้าค่ะ นิวนิวเป็นลูกสาวของข้าน้อย”
ชายวัยกลางคนยิ่งรู้สึกแปลกใจเข้าไปใหญ่ “ไม่ทราบว่าตอนนี้ลูกสาวของอาซ้ออยู่ที่ไหน ทำไมถึงรู้ว่าข้าจะเดินผ่านที่นี่”
หญิงผู้นั้นรู้แม้กระทั่งชื่อแซ่ของเขา เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมการมาอย่างดี
จากประสบการณ์ ผู้หญิงคนนี้น่าจะมีความคับข้องใจมาบอกเล่าให้ฟัง
ชายวัยกลางคนเตรียมใจไว้แล้ว แต่คําพูดต่อมาของหญิงนางนี้กลับทำให้เขาตกใจ
ซิ่วเหนียงจื่อน้ำตาไหลพราก “นิวนิวถูกฝังอยู่ในสวนของคนอื่นแล้วเจ้าค่ะ นางบอกข้าในความฝัน!”
“อะไรนะ” คําตอบนี้แปลกเกินไป ชายวัยกลางคนตะลึงงันไปชั่วขณะ
ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนทำหน้าเหลือเชื่อ
ผู้หญิงคนนี้บ้าใช่ไหม
“นังผู้หญิงบ้า กล้าดีอย่างไรมาพูดจาเหลวไหลต่อหน้าใต้เท้าของเรา ยังไม่รีบออกไปอีก!”
ซิ่วเหนียงจื่อลืมไปนานแล้วว่าความกลัวคืออะไร นางก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ใต้เท้าชิงเทียนเจ้าคะ ข้าน้อยไม่กล้าโกหกท่าน ยิ่งไม่กล้าสาปแช่งลูกสาวของตัวเองด้วย นิวนิวของข้าถูกคนฆ่าตาย ข้าหานางไม่เจอ จนกระทั่งคืนนั้นนางมาเข้าฝันบอกข้า…”
“อาซ้อใจเย็นก่อน พูดให้ละเอียด” ชายวัยกลางคนถลึงตาใส่ผู้ใต้บังคับบัญชาและปลอบประโลมนางอย่างอบอุ่น
ซิ่วเหนียงจื่อปาดน้ำตา เล่าถึงที่มาของเรื่องราว
ชายวัยกลางคนยังคงฟังอยู่เงียบๆ จนกระทั่งซิ่วเหนียงจื่อพูดจบ ก็ไม่มีแสดงท่าทีอะไรออกมา
เมื่อซิ่วเหนียงจื่อเห็นดังนั้นก็ตกใจ รีบคุกเข่าลงให้ชายวัยกลางคนทันที “ใต้เท้า หากข้าน้อยพูดเท็จสักคําขอให้ฟ้าผ่า บุตรสาวของข้าถูกซื่อจื่อฉังซิงโหวผู้นั้นทำร้ายจริงๆ ตอนนี้ศพถูกฝังอยู่ใต้พุ่มดอกไม้ในสวนของจวนของพวกเขา ท่านส่งคนไปดูได้เจ้าค่ะ แล้วจะรู้ว่าข้าน้อยไม่ได้พูดเหลวไหล…”
“หญิงอย่างเจ้าช่างไม่รู้จักว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควรจริงๆ อาศัยคําพูดเหลวไหลของเจ้าไม่กี่คํา ก็จะให้ใต้เท้าของพวกเราไปขุดสวนหลังจวนโหวงั้นหรือ”
“ใต้เท้าเจ้าคะ ข้าน้อยขอร้องท่านล่ะ มีเพียงท่านเท่านั้นที่สามารถช่วยให้ความเป็นธรรมกับข้าน้อยได้”
ชายวัยกลางคนลูบเคราของตัวเองและพึมพําสักครู่ จากนั้นสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “รีบไปจ้างรถม้าที่จุดพักม้าด้านหน้า”
ผู้ใต้บังคับบัญชารับคําสั่งแล้วผละไปทันที ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน อาซ้อ ท่านตามข้าเข้าเมืองหลวงก่อน ข้าจะตรวจสอบอย่างละเอียด หากท่านพูดความจริง ข้าจะคืนความยุติธรรมให้กับท่านอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณใต้เท้าชิงเทียนเจ้าค่ะ!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเดินทางได้เร็วมาก ไม่นานเขาก็นำรถม้ามาจากจุดพักม้า ชายวัยกลางคนเชิญซิ่วเหนียงจื่อขึ้นรถม้า ทุกคนไม่ได้หยุดอยู่ที่จุดพักม้าพากันเดินทางตรงไปที่เมืองหลวง
สิ่งที่ชายวัยกลางคนไม่รู้ก็คือ ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเดินผ่านจุดพักรถ พี่ชายของหยางเฟยพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้จิ่งหมิงก็สิ้นใจที่จุดพักรถ และพวกเขาก็หลีกเลี่ยงปัญหานี้ไปได้พอดี
อาเฟยยังคงติดตามคนกลุ่มนี้ต่อไป ส่วนเหล่าฉินก็กลับไปรายงานเจียงซื่อ
เมื่อได้ยินว่าใต้เท้าเจินพาซิ่วเหนียงจื่อไป เจียงซื่อใจก็วางใจลงเล็กน้อย
เหล่าฉินกลับพูดเรื่องที่ทำให้นางประหลาดใจออกมา “คุณหนู ใต้เท้าเจินผู้นั้นก็คือผู้บัญชาการทหารประจำอำเภอแห่งวัดหลิงอู้ผู้นั้นขอรับ”