นที่ 46 โรคหูดและไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา
หลายวันผ่านไป จนกระทั่งมาถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1174
เป็นปกติที่เมืองหลวงในตอนนี้นั้นจะอากาศเย็นและปกคลุมไปด้วยหิมะ
ปาลเล่ได้นำพาชีวิตของตนพ้นออกมาจากเงื้อมมือของมัจจุราชที่มีชื่อว่าโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวโดยผ่านพ้นช่วงการรักษาทางโลหิตวิทยาอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันก็มีเพียงเฝ้าดูอาการทั่วไปเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ โดยความคืบหน้าที่สามารถเห็นได้ชัดเจนนั้นคือไม่มีเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวที่สามารถมองเห็นได้ผ่านกล้องจุลทรรศน์อีกแล้ว
เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเขานั้นติดเชื้อปาลเล่จึงเลี่ยงการออกไปข้างนอก ซึ่ง
ระหว่างนั้นปาลเล่ก็ทำเรื่องน่าประหลาดใจให้กับฟาร์มา โดยเขาได้เขียนหนังสือจากความรู้ที่แป๊บมามอบให้และให้ฟาร์มาตรวจสอบด้วยความเร็วที่สูงมากจนในที่สุด ก็ได้ตำราเรียนหลายเล่มออกมาภายใต้ชื่อ ” พื้นฐานชีววิทยาแผนใหม่โดยเดอ เมดิซิส” ซึ่งแต่ละเล่มมีความหนาประมาณเกือบ 1 นิ้ว จากนั้นบรูโนก็นำมันมาจดทะเบียนในชื่อของพวกเขาแล้วนำมันไปขายให้กับมหาวิทยาลัยยาต่างๆ
(จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันนะที่เรามีส่วนในงานเขียนหนังสือแบบนี้)
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของฟาร์มาเขาได้ตีพิมพ์หนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับเภสัชวิทยา และพอเขาหยิบหนังสือเหล่านั้นขึ้นมาดูบ้างก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆบ้าง
ฟาร์มาให้หนังสือเล่มคัดลอกแก่เอเลน เพราะแบบนั้นเธอเลยเป็นคนแรกที่ได้อ่าน และเธอก็รับมันไปแต่โดยดี โดยมันถูกห่อเอาไวก่อนที่เธอจะกระชับแว่นของเธอขึ้น
“ขอบพระคุณในความกรุณาให้ดิฉันอ่านหนังสือเล่มนี้นะคะ ศาสตราจารย์ฟาร์มา จากนี้ก็ขอให้ช่วยชี้แนะและให้กำลังใจดิฉันต่อไปเช่นนี้ด้วยนะคะ”
“นั่นมันอะไรกันน่ะ คุณไปทานอะไรแปลกๆมาหรือเปล่า?”
ฟาร์มาถามเอเลนที่ทำน้ำเสียงประชดประชันในขณะที่แสดงเช่นนั้นออกมา
“นี่มันเป็นช่วงที่ต้องประทับใจนะ แล้วฟาร์มาคุงกับปาลเล่ช่วยกันเขียนมันขึ้นมางั้นเหรอ?”
“เราเขียนกันประมาณคนละครึ่งน่ะครับ ส่วนลอตเต้รับหน้าที่วาดภาพร่างกายของมนุษย์ให้”
ลอตเต้ยังทำหน้าที่เป็นจิตรกรหลวงซึ่งตอนนี้ก็รับหน้าที่ในการวาดภาพกายวิภาคให้กับหนังสือเล่มนี้ซึ่งมันทำให้หนังสือดังกล่าวนั้นดูเป็นการจัดทำของมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
“ลอตเต้จังนี่มีพรสวรรค์ด้านนี้จริงๆเลยนะ เห็นทีคงต้องเอาหนังสือนี่ไปอ่านสักสองสามรอบก่อนจะไปสอนที่วิทยาลัยแล้วสิ”
“นั่นสินะ เพราะผมต้องให้คุณช่วยในการสอนที่คลาสด้วย ดังนั้นก็ควรจะอ่านให้ละเอียดนะ…หลังจากเสร็จเรื่องนี้ไปผมก็คงจะนอนตายตาหลับได้เสียที”
นั่นถือว่าไม่ใช่การกล่าวเกินจริงเลยเพราะตำราเล่มดังกล่าวนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของสองพี่น้องทุ่มเทใส่ลงไปอย่างเต็มที่ โดยฟาร์มาเป็นผู้สอนความรู้ดังกล่าวให้กับปาลเล่ แน่นอนว่าขณะนี้อาจจะมีบางส่วนที่ปาลเล่ยังต้องรับภาระหนักในการทำความเข้าใจและแปลมันให้หมดในคราวเดียว แต่ด้วยสติปัญญาของพี่เขาแล้วก็น่าจะผ่านมันไปได้ นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิด
เพราะหากปาลเล่ไม่สามารถทำความเข้าใจกับหลักการดังกล่าวได้จริงๆฟาร์มาก็คงจะต้องจัดทำตำราเรียนแต่เพียงผู้เดียวและคงไม่พ้นที่จะต้องทำงานหนักจนตายเหมือนในอดีตอีกครั้ง ปาลเล่ที่กลับมาจากโนวารูตเมื่อครึ่งปีก่อนนั้นทั้งเป็นคนน่ารำคาญและรับมือยากแต่ในตอนนี้ฟาร์มามองว่าตัวเขาคือพี่ชายที่สามารถพึ่งพาได้ ในทางกลับกันปาลเล่ก็มอบความเคารพให้กับฟาร์มาเช่นกัน
“เป็นแค่เด็กอายุได้ 12 ปีแท้ๆอย่ามาพูดอะไรแบบนั้นสิ!”
เอเลนต่อว่าฟาร์มาที่กำลังทำท่าเหมือนมองไปยังอนาคตอันแสนไกล
“จริงด้วยค่ะ ท่านฟาร์มายังคงต้องมีชีวิตอยู่เพื่อภายภาคหน้าอีกนะคะ!”
ลอตเต้ได้ให้กำลังใจฟาร์มา
ฟาร์มาที่ดูเหมือนกำลังสติหลุดออกไปจากการที่คิดว่าวันหนึ่งเขาอาจจะหายไปจากโลกนี้ก็ได้ เพราะแบบนั้นอย่างน้อยก็อยากจะทิ้งความรู้ต่างๆให้หลงเหลือภายในโลกนี้บ้าง อันที่จริงถ้าทำได้ ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทั่วไป ความรู้เฉพาะด้านของการแพทย์และชีววิทยารวมถึงข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเภสัชวิทยาทั้งหมด เช่นโครงสร้างโมเลกุลยา ตัวเร่งปฏิกิริยาทางเคมี ด้วยเทคโนโลยีที่เขาพยายามทำในตอนนี้มันก็ก้าวหน้าเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนสามารถนำบันทึกของเขามาอ่านและสานต่อไปได้
ฟาร์มาก็ได้แต่หวังว่าพวกเขาจะทำความเข้าใจและก้าวข้ามมันไปได้เพื่ออนาคตของการแพทย์ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึงและเพื่อโลกของพวกเขาเอง
“ลอตเต้ คุณเซดริก หากไม่รังเกียจก็รับมันไปด้วยสิครับ”
ฟาร์มาได้มอบฉบับคัดลอกแบบเดียวกันให้กับลอตเต้และเซดริก
“ของพระคุณมากครับท่านฟาร์มา”
เซดริกตอบรับของขวัญชิ้นนั้นอย่างนอบน้อม
“เอ๊ะ สิ่งที่ล้ำค่าเช่นนี้ ท่านแน่ใจแล้วเหรอคะ! เพราะฉันก็ไม่ได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับอะไรพวกนี้ด้วย! จะไม่เสียของเอาเหรอคะ!”
แต่ลอตเต้ก็ยิ้มออกมาเพราะเธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับอะไรเช่นนี้
“คุณก็มีส่วนรับผิดชอบในเรื่องภาพวาดดังนั้นคุณก็ควรจะได้รับมันเช่นเดียวกัน อย่างน้อยก็ควรจะอ่านตรงจุดของการปฐมพยาบาลฉุกเฉินไว้นะครับ ผมทำที่คั่นหน้าไว้ให้แล้ว”
เมื่อพวกเขาเปิดหนังสือทั้งสามเล่มนั้นออกมาก็พบกับที่คั่นหน้าที่เป็นสีโปรดของพวกเขาสอดไว้กับหนังสือแล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นของขวัญที่ฟาร์มามอบให้พวกเขาเช่นกัน
“ฟาร์มาคุงนี่ขยันจริงๆเลยนะว่าไหมล่ะ?”
“จะชมผมมากกว่านี้ก็ได้นะ”
“ท่านฟาร์มาสุดยอดไปเลยนะครับ”
เซดริกก็เล่นไปตามน้ำกับฟาร์มาอย่างสนุกสนาน
“อาร่า..ท่านฟาร์มานี่ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ อ่ะจริงสิ ฉันลืมแป๊บส่งให้กับสามีของคุณแอมบลอสไปเลยค่ะ!”
คุณแอมบลอสนั้นมีอาชีพเป็นพ่อค้าและเป็นคนไข้ของฟาร์มาซึ่งป่วยเป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง
“แย่แล้วสิ! งั้นเดี่ยวผมเอาไปให้เองละกัน!”
ฟาร์มาสวมชุดคลุมสีดำก่อนจะเตรียมออกไปข้างนอก ทางด้านลอตเต้ก็รีบไปหยิบกระเป๋ายามาอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวฉันไปเองค่ะ! หากเป็นที่พักของบ้านแอมบลอสแล้ว ฉันคุ้นเคยกับที่นั่นพอสมควรเลยค่ะ”
“งั้นเหรอ? เยี่ยมเลยงั้นก็ขอความกรุณาด้วย”
แล้วลอตเต้ก็วิ่งออกไปจากร้านเร็วดั่งสายลม
ฟาร์มาได้ลงจากบันไดไปยังชั้นล่างของร้านก่อนจะมอบตำราเรียนให้กับเหล่าแพทย์โอยินดีต้อนรับพาร์ทไทม์ โดยร้านขายยาต่างโลกนั้นได้จ้างเหล่าพนักงานพาร์ทไทม์ด้วยกันสามคนเพื่อความสะดวกของฟาร์มากับเอเลน โดยตอนนั้นพวกเขากำลังคุยกันขณะพักอยู่ แต่พอเห็นฟาร์มาเดินมาพวกเขาก็หยุดคุยและลุกขึ้นยืน
“หนังสือเรียน…?”
คงจะมีประโยชน์บ้างหากพวกเขาอ่านกันตอนว่างๆ
“ท่านพี่กับผมนั้นได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาน่ะครับ หากเป็นไปได้ก็กรุณาอ่านมันดูแล้วค่อยๆทำความเข้าใจไปทีละนิดนะครับ”
“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ ไว้ผมจะค่อยๆอ่านกันนะครับ”
ฟาร์มาได้จ้างโรเจอร์ซึ่งเป็นแพทย์โอสถขั้นหนึ่งจากราชอาณาจักรเนเดลซึ่งขณะนั้นกำลังว่างงานอยู่ แม้ว่าภาษาจักรวรรดิของเขานั้นจะยังไม่แข็งแรงนักแต่ก็ถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง
“ข-ขะ-ขอบพระคุณมากค่ะ ท่านผู้ดูแล ฉันจะสัญญาว่าจะอัดความรู้จากหนังสือนี้ลงไปยังความทรงจำเลยค่ะ”
รีเบคก้า แพทย์โอสถขั้นสองที่จบมาจากวิทยาลัยยา เป็นคนที่ดูเฉลียวฉลาด แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังคงมีบุคลิกที่ขี้อายและมักพูดติดอ่างเมื่อต้องคุยกับฟาร์มา
“เออออ คือไม่จำเป็นต้องจำมันให้ได้ขนาดนั้นก็ได้ครับ ขอเพียงแค่ค่อยๆอ่านมันแล้วค่อยๆทำความเข้าใจไปก็พอแล้วครับ”
“ท่าทางจะยากเหมือนกันนะคะ เห็นทีคงจะได้อ่านหลังจากพาลูกของฉันเข้านอนก่อน”
พนักงานพาร์ทไทม์ผู้ทำงานได้หลากหลาย เซเลสคุณแม่ผู้แข็งแกร่งซึ่งเลี้ยงดูเหล่าเด็กยินดีต้อนรับอยู่หลายคนด้วยกัน เธอเป็นแพทย์โอสถขั้นสองซึ่งมีความรวดเร็วในการจ่ายยาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เธอยังเป็นศิษย์เก่าของโนวารูตอีกด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตามที่คุณสะดวกได้เลย”
เราก็ไม่ได้อยากจะไปอัดภาระให้กับคนเหล่านี้อยู่แล้ว ฟาร์มาคิด
“ฟาร์มาคุง ตอนนี้มีคนช่วยพออยู่ใช่ไหม? เดี๋ยวฉันจะขอออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งนะ”
“ระวังตัวด้วยนะ”
ตัวของเอเลนนั้นมีคนไข้ของตัวเองอยู่ก่อนที่จะได้ทำงานกับฟาร์มาแล้ว และพวกเขาก็ต่างเป็นผู้มีอำนาจและชนชั้นสูงทั้งสิ้น โดยทุกๆ อาทิตย์ เอเลนจะใช้เวลาประมาณครึ่งวันในการเดินสายตรวจพวกเขา
“ถ้างั้นช่วงบ่ายนี้ เราก็ต้องพยายามให้เต็มที่”
หลังจากช่วงพักเที่ยงจบลงซึ่งลอตเต้ยังคงออกไปทำธุระอยู่ ก็ได้มีรถม้ามาจอดยังหน้าร้านขายยา ทันใดนั้นอัศวินเฝ้าประตูก็เข้ามาเรียก ฟาร์มาเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าเป็นชนชั้นสูงที่มาหา
หากไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นผู้ป่วยอาการหนัก ฟาร์มาก็ไม่เคยจะออกไปต้อนรับด้วยตัวเองถึงแม้พวกเขาจะเป็นชนชั้นสูง แต่หากคนที่มานั้นเป็นผู้ผู้มีพระคุณของร้านไม่ว่าจะสถานะสังคมเช่นไรฟาร์มาก็พร้อมจะต้อนรับเสมอ
“ขอโทษทีมารบกวนนะคะ กำลังพักกันอยู่หรือเปล่าคะ?”
“อ้า ก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็แกรนดยุกเนสเมโลดี้ เลอ รูซ์นี่เอง ยินดีต้อนรับครับ!”
ฟาร์มาก้มหัวลง เมโลดี้นั้นถือว่าเป็นช่างโลหะและแก้วที่ยอดเยี่ยมที่สุดในจักรวรรดิ ได้เดินลงมาจากรถม้า ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเดินทางมายังร้านขายยานี้
ผมของเมโลดี้นั้นยาวสลวยมาพร้อมกับการแต่งหน้าที่ดูสมบูรณ์แบบซึ่งนั่นทำให้เธอดูงดงามมากกว่าเดิม โดยเธอมาพร้อมกับเดรสสีขาวซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกัน อีกยังมีริบบิ้นสีน้ำเงินเข้มดูสบายตาติดมากับเดรสบริเวณกระโปรง แสดงให้เห็นได้ว่าตัวเธอนั้นพร้อมจะออกมาข้างนอกด้วยจิตใจที่มั่นคงแล้ว ก่อนจะถอดหมวกออกและหยักหน้ารับฟาร์มา
“สวัสดีค่ะ ท่านฟาร์มา! สำหรับของขวัญและจดหมายจากท่านฉันรู้สึกซึ้งใจมากเลยค่ะ ไว้จะขอทำการตอบแทนอย่างเป็นทางการในวันหลังนะคะ”
ฟาร์มากับเมโลดี้นั้นได้ทำสัญญาจ้างกันในส่วนของการผลิตถังออกซิเจนสำหรับการรักษาปาลเล่และเป็นปกติที่เขาต้องส่งจดหมายขอบคุณไปให้กับเธอแบบนั้น
“เช่นเดียวกันครับ ตัวผมก็ต้องขอขอบคุณ คุณจริงๆ สำหรับถังออกซิเจนนั้น ทำของที่ขอไปให้เสร็จภายในวันเดียวเสียด้วย…ชีวิตพี่ชายของผมก็ถือได้ว่าถูกคุณช่วยไว้ครับ เขาฝากความขอบคุณมาถึงคุณด้วยนะครับ”
การทำงานที่รวดเร็วของเมโลดี้นั้นถือว่าช่วยฟาร์มาและปาลเล่ได้อย่างมาก
“ผลออกมาเป็นไงบ้างคะ มีตรงไหนรั่วไปบ้างหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่ามันไม่มีปัญหาใดๆ สามารถใช้งานได้ดีเลยครับ”
“งั้นเหรอคะ ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจค่ะ สำหรับตอนนี้จะว่าไป ฉันอยากจะขอรบกวนให้ท่านช่วยตรวจฉันได้หน่อยได้หรือเปล่าคะ หากท่านพอจะมีเวลา?”
เมโลดี้ที่มาครั้งนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อรับยาสำหรับโรคทางจิตเภทของเธอ
จากครั้งล่าสุดที่พบกับเธอ เมโลดี้ในตอนนี้ถือว่าควบคุมอาการป่วยของเธอรวมไปถึงความเครียดที่ดูจะคงตัวแล้ว ฟาร์มาได้ทำการวินิจฉัยเธอขณะฟังกิจวัตรประจำวันของเธอจากพ่อบ้านไปด้วย
“นั่นสินะครับ ท่านเมโลดี้ตอนนี้ดูเหมือนจะดีขึ้นมากแล้วครับ การทำงานก็ดำเนินไปได้ด้วยดี…แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะพักผ่อนโดยการออกไปเดินเล่นในดินแดนของเธอ ให้สมดุลกับงานที่ทำไปด้วย เร็วๆ นี้ทางเราก็มีปาร์ตี้ยามเย็นกันด้วยนะครับ”
พ่อบ้านยินดีที่จะรายงานเกี่ยวกับสภาพของเมโลดี้เป็นอย่างมาก เพราะขั้นตอนการรักษาของมันนั้นไม่ได้ง่ายนัก การกำเริบของอาการก็มักจะมาได้เสมอและสามารถพัฒนาไปเป็นการป่วยประเภทอื่นได้อีกมากมาย
นอกจากนั้นระหว่างการรักษาอาการผิดปกติอย่างอาการง่วง หรือหัวใจที่เต้นผิดจังหวะก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่โชคดีว่าเมโลดี้ไม่มีอาการเช่นนั้นเลย
“งั้นเหรอครับ แบบนั้นก็ดีแล้วครับ ไว้เดี๋ยวเราค่อยมาลดปริมาณยากันนะครับ”
ฟาร์มาได้เปลี่ยนสูตรยาที่ใช้ไปแน่นอนว่าเขาบอกกับพ่อบ้านของเธอว่าหากมีอาการผิดปกติให้แจ้งเขาโดยทันที
อาการป่วยประเภทนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่ตัวยา แต่ต้องมีการสังเกตผู้ป่วย และสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วย
“จะมีโอกาสที่ฉันจะหยุดทานยาได้หรือเปล่าคะ?”
“หากอาการคงตัวเช่นนี้อยู่ต่อไป อนาคตก็สามารถหยุดยาได้ครับ”
แล้วใบหน้าที่แสดงถึงความสบายใจของเมโลดี้ก็แสดงออกมาเพราะเธอจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตดังปกติได้แล้ว ถึงอย่างนั้นฟาร์มาก็พูดขึ้นมาว่า “แต่” แม้ว่าดวงตาวินิจฉัยของฟาร์มาจะตรวจสอบแล้วว่าอาการของเธอดีขึ้น แต่นั่นก็ใช่ว่าจะวางใจได้
“ถ้าหากหยุดเอาตอนนี้เลย อาการของคุณอาจจะกำเริบขึ้นมาได้อีกครับดังนั้นเรื่องนี้คงต้องรอไปอีกสักพักนะครับ”
“ฉันเข้าใจดีค่ะ”
เมโลดี้เข้าใจมันได้ จากคำอธิบายของฟาร์มาซึ่งมันก็เป็นไปได้ด้วยดี เพียงแต่เธอต้องอดทนทานยาต่อไปอีกสักพัก
“ฉันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ในกรงขังแบบนั้นอีกแล้ว ต้องขอขอบคุณยาของท่านฟาร์มาจริงๆ ที่ทำให้ฉันได้กลับมาใช้ชีวิตเช่นนี้ได้ ถือว่าเป็นพระคุณอย่างยิ่ง สำหรับของขวัญชิ้นนั้นที่ดึงสติฉันให้กลับมา”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมนี่สิที่ควรต้องตอบแทนคุณมากกว่า”
จากมุมมองของฟาร์มาแล้ว เขานั้นได้สั่งอุปกรณ์มากมายที่จะนำไปใช้ยังโรงงานผลิตยาที่มาร์เชล ซึ่งจะได้รับมันอย่างตรงเวลาตามที่ขอเสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่มีสิทธิ์คัดค้านอะไรก็ตามจากเมโลดี้ได้เลย
“เช่นนั้น ฉันคงใช้เวลามากไปจนทำให้แขกท่านอื่นรอนานแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
เมโลดี้ยิ้มหวานออกมาและแปรงผมของเธอกลับไป ในช่วงเวลานั้นเองฟาร์มาก็เกิดความรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
“รอเดี๋ยวก่อนครับ ท่านเมโลดี้ ขอความกรุณาให้ผมดูมือของคุณหน่อยได้หรือเปล่าครับ?”
“เอ๋…มีอะไรหรือเปล่าคะ ฉันก็รู้สึกอายนิดหน่อยด้วยสิที่ต้องให้ดูมือแบบนั้น”
เมโลดี้พยายามซ่อนนิ้วของเธอให้ห่างจากฟาร์มา
“มีอะไรน่าอายงั้นเหรอครับ?”
“ก็เพราะฉันเป็นช่างฝีมือนี่คะ เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วว่าฝ่ามือนั้นจะมีตาปลาขนาดไหนจากการใช้เครื่องมือต่างๆ”
ด้วยความที่เธอรู้สึกอาย จึงได้ทำการยื่นมือไปให้กับฟาร์มาอย่างประหม่า
“ไม่ทราบว่าพวกมันมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้หรือเปล่าครับ?”
“น่าจะเป็นเช่นนั้นนะคะเพราะช่วงที่ผ่านมามีงานด่วนเข้ามามากด้วยสิ”
ดูเหมือนว่าเมโลดี้จะยังไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ถาม แต่ถึงแบบนั้นฟาร์มาก็ยังคงยิ้มออกมา
“นั่นไม่ใช่ตาปลาครับถึงบางส่วนจะเป็นตาปลา แต่กว่าครึ่งของที่เห็นพวกมันถูกเรียกว่าหูดครับ ไม่ทราบว่าคุณได้ทำการขูดมันออกไปด้วยหรือเปล่าครับ?”
เพราะมีบางส่วนของหูดนั้นแบนอยู่
“ใช่ค่ะ เนื่องจากมันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดี เลยกรีดมันออกด้วยมีดค่ะ…”
ฟาร์มาจึงได้ทำการอธิบายให้กับเมโลดี้ฟังถึงสาเหตุของปัญหาดังกล่าว
“แบบนั้นอาจจะทำให้มันเพิ่มขึ้นอีกก็ได้นะครับ”
“โรคหูดผิวหนัง (ทั่วไป) ”
ฟาร์มาได้ใช้ดวงตาวินิจฉัยเพื่อยืนยันโรค – “โรคหูด” หรือที่เรียกกันปกติว่า “หูด”ฟาร์มาได้นำมือของเมโลดี้เข้ามาใกล้ใบหน้ามากยิ่งขึ้นเพื่อตรวจดูเส้นเลือดที่อยู่ใต้หูดนั้น
“หูดเหล่านี้มันเกิดมาจากไวรัสครับ”
ฟาร์มาอธิบายเกี่ยวกับไวรัสให้เมโลดี้ฟังว่า หูดนั้นมักจะก่อตัวขึ้นบริเวณที่ผิวหนังได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นด้วยความที่เมโลดี้นั้นเป็นช่างฝีมือที่ใช้งานมือเป็นอย่างหนักจึงสามารถเกิดขึ้นได้
“โดยปัจจุบันก็ยังไม่มียาที่จะสามารถรักษาไวรัสตัวนี้ได้ครับ”
โดยเรียกกันว่าเชื้อ HPV (The human papillomavirus) มันได้ฝังรากลึกลงผิวฝ่ามือของเมโลดี้
“ไม่จริงน่า…รักษาไม่ได้เหรอคะ? ของที่น่าอายแบบนี้จะเพิ่มขึ้นอีกหรือนี่”
“แต่ถึงแบบนั้นบางที อาการนี้ผมอาจจะลองหายาตัวอื่นมารักษาดูได้…กรุณารอสักครู่นะครับ”
เนื่องจากว่าการใช้ไนโตรเจนเหลวรักษานั้นไม่เป็นผลดีนัก จากการยืนยันผ่านดวงตาวินิจฉัย ฟาร์มาจึงได้พยายามหายาตัวอื่นเข้ามาช่วยแทน
“กรดซาลิไซลิค”
“กลูตาราลดีไฮล์”
สารพวกนี้จะทำให้หูดนั้นอ่อนตัวลง แต่ก็ใช่ว่าจะได้ผลเสมอไป ซึ่งน่าเสียดายที่พวกมันก็ใช้ไม่ได้ผลกับเมโลดี้เหมือนกัน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ลอตเต้ก็กำลังกลับมาถึงที่ร้านขายยาหลังเสร็จธุระ แล้วเธอก็ได้พบกับฉากที่ฟาร์มานั้นจับมือของเมโลดี้ขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วนำมันเข้าไปใกล้ที่ใบหน้าของเขา เธอที่เห็นจึงตกใจและซ่อนเข้าไปในมุมมืดของร้านอย่างรวดเร็ว
“เอ๋?! เมื่อกี้นี้มัน… จะเป็นสิ่งนั้น…จะ-”
จูบ?
เนื่องจากภาพที่ปรากฏนั้นทำให้ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ในทางพิธีการแล้วหากชายใดจูบฝ่ามือของฝ่ายหญิงแทนจะจูบที่หลังมือนั้นย่อมหมายถึงการหมั้นหมาย
“ท่านฟาร์มากับท่านเมโลดี้มีความสัมพันธ์เช่นนั้นกันงั้นหรือ…?” ลอตเต้คิดจนสับสนไปมา
“พอมาคิดดูแล้ว ท่านฟาร์มาก็มักจะไปที่คฤหาสน์ของท่านเมโลดี้อยู่บ่อยๆช่วงที่กำลังรักษาเธอ”
“แปลว่าท่านฟาร์มาคงจะค่อยๆ สนิทสนมกับท่านเมโลดี้ระหว่างนั้นเองสินะ…เราไม่ทันรู้สึกตัวเลย”
เป็นเรื่องผิดปกติมากที่ฟาร์มาจะสัมผัสร่างกายของผู้หญิงโดยที่ไม่ใช่การตรวจโรค แถมดูเหมือนมือของท่านเมโลดี้ก็ไม่ได้มีโรคอะไรด้วย
ขนาดกับตัวลอตเต้เองฟาร์มาก็ยังไม่เคยทำเช่นนั้น สถานการณ์นี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคยสำหรับเธอนัก
หากมาคิดดีๆ ฟาร์มากับเมโลดี้นั้นก็ต่างเป็นชนชั้นสูง แล้วเมโลดี้ก็เป็นถึงแกรนดยุก ถึงแม้ช่วงอายุจะดูต่างกันไปบ้างแต่เธอก็ถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกับฟาร์มาอยู่พอสมควร
“แล้วแบบนั้นทำไมถึง……”
สำหรับฟาร์มาแล้ว ลอตเต้ก็เป็นเพียงข้ารับใช้ ขณะที่เธอคิดด้วยความรู้สึกปวดใจเช่นนั้นเธอก็ได้มองดูที่มือของตน
มือของเธอนั้นถือว่าเรียบเนียน แม้จะผ่านการทำงานในครัวมา ซึ่งก็ต้องขอบคุณโลชั่นบำรุงที่ฟาร์มาได้มอบให้กับเธอ
ลอตเต้คิดว่าสำหรับเธอแล้วคงไม่อาจจะขออะไรไปได้มากกว่านี้
“ท่านฟาร์มาจะออกจากบ้านเดอ เมดิซิสไปหรือเปล่านะ หากแต่งงานไปแล้ว…บางทีคงจะได้เจอกับท่านฟาร์มาแค่ตอนอยู่ที่ร้านขายยานี้สินะ”
ฮ่าาาา…ลอตเต้ถอนหายใจออกมาจากปากขณะที่กำลังมองไปยังอนาคตอันเย็นเยือกของเธอ ก่อนเธอจะออกไปเล่นหิมะที่อยู่แถวนั้นแทน
ขณะที่ฟาร์มากำลังตรวจอาการของเมโลดี้อยู่นั้นแน่นอนว่าเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเลย ก่อนจะเริ่มอธิบายการรักษาขั้นต่อไป
“ดูเหมือนจะไม่มีทางอื่นแล้วครับ ดังนั้นเราจะทำการใช้ไนโตรเจนเหลวในการรักษา พอเสร็จคุณก็สามารถกลับคฤหาสน์ไปพักผ่อนได้เลยครับ”
ไม่มีวิธีการรักษาโรคหูดผิวหนังแบบอื่นได้เลย ดังนั้นการรักษาที่ดีที่สุดคือการใช้ไนโตรเจนเหลวเพื่อตรึงผิวเอาไว้ให้เนื้อส่วนนั้นตาย จากนั้นเชื้อก็จะค่อยๆถูกกำจัดออกไปทีละนิด ซึ่งการรักษาด้วยไนโตรเจนเหลวนั้นโดยปกติแล้วจะไม่มีการใช้ยาชา แต่แน่นอนว่าอาการปวดจากการใช้นั้นย่อมมีเป็นธรรมดา โดยส่วนสำคัญนั้นอยู่ที่เมโลดี้นั้นเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเพลิงและอาจจะเผลอใช้มันขึ้นมาก็ได้
ดังนั้นหากมีเปลวไฟเกิดขึ้นมา มันอาจจะทำการระเหยไนโตรเจนเหลวทิ้งไปโดยไม่ได้ตั้งใจจนทำให้การรักษาดำเนินต่อไปไม่ได้
“งั้นเหรอคะ”
เมโลดี้ตอบกลับด้วยความสงสัยอยู่
“ต้องการแบบนั้นหรือเปล่าครับ วิธีการนี้อาจจะต้องทนเจ็บกันนิดหน่อยแต่ก็ใช้เวลาเพียงช่วงสั้นๆ หรือหากจะเลือกวิธีที่เจ็บน้อยกว่านี้ก็ได้นะครับ แม้เวลาในการรักษาจะนานขึ้นก็ตาม?”
“ตอนนี้ก็รู้สึกเจ็บมากอยู่แล้วด้วยสิ คงจะดีกว่าถ้ามีวิธีที่ไม่ค่อยจะเจ็บนะคะ”
เมโลดี้รู้สึกกลัวขึ้นมา
“เข้าใจแล้วครับงั้นวันนี้เรามารักษาแบบไม่ค่อยเจ็บก็แล้วกันนะครับ เริ่มจากการใช้ยาชาเลยละกัน”
ฟาร์มาได้ทาลิโดเคนให้กระจายไปทั่วนิ้วมือของเมโลดี้
“ถ้าหากรู้สึกว่ามือมันชาๆ แล้วก็บอกผมด้วยนะครับ เราจะได้เริ่มขึ้นตอนถัดไปกัน”
ฟาร์มาได้เริ่มไปตรวจผู้ป่วยคนอื่นต่อ ขณะที่เมโลดี้ก็นั่งรออยู่มุมให้คำปรึกษา
และในขณะที่ฟาร์มากำลังตรวจผู้ป่วยนั้น มือของเมโลดี้ก็ค่อยๆไร้ความรู้สึกที่ปลายนิ้วไล่ลงมาอย่างช้าๆ
เธอเข้าใจดีว่าฟาร์มานั้นเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือแม้ตัวจะเป็นเด็กก็ตามที
“ฉันรู้สึกว่ายาชาตัวนั้นเริ่มได้ผลแล้วค่ะ”
เมโลดี้ได้ยื่นมาไปให้ฟาร์มา
“เข้าใจแล้วครับ”
ฟาร์มาเดินออกมาจากห้องตรวจ
“ไนโตรเจนเหลว”
ไนโตรเจนเหลว ที่อุณหภูมิ -196 °C ถูกบรรจุไว้ในภาชนะที่ทนต่ออุณหภูมิเยือกแข็ง ก่อนจะทำการจุ่มก้านสำลีลงไปในนั้นแล้วแกว่งมันไปมา นี่เป็นการรักษาด้วยการใช้อุณหภูมิเยือกแข็ง
“ถ้างั้นก็มาเริ่มแช่แข็งมันกันเลยนะครับ”
ฟาร์มาเดินกลับเข้ามาในร้านก่อนจะนำไนโตรเจนเหลวทาไปยังหูดที่มือของเมโลดี้โดยใช้แปรง แม้ว่าการสัมผัสกับไนโตรเจนเหลวเป็นเวลานานนั้นจะสร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างมากแต่หากเป็นช่วงสั้นๆก็จะไม่รู้สึกอะไรมากนัก ยิ่งกว่านั้นเมโลดี้ที่ถูกทายาชาเข้าไป จึงแทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆเลย
“เสร็จแล้วเหรอคะ?”
“ครับ สำหรับตอนนี้เสร็จแล้ว หลังจากนี้อีก 5 วันก็กรุณากลับมาอีกทีนะครับ เราต้องทำการแช่แข็งมันอีกครั้งก่อนมันจะโตขึ้นมาอีก”
การรักษานั้นเสร็จสิ้นแล้ว ฟาร์มาก็ได้มอบชาซึ่งมีผลในการรักษาหูดที่เกิดจากไวรัสให้เมโลดี้
ฟาร์มานั้นได้ผลผลิตจากเมืองมาร์เชลที่เติบโตขึ้นเป็นจำนวนมากมา ทั้งสต๊อกสินค้าภายในร้าน รวมไปถึงชานี้ก็เป็นส่วนหนึ่งในผลผลิตนั้น
“ขอบพระคุณมากเลยนะคะ ตอนนี้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเลยค่ะ”
เมโลดี้กล่าวขอบคุณฟาร์มาและจ่ายค่ารักษาให้
“หวังว่าจะหายไว้ๆนะครับ”
พอเอเลนกลับมาจากการตรวจผู้ป่วย เธอก็พบกับลอตเต้ที่กำลังนั่งอยู่บนบันไดหน้าร้านขายยา
“ลอตเต้จังมาทำอะไรที่นี่เหรอ?”
หน้าร้านขายยานั้นมีตุ๊กตาหิมะที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นจำนวนมากด้วยฝีมือของลอตเต้ พวกมันดูสวยงามมากราวกับมีชีวิต ในทางกลับกันมันก็ส่งผลให้มือของลอตเต้แดงและบวมขึ้นมา
“ตายแล้ว นี่เธอสร้างพวกมันด้วยมือเปล่าทั้งหมดเลยงั้นเหรอ เทพผู้พิทักษ์ของเธอไม่ใช่เทพวารีนะ…..แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ฉันเผลอไปสร้างพวกตุ๊กตาหิมะนี้ขึ้นมาน่ะคะ เลยทำให้มือตอนนี้รู้สึกเจ็บไปหมดเลย”
ลอตเต้ส่งกลิ่นแห่งความเศร้าออกมา
“นี่มันเห็นได้ชัดเลยนะว่ามีอาการหิมะกัดแล้ว…เอาเถอะไม่มีทางเลือก เดี๋ยวฉันจะหาครีมของที่ร้านมาทาให้ น่าจะต้องใช้เวลารักษาประมาณอาทิตย์หนึ่ง”
เอเลนพยายามจะเข้าไปในร้านเพื่อเอายาแต่ลอตเต้ก็ดึงเสื้อคลุมของเธอเอาไว้
“อ๊ะ! เข้าไปข้างในไม่ได้นะคะ ท่านเอเลโอนอร์!”
“เอ๋ ทำไมกันล่ะ?”
“ตอนนี้ท่านเมโลดี้กำลังอยู่ข้างใน…กับท่านฟาร์มาค่ะ.…”
“อ๋อ เขากำลังรักษาเธออยู่สินะ แล้วมันจะเป็นอะไรงั้นเหรอถ้าเข้าไป?”
ลอตเต้รู้สึกลุกลี้ลุกลน
“ท่านฟาร์มาตอนนี้กำลังขอหมั้นอยู่ค่ะ…เพราะงั้นฉันเลยคิดว่าพวกเราไม่ควรจะเข้าไปขัด”
“หาาาา? ขอหมั้น?”
เอเลนถึงกับตะโกนออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อได้ยินคำนั้น
“ฟาร์มาคุงเนี่ยนะจะหมั้น….นี่เขามีคนที่ชอบอยู่แล้วงั้นเหรอ!! ทั้งที่ปกติทำตัวเงียบๆ แบบนั้น”
เอเลนนั้นยังมองว่าฟาร์มาเป็นเด็กอยู่ แต่หากอายุได้ 12 ปีแล้วการจะคิดเรื่องแต่งงานนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
พ่อของเอเลนที่เป็นเอิร์ลนั้นก็ได้พยายามดันให้เธอคิดถึงเรื่องพวกนี้ทีละน้อยอยู่บ้าง นั่นจึงเป็นเรื่องที่วนเวียนอยู่ในใจของเธอเช่นเดียวกัน
“ฟาร์มาคุง เติบโตขึ้นแล้วสินะ”
ในจังหวะนั้นเอง เมโลดี้และพ่อบ้านของเธอก็ออกมาจากร้านขายยา
ตัวเธอนั้นดูร่าเริงและมีความสุขเป็นอย่างมาก จากที่เอเลนและลอตเต้เห็นก่อนจะกล่าวคำลา “ลาก่อนนะคะ ขอบคุณที่คอยดูแลฉันมาโดยตลอดนะคะ”
แล้วเธอก็ขึ้นรถม้ากลับคฤหาสน์ไป
“คิดว่ายังไงบ้างล่ะ?”
เอเลนกระซิบกับลอตเต้
“เธอดูมีความสุขมากเลยค่ะแต่ฉันคิดว่าก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว อ้าาา นี่ท่านเมโลดี้ตอบรับคำขอของท่านฟาร์มาแล้วสินะคะ? ท่านฟาร์มาช่างเป็นสุภาพบุรุษเสียจริงแม้กระทั่งท่านเมโลดี้ก็ยัง..…”
ดูเหมือนวิญญาณของลอตเต้จะลอยออกไปเสียแล้วทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงของฟาร์มาดังมาจากด้านหลังของเธอทั้งสองคน
“ขอบคุณที่ช่วยไปทำธุระให้นะลอตเต้ ว่าแต่ทำไมกลับมาช้าจังครับ? อ่ะ เอเลนก็อยู่ด้วยเหรอ”
“ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอกค่ะ อ่ะ ฉันคิดว่าพวกเด็กๆคงจะมาเล่นกันที่หน้าร้านสินะคะเนี่ย…ดูตุ๊กตาหิมะพวกนี้สิคะ”
ลอตเต้ตกใจกับคำถามจากฟาร์มาและเริ่มหาข้อแก้ตัว
ลอตเต้จังปั้นตุ๊กตาหิมะพวกนี้เยอะเกินไปน่ะสิ เธอเลยถูกหิมะกัดเข้า
“เอ๋… ไหนขอผมดูหน่อยสิ”
ฟาร์มารู้สึกตกใจและเอื้อมมือไปหาลอตเต้
มืออันอบอุ่นของฟาร์มาได้ยื่นเข้าไปจับลอตเต้โดยไม่สนใจหัวใจของเธอที่ได้เยือกแข็งไปแล้ว
“ท่านฟาร์มา ไม่ได้นะคะ! ตอนนี้ท่านมีท่านเมโลดี้อยู่แล้วนะคะ”
ลอตเต้รีบผลักมือของฟาร์มาออกไปเพื่อไม่ให้ตนไปทำร้ายความรู้สึกของเมโลดี้เข้า
“ใช่แล้วฟาร์มาคุง นายไม่ควรจะมาทำตัวแบบนี้แล้วนะ”
เอเลนเห็นด้วยกับลอตเต้
“พวกคุณพูดอะไรกันเนี่ย?”
เมื่อฟาร์มาได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาก็หัวเราะออกมาอย่างน่าอาย ราวกับมันเป็นเรื่องตลก
“ผมก็แค่ตรวจดูมือของท่านเมโลดี้เพราะเธอมีหูดแค่นั้นเอง”
“เอ๋? เป็นเรื่องจริงเหรอคะ?!”
ลอตเต้ที่เชื่อมั่นในตัวฟาร์มาเช่นนั้น ก็เปล่งเสียงออกมาด้วยความยินดี
“แล้วทำไมคุณถึงไปคิดว่าเป็นแบบนั้นได้กัน?”
“ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกค่ะ!”
และในวันนั้นเอง ลอตเต้ที่กำลังอารมณ์ดีอยู่นั้นก็ได้เสิร์ฟของว่างอันแสนหรูหราให้กับคนในร้านได้กินกัน
—-
Note 1 : ผมอาจจะเบลอๆในบางที เห็นตรงไหนแปลกๆเตือนได้นะครับ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913
แถมรูปเหล่าแพทย์โอสถของร้านขายยาต่างโลก