ตอนที่ 139 พี่เข้าหาซูเถาขนาดนั้น เธอรับน้ำใจของพี่ไว้หรือเปล่า
ตอนที่ 139 พี่เข้าหาซูเถาขนาดนั้น เธอรับน้ำใจของพี่ไว้หรือเปล่า
เมื่อกู้หมิงฉือได้ยินสิ่งนี้ น้ำเสียงของเขาก็แสดงถึงความผิดหวัง
“ถานหย่ง นายต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“พี่ต่างหากที่คิดจะสู้กับผม! พี่พูดมาให้ชัดเจนเลยดีกว่า ผมให้พี่เลือกแล้วนะ!”
กู้หมิงฉือกล่าวว่า “นี่ไม่ได้เรียกว่าให้ทางเลือกกับฉัน มันคือการบังคับ ถานหย่ง ฉันให้คำแนะนำนายครั้งสุดท้ายในฐานะเพื่อน นายไม่จำเป็นต้องประกาศตัวเป็นศัตรูกับซูเถา เธอมีของดีมากมายอยู่ในมือ ตอนนี้ทั้งน้ำและน้ำมันมีราคาแพงมาก เราควรมีความสัมพันธ์ที่ดีและบรรลุความร่วมมือกับเธอ ดู ๆ แล้วเหมือนธุรกิจของนายจะแย่ลงกว่าเดิมเล็กน้อย แต่เธอจะสามารถทำให้เราได้ประโยชน์ที่นายคาดไม่ถึง”
ถานหย่งเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าพี่จะตัดสินใจแล้วว่าจะยืนอยู่ฝ่ายไหน”
กู้หมิงฉือเงียบ
ถานหย่งไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาคิดว่าถูกหญิงสาวตัวเล็ก ๆ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผู้ชาย จนทำให้เขาขุ่นเคือง
“กู้หมิงฉือ ผมแนะนำให้พี่คิดอย่างรอบคอบอีกครั้ง ผมสามารถให้รายได้ 20% แก่พี่ที่สถานีเก่า ต่อเดือนพี่ก็จะมีรายได้มากถึงหนึ่งล้านเหลียนปัง ผมเกรงว่า ซูเถาคงไม่ใจกว้างเหมือนผม?”
“อีกอย่าง ผู้ที่มีพลังวิเศษทั้งหมดที่พี่เลี้ยงไว้ ต่างก็ทำงานและเป็นเพื่อนกับผม พี่คิดว่าพวกเขายินดีไปกับพี่ไหม พูดตามตรง ถ้าพี่ไปหาผู้หญิงคนนั้นจริง พี่จะเสียทั้งเงินเสียทั้งคน”
“พี่อย่าให้ผมพูดแรงกว่านี้เลย พี่เข้าหาซูเถาขนาดนั้น เธอรับน้ำใจของพี่ไว้หรือเปล่า”
คำพูดเหล่านี้เหมือนดูถูกกู้หมิงฉือ
“นายอยากตายหรือไง ถ้าไม่อยากตายก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!”
ถานหย่งไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของอีกฝ่ายมาก่อน ซึ่งทำให้เขาภูมิใจเล็กน้อย
“คอยดูเอาเถอะ เมื่อถึงเวลาผมจะแอบโจมตีภูเขาผานหลิว รอดูว่าซูเถาจะเตรียมรับมือไว้หรือไม่ ถ้าไม่ ก็แสร้งทำเป็นว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น และเราจะแบ่งปันสิ่งดี ๆ ที่เราปล้นมาได้ ผมถานหย่ง จะไม่ปฏิบัติต่อพี่ไม่ดีแน่นอน แต่ถ้าเธอมีการเตรียมรับมือ…พี่กู้ก็รับเอาไว้แล้วกัน!”
……
คน 8 คนจากแผนกรักษาความปลอดภัยเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในวันรุ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ซูเถาก็ต้องปวดหัว เพราะอาคารสำนักงานไม่เพียงพอ อาคารสำนักงานเดิมสามารถรองรับได้มากสุด 6 คน
ตอนนี้ไม่เพียงมีพนักงานในแผนกรักษาความปลอดภัยถึง 8 คน แต่คน 6 คนที่มีอยู่แล้วในฝั่งของพื้นที่เพาะปลูกก็ต้องการสำนักงานเช่นกัน
ครั้งที่แล้วเฉียนหลินบอกว่าเธอต้องการรับพนักงานขายเพิ่ม แต่ตอนนี้พื้นที่สำนักงานไม่เพียงพอ
เมื่อคืนก่อน ซูเถาจงใจอยู่ต่ออีกหน่อยเพื่อดูเฉียนหลินและคนอื่น ๆ ทำงาน แค่ดูก็รู้ว่าเธอไม่รอบคอบพอที่จะเป็นเจ้านาย
การเพาะปลูกนั้นแตกต่างจากการทำฟาร์ม ไม่ต้องเจอดินเหลืองทั้งวัน แต่ต้องบันทึกในขณะที่ทำ
ไม่มีโต๊ะและเก้าอี้ พนักงานจึงต้องนอนราบกับพื้นเพื่อเขียนหนังสือ หรือใช้หลังของเพื่อนร่วมงานเป็นโต๊ะเพื่อจดบันทึก
ไม่มีที่จัดเก็บเมล็ดพืชที่จะปลูก ดังนั้นจึงวางไว้ตรงทางเดินชั่วคราว ซึ่งไม่สะดวกเป็นอย่างมาก
ออฟฟิศใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว
ซูเถาไม่รอช้าและเริ่มทำงานในเช้าวันนั้น
เธอไม่อายที่จะหลีกเลี่ยงมันอีกต่อไป ปกติทุกคนจะได้เห็นก็ต่อเมื่อเธอสร้างมันขึ้นมาจากพื้นดินแล้ว อีกทั้งในยุควันสิ้นโลกนี้มีพลังความสามารถเหนือธรรมชาติที่หลากหลาย ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ซูเถาวางแผนที่จะตั้งชื่ออาคารสำนักงานปัจจุบันในเถาหยางว่า ‘อาคารเถาหลี่’ และสร้างอาคารสำนักงานใหม่หน้าเรือนกระจกชื่อว่า ‘อาคารเถาฮวา’
หวังว่า ‘อาคารเถาหลี่’ จะเต็มไปด้วยพลังและความสามารถ
ส่วน ‘อาคารเถาฮวา’ จะสามารถปลูกดอกไม้บานได้ร้อยดอกและมีธัญพืชอุดมสมบูรณ์
อาคารเถาหลี่แต่เดิมมีเพียงสองชั้น เธอเพิ่มเป็นห้าชั้น และแต่ละชั้นยังคงติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
ชั้นแรกยังคงเหมือนเดิม เมื่อเข้ามาก็จะเป็นห้องโถง และเป็นที่ที่ผู้อาวุโสเหม่ยมักมานั่งทำงาน เข้าไปด้านในก็จะมีห้องนิทรรศการซึ่งมีคู่มือผู้เช่าเถาหยางและบางส่วนเป็นภาพถ่ายที่ถ่ายโดยฟ่านฉวนฮุย ทั้งยังมีหมวกทหารของเย่เซี่ยชิง
จากชั้นสองถึงชั้นสี่ ในแต่ละชั้นเป็นห้องทำงานส่วนตัวที่กว้างขวาง ซึ่งมีห้องของตัวซูเถาเอง จวงว่าน ชีอวิ๋นหลัน เฉียนหรงหรงและผู้บริหารคนอื่น ๆ
ชั้นที่ห้าเป็นพื้นที่สำนักงานรวมของแผนกรักษาความปลอดภัยซึ่งรองรับคนทำงานพร้อมกันได้ 8 คน โต๊ะทำงานพร้อมจอมอนิเตอร์ทั้ง 4 ติดตั้งเป็นพิเศษสำหรับการตรวจสอบและติดตามจากกล้องวงจรปิด
หลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้น เมิ่งเสี่ยวป๋อรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นว่าเขาจะมีโต๊ะและเก้าอี้เป็นของตัวเอง เขาพูดอย่างอาย ๆ ว่า
“ผมก็มีเหมือนกันเหรอ ก่อนหน้านี้ในโรงงาน พวกเขาเห็นว่าผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับพวกที่มาก่อกวน พวกเขาไม่มีที่ให้ผมนั่ง พอผมว่าง ผมก็จะนั่งที่บันไดเพื่อคุยกับผู้คน”
ชีอวิ๋นหลันพูดด้วยรอยยิ้ม “คราวนี้มีที่นั่งแล้ว แต่ก็ไม่สามารถมานั่งคุยเล่นได้นะ”
เมิ่งเสี่ยวป๋อพยักหน้ารัว ๆ
แฟนสาวที่อยู่อีกฝั่งสั่งเขาว่า “ระวังด้วย อย่าทำข้าวของพัง ไม่งั้นต้องเดือดร้อนเถ้าแก่ซูเปลี่ยนใหม่อีก แล้วถ้าฉันรู้นะ คืนนี้นายก็อย่าหวังจะนอนบนเตียง”
เมิ่งเสี่ยวป๋อลุกขึ้นเบา ๆ ทันที
ซูเถาหัวเราะเมื่อเห็นอย่างนั้น และโบกมือให้ชายร่างใหญ่ “สร้างเสร็จแล้ว ทุกคนไปดูที่ของตัวเองได้ แล้วมาบอกฉันว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมไหม ไม่ต้องเกรงใจ”
ทุกคนเข้ามาขอบคุณเธอ และไปที่ห้องทำงานใหม่อย่างตื่นเต้น พร้อมเริ่มทำงานด้วยพลังอันยิ่งใหญ่
ซูเถารีบไปที่พื้นที่เปิดโล่งหน้าเรือนกระจก เมื่อพิจารณาว่าพื้นที่ที่นี่ไม่ใหญ่นัก จึงสร้างอาคารเถาฮวาให้เท่ากับอาคารเถาหลี่ด้วยพื้นที่ 100 ตารางเมตร
ทั้งสองอาคารอยู่ติด ๆ กัน ห่างกันไม่มากนัก ตรงกลางเป็นโถงโล่ง ซึ่งสามารถใช้เป็นพื้นที่สำนักงานได้เช่นกัน
เมื่อเข้าสู่อาคารเถาฮวา ชั้นแรกเป็นพื้นที่สำนักงาน มีโต๊ะคอมพิวเตอร์สี่ตัวและเก้าอี้สำหรับเจ้าหน้าที่ด้านการเพาะปลูก
มีชั้นวางของใกล้ผนังสำหรับช่างในการจัดเก็บและบันทึกข้อมูล
ถัดไปทางซ้ายคือห้องทำงานส่วนตัวที่จัดเตรียมไว้สำหรับเฉียนหลินและอู๋เจิ้นโดยเฉพาะ มีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน มีความสว่างมากและสามารถมองเห็นเรือนกระจกด้านนอกได้
ด้านขวามือเป็นห้องน้ำชาย
พื้นที่ตรงกลางชั้น 2 เป็นพื้นที่สำนักงานรวม มีห้องน้ำหญิงอยู่ด้านขวาและระเบียงเล็ก ๆ ทางด้านซ้าย สามารถออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เพื่อพักผ่อนยามเหนื่อยล้าจากการทำงาน
ชั้น 3 เป็นห้องประชุม ทางด้านซ้ายเป็นห้องประชุมเล็ก 4 ห้อง ใช้ประชุมได้ 2-4 คน
ส่วนห้องประชุมขนาดใหญ่ 2 ห้องอยู่ทางด้านขวา สามารถรองรับได้ 6-8 คน
และชั้นที่สี่มีไว้สำหรับเก็บเมล็ดพันธุ์
กระเป๋าเงินของซูเถาไม่เพียงว่างเปล่าหลังจากการก่อสร้างเสร็จสิ้น แต่เวลายังล่วงเลยไปถึงช่วงบ่ายอีกด้วย เฉียนหลินต้องมาเตือนให้เธอหาอะไรกิน
“นี่มันบ่ายสามโมงแล้ว เถ้าแก่ใหญ่ของฉันรีบไปหาอะไรกินแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อเถอะ ไม่ต้องห่วง พวกเราสามารถทำงานต่อไปได้ และจะไม่ล่าช้าอย่างแน่นอน”
ซูเถาเริ่มรู้สึกเหนื่อยและหิวจริง ๆ ดังนั้นจึงพูดอย่างรวดเร็ว
“เรื่องล่าช้าฉันไม่กังวลหรอกค่ะ ฉันแค่กลัวว่าในวันที่มีอากาศร้อนและอุณหภูมิสูงแบบนี้พวกคุณจะป่วยจากการทำงาน แต่ว่าตอนนี้ฉันสร้างอาคารเสร็จแล้ว ทุกชั้นมีเครื่องปรับอากาศ พวกคุณไปดูได้เลยนะ ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมพรุ่งนี้ก็ให้มาบอกฉันได้ ฉันขอตัวกลับไปนอนก่อน ฉันเหนื่อยจะตายแล้ว”
เฉียนหลินเห็นว่าเธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสำรวจอาคารหลังใหม่ ดังนั้นเธอจึงรีบขอให้ซูเถากลับไปพักผ่อน
เมื่อเฉียนหลินกลับมาอีกครั้ง พนักงานทุกคนก็ย้ายเข้าไปอาคารใหม่แล้ว และยังเห็นอู๋เจิ้นโบกมือให้เธอจากระเบียงบนชั้นสอง
“ผู้จัดการเฉียน ห้องทำงานส่วนตัวของคุณอยู่ห้องแรกด้านซ้ายมือของชั้น 1 นะ ผมตรวจสอบให้คุณแล้ว! ห้องทำงานไม่ได้มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้เท่านั้น แต่ยังมีโซฟาขนาดเล็กกับโต๊ะน้ำชาสำหรับพักผ่อนอีกด้วย และยังติดตั้งตู้กดน้ำให้คุณอีกด้วยนะ”