ตอนที่ 140 ภูเขาผานหลิวมีของดีจริง ๆ
ตอนที่ 140 ภูเขาผานหลิวมีของดีจริง ๆ
เฉียนหลินผงะไป เธอรีบเดินเข้าไปเพื่อสำรวจ ห้องทำงานของเธอไม่เพียงมีสิ่งที่อู๋เจิ้นพูดเท่านั้น แต่ยังมีตู้กระจกแบบแขวนซึ่งมีชาหอมกลิ่นโปรดของเธออยู่ด้วย
เธอรู้สึกประทับใจกับความเอาใจใส่พนักงานที่เจ้านายของเธอมอบให้ ซูเถาจำความชอบของเธอได้อย่างดีและเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้สำหรับเธอ
เธออดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าหลังเลิกงาน เธอนั่งอยู่บนโซฟาในห้องทำงานส่วนตัว นั่งตากเครื่องปรับอากาศเย็น ๆ จิบชาหอมกรุ่น แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพื้นที่เพาะปลูกและเรือนกระจกที่อุดมสมบูรณ์…
ช่างมีความสุขจริง ๆ!
ในขณะเดียวกัน เฉียนหลินรู้สึกว่าเธอไม่มีความสามารถมากพอที่จะได้ใช้ชีวิตเช่นนั้นในวันสิ้นโลกแบบนี้
ในเวลานี้ อู๋เจิ้นเรียกเธออย่างตื่นเต้นที่ประตู
“ผู้จัดการเฉียน ผมแนะนำให้คุณไปดูบนชั้นสอง กว้างขวางและทิวทัศน์ดีมาก ถ้ามีเวลาผมจะปลูกดอกท้อที่นี่ เพื่อให้สอดคล้องกับชื่ออาคารของเรา ที่ชั้นสามเป็นห้องประชุม มีโทรทัศน์ติดผนังซึ่งไม่เพียงเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่ยังสามารถเชื่อมเข้ากับเครื่องมือสื่อสารได้อีกด้วย”
หลังจากพูดถึงเรื่องนี้เขาก็แอบเสียใจ ถ้าหมิ่นต๋ากับภรรยาของเขาได้มีโอกาสอยู่ที่เถาหยางด้วยคงจะดีไม่น้อย
พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งโอกาสได้เห็นสถานที่ที่สวยงามเช่นนี้
คนงานอีกหลายคนก็พูดคุยกับเฉียนหลินเกี่ยวกับประโยชน์ต่าง ๆ ของอาคารเถาฮวา
นอกจากนี้ แต่ละคนก็ยังถ่ายรูปและโพสต์ในกลุ่ม โดยหวังว่าจะให้คนทั่วโลกรู้ว่าสภาพแวดล้อมของสำนักงานในเถาหยางนั้นดีแค่ไหน
เฉียนหลินหยุดพวกเขา “เอาล่ะ พอแล้ว ๆ เดี๋ยวไว้เลิกงานฉันไปดู พวกคุณรีบไปทำงานเถอะ ไม่ใช่ว่าเถ้าแก่ซูให้สภาพแวดล้อมในการทำงานดีแบบนี้แล้วจะแอบอู้งานกันล่ะ”
ทุกคนรู้ว่าเธอล้อเล่น พวกเขาจึงตอบรับอย่างมีความสุขและรีบไปทำงาน
หลังจากซูเถากินข้าวเสร็จ เธอก็กลับไปนอน เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งท้องฟ้าก็มืดแล้ว
เธอหาวและเดินออกมาจากห้อง ก็เห็นหลินฟางจือนอนอยู่บนโซฟา พร้อมกับจ้องมองผลึกนิวเคลียสสองชิ้นที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกาแฟด้วยความงุนงง
ซูเถาถามเขาว่า “นายมีความรู้สึกแปลก ๆ อีกแล้วเหรอ”
หลินฟางจือเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างเฉยเมยและพูดว่า “มีตลอด เถา ช่วยด้วย เอาออกไปได้ไหม”
ซูเถาประคองหน้าของเขา “ฉันเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้ เฮยจือหม่าจะมาเล่นเอาได้ มันชอบผลึกนิวเคลียสมาก ถ้าฉันทำมันหาย ฉันคงร้องไห้เสียใจมาก ก็เลยต้องขอให้นายช่วยเก็บเอาไว้”
ครั้งล่าสุดที่เธอแอบไว้ชั้นในสุดของตู้ เฮยจือหม่าก็หามันจนพบ ดีที่เธอเห็นทันเวลา ไม่งั้นมันคงจะหายไปไหนแล้ว
มันออกไปเที่ยวในป่าทุกวัน ถ้ามันออกไปจากเถาหยาง ก็คงไม่สามารถนำกลับมาได้
เมื่อหลินฟางจือได้ยินว่าเธอกำลังจะร้องไห้ เขาก็วางมันทันที “ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้องไห้”
ซูเถาถอนหายใจและแกะขนมให้เขากิน
“ฉันขอให้พี่เผยสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นายเจอแล้ว ฉันขอโทษที่ทำให้นายรู้สึกไม่สบายใจ”
หลินฟางจือยืนพิงเธอและส่ายหัว เขาอาจจะต้องการพูดว่าไม่ต้องขอโทษ
ซูเถาลูบหัวเขาและเปลี่ยนเรื่องคุย “ช่วงนี้นายเรียนกับอาจารย์เสี่ยวเซิ่งเป็นยังไงบ้าง”
หลินฟางจือเล่าให้เธอฟัง “ผมเรียนพินอินเสร็จแล้ว กำลังเรียนลำดับขีด”
ขณะที่เขาพูด เขาขอให้ซูเถายื่นมือออกมาและเขียนพินอินของคำว่า “เถา” ลงบนฝ่ามืออย่างระมัดระวัง
ซูเถารู้สึกประหลาดใจและชมเชยเขา “เก่งมาก ฟางจือเก่งจริง ๆ เลย”
การสอนของเซิ่งอวี๋หลันนั้นดีจริง ๆ ในระยะเวลาสั้น ๆ เธอสามารถสอนเขาได้มากมาย เธอคงต้องส่งซองแดงเป็นโบนัสให้อีกฝ่ายเสียแล้ว
ทั้งสองโต้ตอบกันในเรื่องพินอินอยู่พักหนึ่ง และจู่ ๆ ชีอวิ๋นหลันก็เรียกเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เถ้าแก่ซู ฉันไม่คาดคิดเลยว่าในวันแรกที่เราเริ่มงาน เราจะพบคนน่าสงสัยสามคนที่อ้างว่าเป็นกองคาราวานขนาดเล็กจากทางเหนือ พวกเขาเข้ามาก็เอาแต่ถาม ๆ แต่ว่าไม่ซื้อ เขาบอกราคาน้ำมันกับค่าจอดรถนั้นสูงเกินไป มันน่าสงสัยจริง ๆ ที่พวกเขาเอาแต่ถามเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงกับน้ำสำรอง”
“พวกเขาบอกว่าขอให้ส่งคนไปคุยกับพวกเขา โดยบอกว่าพวกเขาต้องการคุยเรื่องธุรกิจ แต่ทั้งสามคนก็เอาแต่หลบสายตาและมีความลังเล”
หลังจากพูดจบ ก็มีการส่งภาพกล้องวงจรปิดซึ่งระบุลักษณะของผู้ต้องสงสัย
ชีอวิ๋นหลันกล่าวต่อ
“ฉันยังไม่อยากทำให้ไก่ตื่น ดังนั้นฉันเลยมาถามคุณก่อนว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้ยังไง จะขับไล่พวกเขาออกไปหรือจับพวกเขามาสอบปากคำ”
ซูเถาคิดทันทีว่าพวกเขาอาจถูกส่งมาจากสถานีเก่าเพื่อค้นหาความจริง เธอจึงพูดว่า
“ไม่จำเป็น ไม่ต้องสนใจพวกเขา หากในอนาคตมีกรณีที่น่าสงสัยแบบนี้อีก รายงานฉันได้เลย ผู้ที่เข้าข่ายอันตรายหรือก่อวินาศกรรมร้ายแรง คุณขอให้พวกของเสี่ยวป๋อขับไล่พวกเขาหรือจับกุมพวกเขาได้เลย”
ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าทั้งสามคนนี้ถูกถานหย่งส่งมาเพื่อค้นหาความจริง
เมื่อถานหย่งได้รับแจ้งข่าว เขาจ้องมองไปที่เครื่องมือสื่อสาร และเลือดก็ขึ้นหน้าทันที
ชวีจิ้งอวิ๋นถามด้วยความสงสัย “เหล่าต้า คุณค้นพบอะไร”
มือของถานหย่งสั่น ในที่สุดเขาก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา
“กู้หมิงฉือไม่ได้โกหกฉัน ที่ภูเขาผานหลิวมีของดีจริง ๆ”
หลังจากพูดจบ เขาก็โยนเครื่องสื่อสารให้ชวีจิ้งอวิ๋นดูด้วยตัวเอง
ชวีจิ้งอวิ๋นรับไว้ จากนั้นเมื่อเธอเห็น ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
“เป็นไปได้ยังไง? เธอสามารถทำรายได้จากการขายน้ำมันราคาถูก ๆ ได้ด้วยเหรอ? การแจกน้ำคนละขวดเพื่อเป็นของขวัญก็เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ? บ้าไปแล้ว ทำธุรกิจเป็นหรือเปล่า?”
หลังจากที่เธอพูดจบ เมื่อเธอเห็นการตกแต่งภายในของห้องเดี่ยวและห้องคู่ของภูเขาผานหลิวก็หุบปากทันที
สภาพแวดล้อมนี้ดีกว่าสถานีเก่าเป็นพันล้านจุด…
ถานหย่งเริ่มหงุดหงิด เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด
“จำนวนคนที่พักอยู่ในภูเขาผานหลิวในหนึ่งวันอาจจะเจ็ดสิบหรือแปดสิบคน และแต่ละคนก็ได้รับน้ำหนึ่งขวดต่อวัน… เธอใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อประกาศสงครามกับเรา นอกจากนี้เธอยังมีห้องอาหารด้วย ได้ข่าวมาว่าที่นั่นมีผัดผักสด ๆ ทุกวัน ทั้งยังไม่แพงอีกด้วย”
ชวีจิ้งอวิ๋นพูดไม่ออก เธออึ้งไปเป็นเวลานาน เธอรู้สึกเจ็บใจ
เธอทำงานที่สถานีเก่ามาหลายปี ต้องอดหลับอดนอนและในที่สุดเธอก็ได้ตำแหน่งนี้มา แต่สุดท้ายกลับไม่ได้กินดีอยู่ดีเหมือนลูกค้าที่ภูเขาผานหลิว
เธอเจ็บใจมากจนหายใจไม่ออก
ถานหย่งสูบบุหรี่สามมวนติดต่อกัน ในที่สุดก็ขยี้ก้นบุหรี่แล้วพูดด้วยความคับแค้นว่า
“ครั้งนี้เราจะเป็นโจร คงจะเสียดายแย่หากไม่คว้าของดี ๆ แบบนี้เอาไว้! จิ้งอวิ๋นไปหารายชื่อผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังของเรามา”
ชวีจิ้งอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“รวมคนของกู้หมิงฉือด้วยไหม เขาเลี้ยงดูผู้ที่มีพลังวิเศษจำนวนมากเอาไว้ ฉันคิดว่าพวกเขาล้วนเป็นคนดี และพวกเขาต่างก็มีความสามารถในการต่อสู้มาก ถ้าไม่เช่นนั้นเราอาจมีกำลังคนไม่เพียงพอ”
การรับรู้ของเธอเกี่ยวกับภูเขาผานหลิวนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ที่นั่นมีของดีมากมาย เสมือนว่ามีอภินิหารคอยปกปักรักษาอยู่
แม้ว่ากู้หมิงฉือจะแอบเป็นคนใจร้าย แต่เขาก็ยังมีคนที่มีความสามารถมากมายอยู่ในมือ และเขาได้ช่วยเหลือสถานีเก่าไว้มาก ถ้าได้คนของเขา โอกาสในการทำลายภูเขาผานหลิวก็จะสูงขึ้น
หน้าของถานหย่งเข้มขึ้น “ไม่ต้องการคนของเขา! ถ้ามีคนไม่พอ ก็ไปจ้างพวกทหารรับจ้าง หาเวลาคุยกับพวกเป้าถูดู แม้ว่าพวกเขาจะบ้าไปหน่อย แต่พวกเขาก็แข็งแรงและมีพละกำลัง ถ้าพวกเขาไม่ต้องการเงิน แค่บอกพวกเขาว่าจะแบ่งปันผลประโยชน์ที่ภูเขาผานหลิวให้พวกเขา 40%”