บทที่ 133 ฮีโร่

บทที่ 133 ฮีโร่

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?

โจวอี้จ้องมองคนทั้งสี่ที่นอนอยู่บนพื้น เขาอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้จะพูดอะไร

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนจากโรงเรียนอนุบาลนานาชาติเหิงปางซื่อมาถึงในไม่ช้าพร้อมกับเหล่าผู้ปกครองของเด็กนักเรียนที่อยากจะให้ความช่วยเหลือ แม้แต่แม่ของเด็กน้อยเองก็มาถึงที่นี่แล้ว

ทุกคนมองโจวอี้เหมือนสัตว์ประหลาด ยกเว้นเพียงแม่ของเด็กชายคนนั้น

โจวอี้ไม่เพียงแต่หยุดรถตู้ได้สำเร็จ แต่ยังทำให้เกิดสถานการณ์นี้ด้วย

นั่นก็คือล้มสี่คนได้ด้วยมือเปล่า!

จะมีสักกี่คนที่ทำได้เหมือนซูเปอร์แมน?

เฉินซานจินมองไปที่โจวอี้ด้วยความกลัวอย่างมาก

เขาเคยอยู่ในกองทัพมาก่อน เข้าร่วมภารกิจมาแล้วมากมาย ด้วยสายตาเฉียบคมและสังหรณ์อันแม่นยำของเขา เขายังแทบจะไม่อยากเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งได้ถึงระดับนี้

ด้วยความเร็วของรถตู้และสภาพถนนในปัจจุบัน คนโง่เท่านั้นที่จะฝันว่าจะสามารถวิ่งให้ทันสี่ล้อได้ด้วยสองขา เว้นแต่จะบินมาที่นี่ล่วงหน้าด้วยปีก

เฉินซานจินมองไปที่ผู้หญิงที่กำลังร้องไห้อยู่กับลูกชายของเธอ ก่อนจะมองไปที่โจวอี้ซึ่งทำอะไรไม่ถูก เขาเข้ามาหาและถามอย่างระมัดระวัง “คุณโจว… คุณโจว คุณเป็นอะไรไหม”

“ไม่ ผมไม่เป็นอะไร!” โจวอี้ส่ายหัว พลางคิดว่าเรื่องนี้มันคงเป็นความขัดแย้งในครอบครัวเท่านั้น

เฉินเยว่ฉินผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลนานาชาติเหิงปางซื่อรีบเข้ามาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ขณะที่ตำรวจจากสถานีตำรวจใกล้ ๆ ก็มาถึงตามลำดับ

หลังจากการสอบถาม ในที่สุดคนทั้งหลายก็เริ่มเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“หมอโจว คุณทำให้พวกเขาสลบไปหรือ” เฉินเยว่ฉินถาม

“หลังจากที่ผมอุ้มเด็กมา พวกเขาก็โจมตีผม ผมเลยทำให้พวกเขาหมดสติ” โจวอี้อธิบาย

“ยอดเยี่ยม!” เฉินเยว่ฉินยกนิ้วให้

“แข็งแกร่งมาก! คุณสามารถทำให้คนพวกนี้กระเด็นออกไปได้ทั้งหมดด้วยการชกแค่สี่ครั้ง พลังนี้แข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์การต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดในสถานีตำรวจของเราซะอีก” เจิ้งเจี้ยนหมิงรองผู้กำกับสถานีตำรวจซึ่งเป็นผู้นำทีมมองที่โจวอี้ด้วยสายตาที่ซับซ้อน

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เจอโจวอี้

ครั้งที่แล้ว ถึงแม้จะเป็นความเข้าใจผิด แต่พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพวกนั้นก็โดนโจวอี้เล่นงานซะน่วม

ตอนนี้เกรงว่าพวกที่นอนอยู่บนพื้นนี้อาการคงไม่ดีมากนัก กระดูกแก้มยุบ และพวกเขายังหมดสติไป ช่างน่าสังเวชจริง ๆ

“รองผู้กำกับเจิ้ง คุณสอบถามแม่ของเด็กคนนั้นแล้วหรือยัง” โจวอี้ถาม

“ถามแล้ว สามีเป็นคนลักพาลูกไป พวกเขาหย่าร้างกันแล้ว แต่ชายคนนั้นอ้อนวอนขอดูแลลูกหลายครั้ง แต่ฝ่ายแม่ไม่ยินยอม ผลก็คือฝ่ายชายจึงลงมือทำเช่นนี้” เจิ้งเจี้ยนหมิงยิ้มอย่างขมขื่น

“รองผู้กำกับเจิ้ง มันไม่ใช่การทะเลาะวิวาท หวังว่าคุณคงเข้าใจ” โจวอี้รีบอธิบาย

“ใช่ คนอื่น ๆ ได้ให้การเป็นพยานแก่คุณแล้ว” เจิ้งเจี้ยนหมิงพยักหน้า

“ฮ่าฮ่า…”

โจวอี้หัวเราะและพบว่าแม่ของเด็กเข้ามาหาเขาพร้อมกับเด็กในอ้อมแขน

อีกฝ่ายยังคงมีน้ำตาอาบหน้า เธอมาหาโจวอี้และโค้งกายขอบคุณ “ขอบคุณมาก ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันเกรงว่าฉันคงไม่ได้เห็นลูกชายของฉันอีก ไอ้สารเลวนั่นขู่ฉันก่อนหน้านี้ว่าถ้าฉันไม่ให้ลูกชาย เขาจะพรากลูกชายของฉันไป และไม่ให้ฉันได้เจอลูกชายอีก…”

โจวอี้โบกมือและห้ามผู้หญิงคนนั้นไม่ให้พูดต่อ

“เรื่องครอบครัวคุณไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย อันที่จริงถ้าผมรู้ล่วงหน้าว่าเป็นพ่อของเด็กที่ลงมือลักพาตัวไป ผมคงไม่สอดมือเข้ามายุ่งแน่ ดังนั้นไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ตอนนี้ผมปราบคนพวกนี้ให้แล้ว ผมจะขอบคุณมากถ้าพวกคุณไม่รบกวนผมอีกหลังจากนี้ แต่ถ้ากล้ามาตอแยเอาคืนผมละก็ คุณจุดธูปไว้อาลัยให้อดีตสามีของคุณได้เลย” โจวอี้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

“ฉัน…” ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้จะพูดอะไรทันที

เธอรู้นิสัยของอดีตสามีเป็นอย่างดี และชายคนนี้ก็ได้ช่วยเธออย่างกล้าหาญ ทำลายแผนการของอดีตสามีเธอไป ซึ่งนั่นเขาอาจถูกแก้แค้นได้ในอนาคต

เจิ้งเจี้ยนหมิงพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าพวกเขากล้าทวงแค้น ฉันจะส่งพวกเขาเข้าคุกเอง”

“ผมเชื่อคุณตำรวจครับ” โจวอี้หัวเราะทันที

เจิ้งเจี้ยนหมิงกลอกตาให้โจวอี้ เขาคิดว่าไอ้หนุ่มคนนี้เป็นตัวดึงดูดปัญหาแท้ ๆ

ตำรวจได้ทำบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร และนำผู้บาดเจ็บที่หมดสติทั้งสี่คนส่งโรงพยาบาล

ทว่าโจวอี้ก็ยังถูกวิจารณ์

เพราะแม้ว่าเขาจะแสดงออกอย่างกล้าหาญ แต่บางคนก็เห็นว่าเขาหนักมือเกินไป

เวลานี้ฝูงชนแยกย้ายกันไปแล้ว และโจวอี้ก็เดินตามฝูงชนกลับไปที่โรงเรียนอนุบาล

ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาล เฉินเยว่ฉินไม่คิดว่าโจวอี้ทำอะไรผิด ท้ายที่สุดแล้วเด็กคนนั้นก็เป็นนักเรียนของโรงเรียนอนุบาลและถูกลักพาตัวที่ประตูโรงเรียน การที่โจวอี้ช่วยเด็กน้อยคนนั้นได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างมาก

“หมอโจว คุณคือฮีโร่!” เฉินเยว่ฉินกล่าวพร้อมยกนิ้วให้

ฮีโร่?

โจวอี้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนพูดแบบนี้กับเขา

ในอดีต ผู้คนเรียกเขาว่านายน้อยแห่งภูเขาชางหลาง แม้แต่ลูกสาวของเขาก็เรียกเขาว่าซูเปอร์แมน

“ผู้อำนวยการเฉิน เหมียวเหมี่ยวเข้าโรงเรียนไปแล้วหรือยัง” โจวอี้ถาม

“ครูใหญ่พาเธอไปที่ห้องเรียนแล้ว ว่าแต่คุณขนกล่องเก็บอุณหภูมิมาที่นี่ทำไมตั้งมากมาย?” เฉินเยว่ฉินสงสัย

“ก็วันนี้ไม่ใช่ว่ามีการจัดประชุมผู้ปกครองในชั้นเรียนของเหมียวเหมี่ยวเหรอครับ! ครอบครัวของผมไม่เคยเข้าร่วมการประชุมผู้ปกครองมาก่อน ดังนั้นเรารู้สึกว่าต้องเตรียมของขวัญให้ทุกคนในฐานะที่เราเข้าร่วมเป็นครั้งแรก เราทำขนมมาให้กับเหล่าผู้ปกครองและครูทั้งหลายได้ลองชิม” โจวอี้ยิ้ม

“หมอโจว โรงเรียนมีกฎห้ามเด็กกินของที่คนนอกโรงเรียนนำเข้ามาในโรงเรียนอนุบาล” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว

“ผมจะเป็นคนนอกได้ยังไง ลูกสาวของผมเป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ ดังนั้นผมที่เป็นผู้ปกครองจึงถือได้ว่าไม่ใช่คนนอก การที่ผมเตรียมเค้กสำหรับเด็ก ๆ ครู และผู้ปกครองทั้งหลายไม่ควรมีปัญหาอะไรจริงไหม” โจวอี้แย้งกลับด้วยรอยยิ้ม

“…”

ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงกับพูดไม่ออกหลังจากที่ได้ฟังคำพูดของโจวอี้

ถ้าโจวอี้ไม่สร้างผลงานช่วยเหลือนักเรียนที่โดนลักพาตัว พวกเขาอาจจะเพิกเฉยต่อคำพูดของโจวอี้ แต่ตอนนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลบอกว่าคนคนนี้คือฮีโร่ วีรบุรุษที่อุตส่าห์ทำเค้กมาให้ด้วยตัวเองแบบนี้ พวกเขาจะปฏิเสธน้ำใจได้อย่างไร? เขาไม่อาจทำให้ฮีโร่เสียหน้าได้!

“ก็ได้! งั้นฉันจะยกเว้นไปสักครั้งเพื่อเห็นแก่หน้าหมอโจวที่ลงมือทำเค้กด้วยตัวเองก็แล้วกัน” ท้ายที่สุดเฉินเยว่ฉินก็ยินยอม

“เยี่ยมเลย ผมทำเค้กมาเยอะแยะทีเดียว” โจวอี้ยิ้ม