ตอนที่ 163 ลงมือ
“ฉู่เกินฮูหยิน เจ้าอยากตายหรือ? จู่ๆมาขวางหน้าเกวียนวัวเช่นนี้ หากเกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษคนแก่อย่างข้านะ!”
เป็นครั้งแรกที่ฉู่เกินฮูหยินถูกเขาต่อว่าแต่นางไม่กล้าโกรธ
“ลุงเฉิน ขอข้าเข้าไปในเมืองด้วยเถิด ข้าขอร้องล่ะ! อย่างไรท่านก็พาเตืออันไปคนเดียว พาข้าไปด้วยอีกคนคงไม่เป็นไรหรอก ข้าจ่ายค่าโดยสารให้ท่านก็ได้”
ลุงเฉินเหลือบมองนาง แม้ว่าหญิงผู้นี้จะไม่ค่อยน่าไว้ใจนัก แต่ถ้าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังไม่ยอมช่วยนางก็ดูจะไร้ความปราณีไปหน่อย
“เรื่องนี้ถามข้าไม่ได้หรอก เกวียนของข้าหัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนจ้าง หากเต๋ออันยินยอมเจ้าก็ขึ้นมาได้!”
เมื่อฉู่เกินฮูหยินได้ยินก็พอใจมาก ด้วยรู้ดีว่าเต๋ออันผู้นี้ถึงจะถูกเลี้ยงดูโดยหัวหน้าหมู่บ้านแต่เขาก็ขี้อายมาก แม้จะหาสูตรลับจากเขาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่เสียเงินค่าเกวียน
“เช่นนั้นก็ขอบคุณลุงเฉิน
ฉู่เกินฮูหยินนั่งพิงเกวียนวัวรอ
ในที่สุดเพื่ออันลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินออกจากประตูมาที่เกวียนวัว
“ลุงเฉิน พวกเราไปกันได้แล้ว”
เต๋ออันชําเลืองมองฉู่เกินฮูหยินที่ยังนั่งพิงเกวียนอยู่ด้วยความระแวดระวัง
ก่อนหน้านี้เขาถูกแม่รั้งเอาไว้และบอกเล่าให้ฟังอย่างละเอียด เขาต้องคอยระวังฉู่เกินฮูหยิน นางผู้นี้ไม่ได้มีเจตนาดีและกําลังสอบถามสูตรเนื้อตากแห้งไปทั่ว
เมื่อฉู่เกินฮูหยินเห็นสายตาของเต๋ออัน นางก็รู้ว่าภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านต้องปากมากเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังแล้ว นางรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ในใจ สงสัยไม่เพียงแค่รักษาผลประโยชน์ให้นังผู้หญิงคนนั้น? แต่ยังยินดีเป็นสุนัขรับใช้ด้วย!
“เต๋ออัน อย่างไรข้าก็เป็นคนในหมู่บ้าน ข้ามีเรื่องด่วนต้องเข้าไปในเมือง ขอขึ้นเกวียนไปด้วยไม่ได้หรือ?”
เตืออันยังคงมองฉู่เกินฮูหยินอย่างระแวดระวัง ในความคิดของเขาปกติหญิงผู้นี้ไม่ใช่คนที่พูดจาดีเท่าไหร่นัก
“ข้าเพียงแค่นั่งไปด้วย เจ้าไม่ต้องเสียอะไรเลย อย่างน้อยครั้งหนึ่งเจ้าก็เคยเรียกข้าว่าน้า ตอนเจ้าเป็นเด็กข้ายังเคยอุ้มเจ้าอยู่เลย เจ้าคงไม่ปฏิเสธคําขอเล็กน้อยนี้ใช่หรือไม่?”
แม้ว่าเต๋ออันจะลังเลแต่ก็จําต้องพยักหน้า หากเขาไม่ยินยอมเกรงว่าฉู่เกินฮูหยินผู้นี้จะสร้างปัญหาให้พ่อแม่ของเขาได้
เขาได้แต่กัดฟันทนอยู่เงียบๆ ไม่ว่าฉู่เกินฮูหยินจะกล่าวสิ่งใดเขาก็เมินเฉยต่อนางเพียงเท่านี้นางก็ไม่สามารถทําอะไรได้
เขารับรู้ได้ว่าหญิงผู้นี้มีเจตนาไม่ดี เมื่อขึ้นมาบนเกวียนก็เอาแต่ถามถึงสิ่งที่เขาต้องทําในทุกวันและของที่ต้องซื้อในเมือง ทั้งยังถามอีกว่าเขารู้วิธีทําเนื้อตากแห้งหรือไม่และมันอร่อยจริงหรือ?
แม้ว่าเต๋ออันจะหงุดหงิดแต่เขาก็ทําได้เพียงตอบไปครั้งสองครั้ง อย่างไรก็ตามฉู่เกินฮูหยินไม่มีทางได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากของเขา
เมื่อเห็นความซื่อตรงของชายหนุ่ม สีหน้าของฉู่เกินฮูหยินก็ทิ้งตึง
“เต๋ออัน อย่างน้อยเจ้าก็ควรเรียกข้าว่าน้า ถึงแม้จะไม่ใช่ญาติโดยตรงแต่ก็ยังมีความสัมพันธ์นี้อยู่ ตอนนี้น้าของเจ้าเพียงถามคําถาม แค่ตอบข้าไม่ต้องเสียเนื้อแม้แต่ชิ้นเดียว!”
เต๋ออันโกรธจนหน้าเขียว แม้เขาจะเป็นคนชื่อแต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่!
“ท่านน้ากล่าวอะไร? ข้าย่อมไม่กล้าหลงลืมท่านน้า แต่หน้าที่ของข้าคือต้องทํางานให้แม่นางหยุน ข้าไม่สามารถบอกเรื่องของนางให้ผู้อื่นรับรู้ได้! หากข้ากินข้าวของนางแล้วยังขายนางลับหลังอีก ข้าจะมีหน้าอยู่บนโลกนี้ได้หรือ?”
สีหน้าของฉู่เกินฮูหยินมืดมนมากยิ่งขึ้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร? มันก็แค่คําถาม เหตุใดเจ้าถึงพูดว่าต้องขายนางลับหลัง? น้าก็แก่มากแล้วแค่อยากลองกินเนื้อตากแห้งแต่ไม่อยากเสียเงินซื้อ จึงถามเพราะอยากทําเอง!”
“เหตุใดท่านน้าถึงเสแสร้งเช่นนี้? ท่านคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าในใจของท่านคิดสิ่งใด? มาก่อกวนข้าอย่างนี้จะมีประโยชน์อันใด? ข้าต้องไปทํางาน ไม่มีเวลามาพูดพล่ามกับท่าน!”
เมื่อเตืออันกําลังจะเดินผ่านฉู่เกินฮูหยินไป นางก็ก้าวมาขวางทางเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
ลุงเฉินไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป “ฉู่เกินฮูหยินเจ้าช่างดื้อรั้นนัก ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าเจ้ามีความแค้นกับแม่นางหยุน? ไม่ว่าเจ้าคิดจะทําอะไร แต่สิ่งที่แม่นางหยุนกําลังทําอยู่ตอนนี้ก็เพื่อประโยชน์ของชาวบ้าน! หากเจ้ายังพอมีเหตุผลอยู่บ้างก็อย่าเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้ากล้าทําเรื่องโง่ๆ ข้าจะกลับไปบอกผู้เฒ่าให้เขาขับไล่เจ้าออกจากหมู่บ้า นเสีย!”
ฉู่เกินฮูหยินจ้องมองชายชราอย่างเคียดแค้น เตืออันจึงรีบฉวยโอกาสนี้หนีไป
ฝ่ายฉู่เกินฮูหยินนั้นรีบตามเต๋ออันไปอย่างใกล้ชิดเพื่อคอยดูของที่เขาหาซื้อ
หลังจากซื้อของครบแล้วก็มัวแต่ยุ่งกับการขนขึ้นเกวียนลุงเฉิน และเต๋ออันวุ่นวายมากจนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ําว่ามีหญิงผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลังพวกเขา
เมื่อพวกเขามาถึงประตูเข้าเมือง ฉู่เกินฮูหยินคิดว่านางทนรอไม่ไหวแล้วจึงพุ่งเข้าไปหยุดที่หน้าเกวียนวัวอย่างรวดเร็ว!
“ลุงเฉินรอข้าด้วย ข้าต้องนั่งเกวียนหัวกลับหมู่บ้าน”
ที่จริงลุงเฉินไม่อยากสนใจหญิงผู้นี้ แต่ฉู่เกินฮูหยินวิ่งมาขวางเกวียนวัวต่อหน้าผู้คนมากมาย เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุด นางจึงฉวยจังหวะนี้รีบบินขึ้นเกวียนวัวโดยที่ลุงเฉินไม่มีโอกาสได้ทัดทาน
เต๋ออันมองเห็นความลําบากใจของลุงเฉิน จึงทําได้เพียงพูดเกลี้ยกล่อม “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะโยนนางลงไป ตอนนี้โรงงานยังรอของอยู่ พวกเรารีบกลับหมู่บ้านกันเถิด”
ลุงเฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จึงสะบัดแส้และเริ่มขับเกวียนวัว!
ครั้งนี้สิ่งที่ทําให้เต๋ออันรู้สึกประหลาดใจคือหญิงผู้นี้ดูเหมือนจะยอมแพ้แล้ว นางนั่งเงียบๆ และไม่เอ่ยถามอะไรอีกเลย
แต่ก็ดีแล้ว เขาก็ไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง เต๋ออันนั่งนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะสบตา กลัวจะเป็นการกระตุ้นให้ท่านน้าผู้นี้มาซักไซ้เขา
ลุงเฉินหันไปข้างหน้าเพื่อขับเกวียน ส่วนเต๋ออันนั่งด้านข้างอย่างหมิ่นเหม่ และไม่มีผู้ใดสนใจฉู่เกินฮูหยิน!