คำพูดแดกดันของอันหรันทำให้ฮั่วเทียนหลันไม่กล้าที่จะพูดต่อ
เขารู้ตัวว่ากำลังเยียดหยาม และแน่นอนว่าอันหรันก็สามารถที่จะพูดประโยคนี้ขึ้นมาได้อย่างไม่ต้องแคร์ใคร
คนในครอบครัวของเธอเสียชีวิตไปจนหมด เธอไม่มีพ่อแม่ ไม่มีพี่น้อง ไม่มีใครเลยในตอนนี้
และเรื่องจะตายดีไม่ดี ตกนรก 18 ขุมอะไรนั้น ฮั่วเทียนหลันก็อดไม่ได้ที่จะพูดเยาะเย้ยขึ้นมา
เขาเป็นคนไม่เชื่อในพระเจ้า และคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือเรื่องไร้สาระสิ้นดี
“ต้องการให้ฉันสาบานงั้นเหรอ เหอะ เธอมันไม่คู่ควรสักนิด!” ฮั่วเทียนหลันพูดจบ ก็ผลักอันหรันออกให้พ้นทาง ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินออกไป
อันหรันทรุดตัวลงกับพื้น แต่ทันใดนั้นเธอก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะตะโกนตามหลังฮั่วเทียนหลัน : “คุณชายฮั่ว ระหว่างฉันกับหยางจื่อหยินมันไม่มีอะไรทั้งนั้น คุณห้ามทำอะไรกับเขานะ!”
ฮั่วเทียนหลันที่กำลังจะก้าวผ่านประตูไปชะงักฝีเท้าลงทันที ความโกรธภายในใจเริ่มพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดแก้ตัวให้กับชายชู้ตัวเองอยู่อย่างงั้นเหรอ
อันหรันกลับไปที่บ้านพักด้วยความสิ้นหวัง เดิมทีหลี่รูยาจะรออันหรันและพาเธอกลับไปที่คฤหาสน์ฮัวด้วยกัน
แต่พอเห็นท่าทางเศร้าหมองของอันหรันในตอนนี้ มองยังไงก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
แต่ครั้งนี้อันหรันดูแน่วแน่มาก เธอบอกกับหลี่รูยาว่าเธออยากอยู่เงียบๆสักพัก มีหลายเรื่องที่เธอยังไม่เข้าใจ
ผู้หญิงมักจะรู้จักผู้หญิงด้วยกันดี แน่นอนว่าหลี่รูยาเองก็เข้าใจความรู้สึกของอันหรันในตอนนี้เป็นอย่างมาก
เธอจึงทำได้แค่กอดอันหรันแน่นๆ และบอกกับอันหรันว่า ถ้าหากว่ามีอะไรที่คิดไม่ออกก็ขอให้โทรหาเธอ
ในบ้านที่ไม่มีป้า Ding นั้น มันช่างไร้ชีวิตชีวาเสียเหลือเกิน
อันหรันพยุงตัวเองเดินขึ้นไปยังชั้นสอง และกลับไปที่ห้องนอนอีกครั้ง บรรยากาศที่เย็นเหยียบทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ
เธอกำลังจะทรุดตัวนอนลงบนเตียง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าฮั่วเทียนหลันเคยนอนที่เตียงนี้ นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา
จึงเปลี่ยนสถานที่ไปนอนที่โซฟาแทน
เธอนอนขดตัวอยู่บนโซฟาคนเดียว แต่กลับรู้สึกปลอดภัยอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะกดเข้าไปส่องที่ WeChat
มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านอยู่หลายข้อความ ข้อความที่ส่งมาแรกๆคือเหลียวซิรงส่งมาถามว่าเธออยู่ที่ไหน และนัดเธอออกไปที่คลับด้วยกัน
อันหรันยิ้มอย่างขมขื่น ดูสภาพเธอตอนนี้สิ ออกไปให้คนเขาดูถูกเหยียดยามหรืออย่างไรกัน
เธอจึงตอบข้อความไปว่า : “ฉันรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ไม่อยากออกไปข้างนอก”
หลังจากได้รับข้อความ เหลียวซิรงก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ที่เธอนัดอันหรันออกมาวันนี้ก็เพราะว่าเธอเห็นข่าวนี้นี่แหละ
“งั้นก็ไม่เป็นไร ว่าแต่ตอนนี้เธออยู่ไหนเหรอ พรุ่งนี้เช้าฉันจะเข้าไปหา” หลังจากที่เหลียวซิรงส่งข้อความไปแล้ว เธอก็รอคำตอบของอันหรัน
อันหรันคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะนิ่งไปสักพัก เอาตามตรงเธอไม่อยากเจอใครเลยในช่วงนี้
เพราะหัวใจที่บอบช้ำดวงนี้ก็ต้องการที่จะพักฟื้นตัว แต่เมื่อเห็นความห่วงใยของเพื่อนที่มีต่อเธอแล้ว ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
อันหรันรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเธอต้องการความอบอุ่นมากจริงๆ
เธอจึงกดส่งโลเคชั่นวิลล่าตไปให้ และกล่าวราตรีสวัสดิ์
เมื่อคืนนี้หลับไปได้อย่างไร อันหรันเองก็ไม่รู้ แต่ฝันร้ายเมื่อคืนทำให้เธอนอนพลิกตัวไปมาอย่างทุกข์ทรมาน
เธอฝันว่ามู่เหว่ยใช้กรรไกรทิ่มลงที่หัวใจของเธอ แล้วตะโกนอย่างบ้าคลั่งว่าจะฆ่าเธอให้ตาย
และยังฝันว่าอันเฮาเหลือแต่โครงกระดูก เสียงอันคุ้นเคยของเขาเอ่ยถามอันหรันว่าทำไมถึงทิ้งเขาไปอย่างนี้
เธอยังฝันอีกว่าฮั่วเทียนหลันบีบคอเธอแน่น แล้วโยนเธอลงจากหน้าต่าง
ตกลงไปที่พื้นด้วยความเจ็บปวด มันเจ็บจนอันหรันรู้สึกว่าแขนขาทั้งหมดของเธอจะไม่สามารถขยับได้อีก
เธอร้องกรี๊ดขึ้นมา ก่อนจะลุกขึ้นนั่งจากโซฟาอย่างเร็ว แล้วมองไปรอบๆด้วยความตกใจ ถึงได้พบว่าตัวเธอตอนนี้นอนอยู่บนเตียงในห้องนอน
เมื่อใจของเธอสงบลงแล้ว จึงรู้สึกว่าร่างกายเริ่มแข็งทื่อและชาจนไม่สามารถควบคุมได้
เธอขยับร่างกายเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่ในท่าเดียวและหลับไปทั้งคืน จนร่างกายของเธอแข็งทื่อแบบนี้
ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังขึ้นจากชั้นล่าง อันหรันผงะไปชั่วขณะ เธอจำได้ว่าเหลียวซิรงบอกว่าจะมาหาเธอวันนี้
เธอเหลือบมองเวลา ตอนนี้พึ่งจะ 7:30 เอง ทำไมเขาถึงมาเช้าขนาดนี้ล่ะ
ไม่ทันได้ไตร่ตรองอะไรมากนัก อันหรันก็ลงไปที่ชั้นล่าง ก่อนจะมองดูผ่านตาแมว พบว่าคนที่อยู่ข้างนอกแต่งชุดเต็มยศ สวมหมวกบดบังใบหน้าจนมองไม่ออกว่าเป็นใคร แต่มองจากรูปร่างของเขาแล้ว ก็น่าจะเป็นเหลียวซิรงนั่นแหละ
อันหรันเปิดประตูออก เหลียวซิรงรีบผลักเธอเข้าไปข้างใน ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “เร็วเข้า รีบให้ฉันเข้าไปข้างใน แล้วก็รีบปิดประตูซะ”
เธอเดินเข้ามาในวิลล่าและปิดประตูลงทันที
อันหรันมองสำรวจเหลียวซิรงไปทั่วร่าง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “ซิรง เธอเล่นอะไรของเธออยู่เนี้ย”
เหลียวซิรงจึงถอดชุดด้านนอกออก ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้น : “ช่วงนี้ดวงซวย ถูกปาปารัสซี่ตามล่ะ”
อันหรันมองดูท่าทางที่คล้ายกันกับเธอของเหลียวซิรงนั้น ในใจก็รู้สึกถึงได้ถึงความเป็นเพื่อนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน เธอเอ่ยขึ้น : “พูดเป็นเล่นหน่า ปาปารัสซี่ที่ไหนตามมาเหรอ ถึงได้ทำให้เธอเป็นแบบนี้ไปได้ แต่ก่อนเห็นเธอออกข้างนอกบ่อยจะตาย ก็ไม่เห็นจะระวังตัวขนาดนี้หนิ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่อันหรันพูด เหลียวซิรงก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เธอเอ่ยขึ้นด้วยความดุเดือด : “นี่แม่นาง กลุ่มปาปารัสซี่พวกนี้อยู่ๆก็โผล่มา ฉันก็ไม่รู้ว่ามาจากสำนักข่าวไหน แต่ฉันเดาว่ามันต้องเป็นพวกที่นังมู่เหว่ยใช้ให้ตามมาแน่เลย คงอยากจะทำให้ฉันมีเรื่องอื้อฉาวเพื่อทำลายชื่อเสียงของฉันน่ะสิ”
มู่เหว่ยจ้างมางั้นเหรอ อันหรันคิดไตร่ตรองอยู่ในใจ เมื่อนึกถึงข้อพิพาทระหว่างมู่เหว่ยและเหลียวซิรงก่อนหน้านี้ เธอจึงเอ่ยถามขึ้น : “เรื่องที่เคยเกิดก่อนหน้านี้ เธอจัดการยังไงเหรอ”
“เรื่องก่อนหน้านี้น่ะเหรอ” เหลียวซิรงเงียบไปพักหนึ่ง เมื่อเขานึกถึงเรื่องยุ่งเหยิงต่างๆที่เคยเกิดขึ้น ต่างก็เป็นหลี่เฉียนที่คอยออกโรงให้เสมอ
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผ่านไปสักพักถึงได้เข้าใจว่าอันหรันกำลังพูดถึงเรื่องที่เธอขับรถชนคราวก่อน
“ก็ไม่ได้จัดการอะไร ก็ตามนั้นเลย ละครถูกผับเก็บเข้าชั้นไม่ได้ถ่ายต่อ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อฉันมากมาย ตอนนี้ก็กำลังอยู่ระหว่างการพิสูจน์หลักฐานทางกฎหมาย รถของฉันวันนั้นถูกนำไปตรวจสอบแล้ว ตอนนี้ฉันไม่ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยแล้วล่ะ” เหลียวซิรงพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
สภาพจิตใจแบบนี้ของเธอนั้น ทำให้อันหรันรู้สึกนับถือเป็นอย่างมาก
เหลียวซิรงเป็นผู้หญิงที่ง่ายๆสบายๆ แม้ว่าอันหรันเองก็อยากจะเป็นคนแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอนั้นกลับทำไม่ได้
เธอมีความกังวลในใจอยู่มาก มันทำให้เธอยากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้
เหลียวซิรงมองไปที่อันหรัน พบว่าเธอดูหงอยลง จึงพาเธอกลับไปนั่งที่โซฟาแล้วถามขึ้น : “ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ ดูเธอเลือนลอยมากเลย”
อันหรันส่ายหน้าอย่างเฉยเมย ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “ฉันจะเป็นอะไรได้ล่ะ ก็แค่รถคว่ำ ต้องพักผ่อนสักระยะแค่นั้น”
อุบัติเหตุรถคว่ำในครั้งนี้ถูกครอบครัวฮัวปิดเรื่องไว้อย่างลับๆ นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นในวันที่ฝนตกหนักอีกด้วยแล้ว ข่าวจึงไม่ได้ถูกแพร่ให้ทราบกันในเมือง Z ดังนั้นเหลียวซิรงจึงไม่ทราบเรื่องนี้
แม้ว่าอันหรันจะพูดอธิบายขึ้นอย่างไม่ได้ใส่รายละเอียดอะไรมากนัก แต่เหลียวซิรงกลับรู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียดื้อๆ
รถคว่ำมันเป็นเรื่องเล็กซะที่ไหนกัน และอันหรันก็น่าจะเจ็บตัวอยู่ไม่น้อย
เธอเอือมมือไปกุมมือของอันหรันไว้ แล้วถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง : “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ไปหาหมอมาหรือยัง”
อันหรันยิ้มก่อนจะเอ่ยขึ้น : “โอเค ฉันโอเคแล้วจริงๆ ตอนนี้ฉันแข็งแรงมากเลยล่ะ ก็แค่อุบัติเหตุรถคว่ำเล็กๆน้อยๆ ฉันดวงดีจะตาย ก็เลยไม่ได้เจ็บตัวอะไรมากมายขนาดนั้น”
เมื่อได้ยินที่อันหรันพูดอย่างนั้น เหลียวซิรงถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เธอนึกถึงข่าวเมื่อวาน แม้ว่าข่าวนั้นจะถูกลบไปอย่างรวดเร็ว แต่คนที่อยู่ในแวดวงอย่างเธอนั้น ถ้ามีข่าวอะไรเกิดขึ้นก็มักจะรู้เรื่องก่อนเสมอ
ข่าวนั้นเขียนรายงานอย่างเวอร์วัง เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ตกเป็นที่พูดถึงของผู้อ่าน เผยแพร่ความสัมพันธ์ที่ยังตัดไม่ขาดและยุ่งเหยิงระหว่างมู่เหว่ยกับฮั่วเทียนหลัน และอันหรันเข้าไปเแทรกตรงกลางระหว่างความสัมพันธ์ โดยบังคับให้ฮั่วเทียนหลันแต่งงานกับเธออะไรยังงั้น
เมื่อเห็นข่าวนี้ครั้งแรก เหลียวซิรงแทบอยากจะทำการตัดคนร่างข่าวออกเป็นท่อนๆ
นี่มันเหี้ยอะไรกัน สื่อปัจจุบันนี้มันไร้ยางอายอะไรขนาดนี้ เพื่อดึงดูดความสนใจของชาวโลก แม้แต่จิตสำนึกก็ไม่จำเป็นต้องมีแล้วใช่ไหม
รู้ๆกันอยู่ว่ามู่เหว่ยต่างหากที่เป็นชู้ และอันหรันเป็นภรรยาที่แต่งงานเข้ามาโดยถูกยอมรับจากครอบครัวฮัว
“พวกเราออกไปผ่อนคลายกันหน่อยไหม” เหลียวซิรงลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เธอรู้สึกว่าอันหรันน่าจะรู้เรื่องอยู่แล้ว แต่แค่ไม่อยากพูดถึง เพราะฉะนั้นเธอก็จะทำเป็นไม่รู้เรื่องก็แล้วกัน
อันหรันส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเอือย : “ฉันไม่ค่อยอยากออกไปเลย ซิรง”
“ทำไมอ่า ข้างนอกอากาศดีมากเลยนะ ลมพัดเย็นสบาย ออกไปเดินเล่นสักหน่อยน่าจะทำให้รู้สึกสบายใจ” เหลียวซิรงพยายามพูดเกลี้ยกล่อมอันหรัน
แต่อันหรันกลับส่ายหัวปฏิเสธอย่างแน่วแน่ เธอเอ่ยขึ้นเสียงเบา : “ซิรง ฉันไม่อยากออกไปข้างนอกจริงๆ… ”
เมื่อได้ยินอันหรันพูดด้วยท่าทีแน่วแน่แบบนั้น เหลียวซิรงจึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้น : “เอางั้นก็ได้ แต่ทำอาหารที่บ้านเธอได้ใช่ไหม ฉันจะโทรเรียกเฉียนเฉียนเข้ามา”
อันหรันชะงักไปครู่หนึ่ง ทำกินที่นี่น่ะเหรอ
ฮั่วเทียนหลันคงจะไม่กลับมาอย่างแน่นอน รวมตัวกันสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
เหลียวซิรงเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ เธอคงไม่อาจจะกล่าวปฏิเสธไปแบบนั้นเป็นครั้งที่สองหรอก
ดังนั้นอันหรันจึงพยายามทำให้ตัวเองยิ้มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด และพูดว่า : “โอเค ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจะสั่งของสดและผักมา ตอนเที่ยงเดี๋ยวฉันทำอาหารเอง”
ที่ Fahrenheit Group ตอนนี้ ฮัวเส้าซู่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตรงด้านหน้าที่เป็นโซฟามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังนั่งอยู่
“ทันเหว่ย คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ” ฮัวเส้าซู่ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ผู้หญิงคนนี้มักจะแต่งตัวอ่อนช้อยงดงามอยู่เสมอ แม้รู้ว่าเธอเป็นคนที่สวยอยู่แล้ว แต่ไปๆมาๆบ่อยครั้งแบบนี้ ก็ทำให้ฮัวเส้าซู่รู้สึกใจสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
ทันเหว่ยยิ้มขึ้นอย่างสง่างาม ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “นายน้อยฮัว ฉันมาคุยกับคุณ เรื่องที่ว่าจะเป็นคนรักของคุณได้อย่างไร”