ฮัวเส้าซู่อึ้งไปในทันที ร่างกายไม่ตอบสนองขึ้นมาเล็กน้อย

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี้ย

ส่งอะไรมาไม่ส่ง ส่งประทัดมาแบบนี้ มันคืออะไรกัน

“ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม คุณทัน คุณกำลังล้อผมเล่นหรือเปล่า” ฮัวเส้าซู่มองไปที่ทันเหว่ยด้วยสีหน้าอยากจะเชื่อ

ทันเหว่ยพูดขึ้นต่อด้วยสีหน้าเดิม : “คุณได้ยินถูกแล้ว แต่ฉันมีเงื่อนไข!”

“เงื่อนไขอะไร” ฮั่วเส้าซู่เริ่มสนใจผู้หญิงตรงหน้า

“ฉันหวังว่าคุณจะได้เป็นหัวหน้าตระกูลฮัว” จู่ๆน้ำเสียงของทันเหว่ยก็เปลี่ยนเป็นเย็นขึ้น

ฮัวเส้าซู่อึ้งกับคำพูดของเธอ จากนั้นความโกรธก็ฉายขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างปิดไม่มิด เขาพูดขึ้นเสียงเข้ม : “นี่เธอกำลังพูดอะไรอยู่ เธอจะยั่วยุให้พี่น้องผิดใจกันยังงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ฮัวซานเส้าคุณกังวลมากเกินไปแล้วนะ ฉันแค่คิดว่าตระกูลฮัวใหญ่นี้แต่กลับจะได้รับการสืบทอดโดยฮัวเอ้อเส้าคนเดียว คุณไม่รู้สึกว่าได้รับความไม่เท่าเทียมกันเหรอ” ทันเหว่ยรู้วิธีพูดโน้มน้าวใจผู้คนเป็นอยากดี เธอพูดเสียจนฮัวเส้าซู่เกิดความรู้สึกเหมือนถูกชักจูงขึ้นมาในใจ

ฮัวเส้าซู่เดินออกจากหลังโต๊ะทำงาน แล้วเดินตรงไปด้านหน้าของทันเหว่ย ก่อนจะเชยคางของเธอขึ้นเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้น : “ตรงนี้คือปลอมสินะ”

ทันเหว่ยยิ้มเยาะแล้วเอ่ยขึ้น : “แน่นอน และไม่ใช่แค่ตรงนี้ด้วยนะ ทั่วทั้งร่างกายของฉันก็พปลอมหมดนั่นแหละ ฮัวซานเส้า!”

“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบความสวยแบบปลอมๆ” มือของฮัวเส้าซู่ค่อยๆปัดป่ายไปที่ใบหน้าเรียบเนียนของทันเหว่ย สัมผัสไม่เลวดีนี่

“งั้นก็ไม่เป็นไร คุณอยากจะทรมานยังไงก็ได้ตามใจคุณเลย รับรองเลยว่ามันจะทนทานกว่าแบบกล่องเดิมของ…ญี่ปุ่นเลย อ่าส์!” คำสุดท้ายนั้น ทันเหว่ยเขยิบเข้าไปพูดใกล้หูของฮัวเส้าซู่

ฮัวเส้าซู่รู้สึกคันขึ้นมาในใจ เขาปล่อยมือจากทันเหว่ย ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆเธอ และอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น : “เธอนี่มันปีศาจยั่วเสน่ห์ชัดๆเลย!”

ทันเหว่ยมองไปที่ฮัวเส้าซู่อย่างเย้ยหยัน เธอเอ่ยขึ้น : “ฮัวซานเส้าคุณเป็นคนทำเองนี่มาถึงตอนนี้แล้วจะไม่ยอมรับอย่างงั้นเหรอ นี่คงจะเหมือนอย่างคนโบราณเคยว่าไว้ สวมกางเกงขึ้นได้ก็รีบหันหน้าหนี”

ฮัวเส้าซู่ยกมือขึ้นกุมหัวอย่างหงุดหงิด ก่อนจะพูดขึ้นเสียงทุ้ม : “อุบัติเหตุ มันคืออุบัติเหตุ เธอเองก็รู้หนิ วันนั้นฉันดื่มไปเยอะ เธอก็ดื่มไปเยอะเหมือนกัน ดังนั้น… ”

“ดังนั้นอะไร ดังนั้นแล้วยังไงต่อ ฮัวซานเส้าคุณอย่าลืมนะว่าฉันสามารถที่จะฟ้องคุณข้อหาข่มขืนได้น่ะ!” ทันเหว่ยตัดบทขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ฮัวเส้าซู่ถึงกับพูดไม่ออก

เขามองไปที่ทันเหว่ยอย่างมึนชา ก่อนจะพูดว่า : “โอเค ฉันยอมรับ เธอชนะแล้ว ทีนี้ก็บอกในสิ่งที่เธอต้องการมาได้แล้ว!

ทันเหว่ยยกยิ้มขึ้น ก่อนจะพูดว่า : “ฮัวเส้าซู่คุณนี่ตลกจังนะ ฉันคนนี้ก็ไม่ได้มากเรื่องอะไรขนาดนั้น ในเมื่อความสัมพันธ์แบบนั้นมันเกิดขึ้นแล้ว งั้นคุณก็แต่งตั้งให้ฉันเป็นภรรยาของคุณสิ”

“ภายนอกก็ดูเหมือนคนรักกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” หลังจากที่ฮัวเส้าซู่เอ่ยค้านขึ้นอย่างอดไม่ได้ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองได้ทำอะไรผิดพลาดไป

ช่างไร้สาระสิ้นดี เธอมาหาเขาถึงที่นี่ แน่นอนว่าไม่ได้ต้องการแค่สถานะคนรักกันเท่านั้นอยู่แล้ว

เป็นครั้งแรกที่ฮัวเส้าซู่มีความคิดอยากจะยกหินขึ้นมาแล้วทุบลงไปที่เท้าของตัวเอง เขารอบสังเกตทันเหว่ยอย่างสงสัย ขณะเดียวกันก็คิดถึงเรื่องคืนนั้นที่มีอะไรกับทันเหว่ยขึ้นมา

ทันเหว่ยลุกขึ้นก่อนจะก้าวอย่างช้าๆ เธอนั่งลงเก้าอี้ของเจ้าของห้อง มองไปที่ฮัวเส้าซู่ที่นั่งอยู่บนโซฟา แล้วพูดขึ้นว่า : “คุณก็รู้ว่าฉันและอันหรันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เราเป็นเพื่อนแท้ ฉันทนไม่ได้ที่เห็นอันหรันถูกมองเป็นของเล่นของฮัวเทียนหลันซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนั้น และบังเอิญว่าคุณกับฉันดันเกิดความสัมพันธ์รักชั่วคราวขึ้นมา ดังนั้นฉันจึงอยากจะช่วยเธอ และการที่สามารถเข้าหาครอบครัวฮัวผู้มีอิทธิพลได้แบบนี้ สำหรับฉันแล้วก็เหมือนเป็นผลพลอยได้ไปด้วย”

มองดูทันเหว่ยในตอนนี้ ฮัวเซ้าซู่มีความรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นราชินี หยิ่งยโส ไม่มีเหตุผล!

ฮัวเส้าซู่เป็นคนไม่หนักแน่นมาแต่ไหนแต่ไรเขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “ฉันสามารถยอมรับให้เธออยู่กับฉันได้ แต่ต้องไม่มีสถานะ เธอจะช่วยพี่สะใภ้ฉันก็ได้ เพราะฉันก็ไม่ชอบมู่เหว่ยเหมือนกัน นอกเหนือจากนั้น ฉันก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าหากเธอทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของฉันมีปัญหาล่ะก็ ฉันจะจัดการกวาดไล่เธอออกไปแน่นอน! ”

ทันเหว่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ผลลัพธ์นี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นัก อย่างน้อยฮัวเส้าซู่ก็พยักหน้ารับแล้ว

ภูมิหลังครอบครัวของทันเหว่ยไม่ได้มีชื่อเสียงและอำนาจอะไรมากมาย แค่พอจะมีเงินทองและความมั่นคงอยู่บ้างเท่านั้น

ความจริงแล้วที่เธอมาหาฮัวเส้าซู่ มีอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่ได้พูดออกไป นั่นก็คือตอนนี้ตระกูลทันถูกศัตรูห้างโจมตี ต้องการคนใหญ่คนโตมาหนุนหลัง

ไม่อย่างนั้นความสัมพันธ์เพียงชั่วคร่าวอย่างเธอนั้นก็คงไม่ยอมทำตัวน่าไร้ยางอายอย่างนี้หรอก

หัวเสี่ยวน่ากลับมาพอดีตอนที่อันหรันกำลังยืมคุมเหลียวซิรงทำอหาร

เมื่อเปิดประตูออกแล้วพบว่าเป็นหัวเสี่ยวน่า อันหรันผงะไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “นานา ทำไมเธอกลับมาที่ล่ะ”

หัวเสี่ยวน่าพูดขึ้นอย่างน้อยใจ : “พี่สะใภ้ ฉันอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้อีกแล้ว คุณแม่ก็ไม่ให้ฉันกลับไป ดังนั้นฉันจึงมาหาพี่ที่นี่”

อันหรันขมวดคิ้ว หรือหัวเสี่ยวน่าจะทะเลาะกับเกาฮั่นอีกแล้วนะ

เธอเปิดประตูให้หัวเสี่ยวน่าเข้ามา เมื่อหัวเสี่ยวน่ามองเห็นเหลียวซิรงอยู่ในห้องนั่งเล่น เธอถึงกับผงะเล็กน้อย และพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง : “คุณไม่ใช่ดาราหนังคนนั้นเหรอ เหลียว เหลียวอะไรรงซักอย่าง ที่ช่วงหนึ่งเคยมีข่าวอื้อฉาวที่เป็นประเด็นดังมากๆคนนั้น! ”

เหลียวซิรงยิ้มขึ้นอย่างเก้อเขิน ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “ฉันชื่อเหลียวซิรง และเรื่องเล็กน้อยไร้สาระแบบนั้น ฉันไม่เก็บมาใส่ใจหรอกนะ”

ทันทีที่เหลียวซิรงพูดจบ หัวเสี่ยวน่าก็ก้าวขาไปหาเธออย่างรวดเร็ว พร้อมแสดงสีหน้าเลื่อมใสที่มีต่อเธอ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น : “พูดตามตรงเลยนะ พี่รง ตกลงว่าคุณได้ขับรถชนผู้ช่วยของมู่เหว่ยจริงไหม”

เหลียวซิรงยิ้มค้าง อันหรันจึงพูดแทรกขึ้นมา : “นานา เธอกำลังพูดอะไรอยู่เนี่ย ซิรงไม่ใช่คนแบบนั้นนะ”

เมื่อได้ยินที่อันหรันพูด เหลียวซิรงจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่หงอยลงเล็กน้อย : “เฮ้อ น่าเสียดายเนอะ จริงๆแล้วไม่น่าขับรถชนผู้ช่วยของมู่เหว่ยเลย ขับชนมู่เหว่ยแทนยังจะดีกว่าอีก จะได้จบๆไป”

หัวเสี่ยวน่าพูดด้วยท่าทางเฉยเมย อันหรันและเหลียวซิรงต่างก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ หลังจากมองหน้ากันอยู่สักพัก อันหรันก็ยิ้มขึ้นอย่างรู้สึกขอโทษ ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “ซิรง เดี๋ยวฉันจะแนะนำให้เธอรู้จัก นี่คือหัวเสี่ยวน่าน้องสาวของเทียนหลัน เธอเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยเพียงคนเดียวของบ้าน ดังนั้นจึงพูดจาตามอำเภอใจไปบ้าง เธออย่าได้ใส่ใจเลยนะ”

เหลียวซิรงพอจะดูออกว่าหัวเสี่ยวน่าเป็นคนพูดตรงไปตรงมา เธอยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยว่า : “แบบนี้ดีแล้ว พูดจาตรงไปตรงมา ดูไม่มีเล่ห์เหลี่ยมดี”

“นานา เธอนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ ฉันกับซิรงจะไปทำอาหารต่อ เดี๋ยวอีกหน่อยจะมีอีกคนตามมา เดี๋ยวเรามากินข้าวด้วยกันนะ” อันหรันพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

หัวเสี่ยวน่ากำลังจะนั่งลง แต่ก็รีบยกตูดขึ้น ก่อนจะพูดว่า : “พี่สะใภ้ พี่เพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บ ยังเข้าครัวทำอาหารไม่ได้นะ เดี๋ยวฉันจะช่วยทำเอง”

พูดจบ หัวเสี่ยวน่าก็ดึงอันหรันให้นั่งลง

อันหรันรับรู้ถึงฝีมือของหัวเสี่ยวน่าดี เธอรีบกดตัวหัวเสี่ยวน่าลง ก่อนจะพูดขึ้น : “เธอนั่งพักอยู่ตรงนี้นั่นแหละ รอตอนกินข้าว เธอต้องบอกฉันให้หมดว่าทำไมถึงกลับมาที่นี่โดยไม่ได้รับคำอนุญาตจากคุณแม่ก่อน”

เมื่อหัวเสี่ยวน่าได้ยินว่าเธอกำลังจะถูกคิดบัญชี หน้าของเธอก็เศร้าลงในทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ : “พี่สะใภ้ นี่พี่จะไม่ต้อนรับฉันอีกคนด้วยเหรอ”

ท่าทางหน้างอคอหักอย่างน่าสงสารของเธอ ทำให้อันหรันอดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะดีดนิ้วไปที่หน้าผากของหัวเสี่ยวน่าเบาๆ : “ไม่ต้องทำหน้าน่าสงสารเลย เรื่องนี้ปล่อยข้ามไปไม่ได้หรอกนะ!”

ทั้งสองคนกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง และในที่สุดอันหรันก็ได้รู้ว่า ที่เขามักจะพูดกันว่าดาราส่วนใหญ่ล้วนแต่มีความสามารถทำได้ทุกอย่างนั้น มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ

ด้วยความพยายามของเหลียวซิรง ทั้งสองคนจึงทำอาหารออกมาได้สองเมนู

อันหรันอยากจะลงมือทำเอง แต่เหลียวซิรงปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าสภาพของอันหรันในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะทำ

โชคดีที่ตอนจะทำเมนูที่สาม หลี่เฉียนก็มาถึงพอดี

เธอเข้ามาทำแทนเหลียวซิรง อาหารมื้อนี้ถึงได้ทำออกมาอย่างราบรื่น

อาหารมื้อนี้ถูกวางอย่างล้นโต๊ะ ทำให้พวกเขาอิ่มจนต้องนอนลูบท้องตัวเองบนโซฟา

ระหว่างที่เหลียวซิรงและหลี่เฉียนกำลังคุยกันเรื่องถ่ายละครอยู่นั้น อันหรันก็ใช้โอกาสนี้ดึงหัวเสี่ยวน่าเข้ามาใกล้ ก่อนจะเริ่มเค้นถามเธอ

หัวเสี่ยวน่าทำหน้ามุ่ยขัดขืน ก่อนจะเอ่ยขึ้น : “พี่สะใภ้ ตอนนี้ฉันก็เบื่อเต็มทนแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแล้วไห้ไหม”

อันหรันขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น : “นานา ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในครอบครัวฮัวแล้วนะ เธอแต่งงานแล้ว และเป็นภรรยาของเกาฮั่น ตอนนี้เธอถือได้ว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวเกาแล้ว ทำไมถึงทำอะไรไม่คิดแบบนี้ล่ะ นี่ถ้าถูกปาปารัสซี่ตามถ่ายแล้วเขียนว่าสามีภรรยาไม่ลงรอยกันแบบนี้มันจะแย่เอานะ”

ตาของหัวเสี่ยวน่าเริ่มขึ้นสีแดงเล็กน้อย เธอเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ : “ฉันก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ แต่นายเกาฮั่นอะไรนั่นเรื่องเยอะมากเกินไปแล้ว ไม่ทันไรก็กล่าวหาว่าฉันทำนั่นก็ไม่ดีทำนี่ก็ไม่ดี ไม่จบไม่สิ้นสักอย่าง น่ารำคาญชะมัดเลย”

อันหรันวางมือลงบนไหล่ของหัวเสี่ยวน่าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างปลอบโยน : “เรื่องลูกสะใภ้นี่ จะมีสักกี่คนที่โชคดีเหมือนอย่างฉัน ที่ได้รับการปกป้องจากแม่สามีแบบนี้ มีเรื่องอะไรก็โทษพี่ชายเธอว่าไม่ดีก่อนเสมอเลยเนอะ”