หลังจากนั้นไม่นาน เมิ่งอี้ ก็วางจดหมายลง เขาได้หลับตาและพิจารณาอยู่สักพักพร้อมกับรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวบนใบหน้าจากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา”ท่านอาจารย์เพียงเพราะท่านต้องการตำแหน่งคนเดียวเหนือคนนับหมื่น ท่านถึงกลับให้ข้าทรยศพี่ชายแท้ ๆ ของข้า!”

“ทำไมท่านถึงคิดว่าข้าจะกล้าหาญมากพอที่จะฆ่าพี่ชายของข้าและก่อการกบฏร่วมกับท่าน นั่นคือพี่ชายของข้า พี่ชายคนโตของข้า! ท่านที่คิดก่อการกบฏล้วนคือบาปขนาดใหญ่ของตระกูลจิ่ว ท่านทำให้ข้าต้องสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจจากพี่ชาย ท่านกำลังใช้ตำแหน่งฐานะในทางที่ผิด”

“คราวนี้ ข้า เมิ่งอี้ ก็ไม่สามารถช่วยท่านได้!”

เมิ่งอี้ ได้สูดลมหายใจเข้าลึก และรีบออกไปที่ด้านนอกเต็นท์ของกองทัพเขาได้ตะโกนขึ้นเสียงดัง”ข้าแม่ทัพเมิ่งอี้ ต้องการเข้าพบท่านแม่ทัพ!”

ในเต็นท์ใหญ่ เกาชุน เจี๋ยสวี่ และ เมิ่งเถียน ทั้งสามคนได้มองหน้ากันและยิ้มออกมา”ดูเหมือนว่าการตัดสินใจของเมิ่งอี้ จะไม่ทำให้เราผิดหวัง!”

“ช้าก่อน รอดูท่าทีของเขา!”

เจี๋สวี่ ได้พูดอะไรบางอย่างก่อนที่ร่างของเขาจะวูบไหวหายไปด้านหลังของเต็นท์

“เข้ามา!”เกาชุนได้ตะโกนขึ้น

เมิ่งอี้ ได้เดินเข้าไปและจ้องมองไปที่ เกาชุน และ พี่ชายของเขา เขาได้คุกเข่าลงข้างหนึ่งและกล่าวพูดทันที”ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยได้รับคำสั่งลับจากอาจารย์ให้ก่อการกบฏต่อฝ่าบาท ข้าน้อยหวังว่า ท่านแม่ทัพจะรีบส่งคนไปแจ้งต่อฝ่าบาททันทีเพื่อความปลอดภัยของพระองค์!”

เกาชุน ได้ยินดังนั้น เขาก็เหลือบหน้ามอง เมิ่งเถียน ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าตอบรับ แน่นอนว่า เมิ่งอี้ ไม่ทำให้เราผิดหวังจริง ๆ

เกาชุนได้คร่ำครวญเล็กน้อยและกล่าวถาม”เมิ่งอี้ อาจารย์ของเจ้าก็คือ เสนาบดีเหรินหยาน สินะ เจ้าบอกว่าเขาต้องการก่อการกบฏ เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”

“ข้าน้อยมีจดหมายที่เป็นหลักฐาน!”

เกาชุน ได้หยิบจดหมายขึ้นมาดูและตอบกลับ”เอาล่ะ เมิ่งอี้ ข้าจะรีบแจ้งต่อฝ่าบาทโดยเร็ว และต้องขอบคุณเจ้ามากสำหรับเรื่องนี้!”

เมิ่งอี้ ได้ก้มศีรษะลงและตอบกลับ”ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยไม่กล้าพูดถึงเรื่องเครดิตข้าหวังว่าฝ่าบาทจะทรงปลอดภัย!”

“ไม่ต้องกังวล ที่นั่นมี เฟิงเชี่ยน หากคนเหล่านั้นต้องการจะทำร้ายฝ่าบาท ศีรษะของพวกมันคงหลุดออกจากบ่าก่อนเป็นแน่!”เกาชุน ได้ตอบกลับ

“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว!”

“ขอรับ!”

หลังจาก เมิ่งอี้ จากไป เกาชุน ก็มองไปที่ เมิ่งเถียน”แม่ทัพเมิ่ง ท่านกังวลว่าน้องชายของท่านจะหาทางยึดอำนาจทางการทหารเพื่อก่อการกบฏจริงหรือ?”

เมิ่งเถียน ได้ยิ้มอย่างขมขื่นและตอบกลับ”น้องชายของข้ามีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับอาจารย์ของเขา ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกกังวลมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าข้าจะไม่จำเป็นต้องกังวลอีกแล้ว!”

เจี๋ยสวี่ ได้เดินออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม”แม่ทัพเมิ่ง น้องชายของท่านเป็นคนเก่งและฉลาด ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทรับทราบเอง เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”

“ขอบคุณท่านมาก ท่านอัครมหาเสนาบดีซุน!”

เจี๋ยสวี่ ไม่ได้พูดอะไรเขาได้หายตัวออกไปและมุ่งหน้าไปยังค่ายที่ลู่เฟิงอยู่

ผ่านไปสองวัน เจี๋ยสวี่ ได้รีบกลับไปหาลู่เฟิง

“ฝ่าบาท เมิ่งอี้ ไม่ได้มีสองจิตสองใจ ตอนนี้พวกเราสามารถวางใจได้แล้ว!”เจี๋ยสวี่ ได้ยืนรายงานต่อหน้าของลู่เฟิง

ลู่เฟิงได้พยักหน้าและตอบกลับ”เหวินเหอรบกวนเจ้าแล้ว”

“นี่คือสิ่งที่ข้าน้อยสมควรทำ!”

“เอาล่ะ เจ้าลงไปพักผ่อนเถอะ พวกเราจะออกเดินทางกลับไปถึงเมืองหลวงเร็ว ๆ นี้!”

“ขอรับ!”

หลังจาก เจี๋ยสวี่ ได้จากไป ฮวามู่หลาน ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่เฟิงก็ทักขึ้น”ในที่สุดพวกเราก็จะได้กลับไปสักทีนะเพคะ!”

“ถูกต้อง หลังจากรอมาสิบวัน ในที่สุด สถานการณ์ทุกอย่างก็เกือบเคลียร์จนหมด!”ลู่เฟิงได้ยิ้มเล็กน้อย

“ฝ่าบาท พระองค์ปล่อยให้ อาจารย์ซุน จัดการสังหารคนจำนวนมากเมื่อพระองค์กลับไปที่เมืองหลวง พระองค์ไม่กลัวว่า นักวรรณกรรมจำนวนมากจะเขียนหนังสือดุด่าพระองค์หรอเพคะ?”ฮวามู่หลานได้กล่าวถาม

“ใครจะด่าก็ช่างมัน ข้าคือจักรพรรดิ เพียงแค่ความคิดของคนเหล่านั้นไม่สามารถทำให้ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของข้าพังลงมาได้ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ข้าทำไปล้วนมีเหตุผลด้วยกันทั้งสิ้น หลังจากพวกเขารับรู้ข้อเท็จจริงคนเหล่านี้ก็จะเงียบปากกันไปเอง!”ลู่เฟิงได้ยิ้มออกมา

ฮวามู่หลาน ได้พยักหน้าและตอบกลับ”มู่หลานจะสนับสนุนพระองค์อยู่ข้าง ๆ เพคะ!”

“มู่หลาน หลังจากกลับไปคราวนี้ เจ้าจะต้องเป็น จักรพรรดินีของข้า!”ทันใดนั้นลู่เฟิง ก็หันศีรษะไปมองมู่หลานด้วยรอยยิ้ม

ฮวามู่หลานได้หน้าแดงทันทีและพูดด้วยความละอาย”ฝ่าบาท…หม่อมฉัน…หม่อมฉันไม่เหมาะสมหรอกเพคะ!”

เธอได้หันหลังและรีบควบม้าจากไปทันที

ลู่เฟิงหัวเราะออกมา

ผ่านไปสามชั่วโมง ลู่เฟิง ก็มาถึงเมืองหลวงพร้อมกับกองทัพอย่างช้า ๆ

ในเมืองหลวง ประชาชนจำนวนมากต่างก็มารับขบวนเสด็จด้วยท่าทีตื่นเต้น พวกเขามาต้อนรับจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์ที่สุดของพวกเขาที่สามารถกวาดล้างกองทัพ 1.3 ล้านคนของอาณาจักรซีหยาง พร้อมทั้งโจมตีเมืองหยุนไห่ และ ยึดครองเมืองหลวง รวมถึง หุบเขาหยางผิง การบุกยึดครองทีเดียวสามเมืองเป็นชื่อเสียงที่ไร้คนเทียบเคียง!

ในเมืองหลวงต่างประดับไปด้วยไฟและเทศกาลงานเฉลิมฉลองการกลับมาของจักรพรรดิ

ในอีกด้านหนึ่ง ซุนฮก ได้นำ จินยี่เหว่ย ไปสังหารครอบครัวข้าราชบริพารกว่า 30 คน

วันต่อมา ผู้คนในเมืองหลวงก็ยังจมปักกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่นำโดยลู่เฟิง และ ข่าวที่ว่ามีข้าราชบริพารกว่า 30 คนถูกสังหาร

ทันใดนั้นก็มีผู้มีความสามารถทางด้านวรรณกรรมได้ออกมาตะโกนใส่ลู่เฟิงและเหยียดหยามว่าเขาเป็นจักรพรรดิทรราชอีกครั้ง

แต่หลังจากนั้นอีกหนึ่งวันราชสำนักได้ส่งคนมาประกาศหลักฐานข้อเท็จจริงจำนวนมากทำให้คนเหล่านี้เลือกที่จะปิดปากเงียบทันที

แต่มันไม่ได้จบแค่นนั้น มีข่าวออกมาอีกว่า ขุนนางคนสำคัญของราชสำนักอย่างเสนาบดีเหรินหยาน คิดใหญ่ก่อการกบฏ บทลงโทษคือฆ่าล้างตระกูลเก้าชั่วโครต!

ทันทีที่มีข่าวนี้ออกมาก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นในเมืองหลวงอีกครั้ง

หลายคนเริ่มที่จะออกมาต่อต้าน รวมถึงนักกวี ที่แต่งเพลงเสียดสีลู่เฟิง

แม้แต่กลุ่มอำนาจที่สนับสนุนลู่เฟิงก็ยังไม่สามารถต่อต้านได้ในเวลานี้ เนื่องจากชื่อเสียงของเหรินหยานในโลกวรรณกรรมของอาณาจักรหนานหยานนั้นสูงอย่างมาก

สิ่งนี้ทำให้ตระกูลชั้นสูงต่างก็มีความสุข เดิมพวกเขากลัวว่า ลู่เฟิงจะทำให้พวกเขาเดือดร้อนแต่ตอนนี้ ลู่เฟิงกำลังเผชิญหน้ากับปัญหามากขึ้น ทำให้พวกเขามีความสุขอย่างมาก

แต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ข่าวสะเทือนโลกอีกฉบับได้ถูกปล่อยออกมาโดย ขุนนางอาวุโสทหารผ่านศึกของสองราชวงศ์อย่าง เหวิ่นอาน และ ฮูหยิน เขาได้ออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเจตนาของ เหรินหยาน และ การสมคบคิดกับนิกายหยุนกง เพื่อดักปล้นเสบียงกองทัพนับแสน ทั้งยังวางแผนให้ศิษย์ลับ ๆ ของตนเอง วางแผนก่อการกบฏ แต่ก็ถูกปฏิเสธ

มีขุนนางหลายคนที่ถูกตั้งข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับเหรินหยานพวกเขาทั้งหมดได้ถูกจับกุมตัวและนำไปสอบสวน

ในตอนนี้ เหล่าผู้คนที่ออกมาตะโกนด่าลู่เฟิงว่าเป็นจักรพรรดิทรราชหรืออื่น ๆตอนนี้ พวกเขาได้เงียบไปแล้ว ทหารผ่านศึกสองราชวงศ์อย่าง เหวิ่นอาน และ ฮูหยิน ออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง ข่าวนี้จะเป็นข่าวปลอมได้ยังไง ?

เหรินหยานได้ขายชาติ!

ต่อมา เหล่านักกวี ได้แต่งเพลง ยกย่องความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้กับ ลู่เฟิง และ เสียดสีผู้ที่สนับสนุนการกบฏของเหรินหยาน

แต่บรรดา นักวรรณากรรมจำนวนมากก็ยังคงโศกเศร้าที่พวกเขาสูญเสียเหรินหยานไป

แน่นอนว่ายังมีพวกที่สนับสนุนลู่เฟิง พวกเขาต่างก็มีความสุข

คนเหล่านี้ ได้เขียนวีรกรรมของลู่เฟิงบันทึกลงในหนังสือ เกี่ยวกับความกล้าหาญและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ตลอดจนถึงตอนนี้ ในเมื่อมีคนแสดงความสุข ก็ย่อมมีคนแสดงความทุกข์

ราชาเมกาทรอนลู่เว่ย!

ขณะนี้เขานั่งอยู่ในพระราชวังของเมืองฉิวซานและมองดูข่าวที่มาจากเมืองหลวงใบหน้าของเขามืดมนอย่างมากเขามองลงไปที่คนของเขาด้านล่างและกล่าวถาม”เจ้าลองบอกข้ามาหน่อยสิ ว่าข้าควรจะทำอะไรตอนนี้?