ตอนที่ 17-2 จมน้ำ

เว่ยหยางเกิดความสงสัยขึ้นในใจทันทีว่า

ในตอนที่พวกนางโยนกระเป๋าที่ใช้ใส่ร่างของแม่นมจ้าวลงไปในสระน้ำ คนผู้นั้นได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เว่ยหยางจึงจับมือของชิหยินเหนียง พร้อมกับกล่าวว่า

“ถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว แล้วจะกลับมาเยี่ยมท่านอีก”

แม้จะมิต้องการอยู่ห่างจากบุตรสาว แต่ชิหยินเหนียนก็รู้ดีว่า ต้องทำตามที่เว่ยหยางกล่าว นางจึงกล่าวเตือนว่า

“ระวังตัวด้วย!”

หลี่เว่ยหยางรู้อยู่แล้วว่า ฮูหยินใหญ่กำลังจะพาหลี่เสี่ยวหรันมาที่นี่

ด้วยเหตุนี้ นางจึงต้องเตรียมตัวสำหรับการเล่นละครครั้งต่อไป

แต่นางมิต้องการเปิดเผยเรื่องนี้ให้

ชิหยินเหนียงทราบ

ก่อนจะออกจากหนานหยวน, เว่ยหยางได้สั่งให้ ซีอุยเอ๋อดูแลชิหยินเหนียงให้ดี

จากนั้นนางจึงกลับไปที่ห้องพักพร้อมกับไป๋จื่อ และได้เดินผ่านสระบัว ซึ่งอยู่ติดกับสวนหินที่งดงามนั้น

จากจุดนี้ เมื่อมองไปยังตำหนักหนานหยวน สิ่งที่สามารถเห็นได้มีเพียงวัชพืช และต้นหญ้าที่สูงเกือบจะถึงเอวของคนปกติ

นอกจากนั้นมิสามารถเห็นอันใดได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงเป็นไปมิได้เลย ที่จะผู้ใดจะเห็นกระเป๋าใบนั้นถูกโยนลงไปในสระน้ำ

เว่ยหยางจึงถอนหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความโล่งอก เมื่อรู้ว่าความลับนั้นยังคงปลอดภัยอยู่

ทันใดนั้น ได้มีเสียงร้องครางของผู้ใดสักคนหนึ่งดังขึ้น

สายตาของพวกนางจึงมองตามเสียงนั้นไป

และสิ่งที่พวกนางเห็นก็คือ เด็กชายตัวน้อย ซึ่งมีอายุประมาณเพียงเก้าขวบกำลังถูกจับตัวเอาไว้โดยผู้หญิงสองคน

เว่ยหยางและสาวใช้จึงค่อย ๆ นั่งลงข้างพุ่มไม้ และแอบดูเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ

หนึ่งในสองคนนั้นกำลังบีบคอเด็กผู้นั้นอย่างโหดเหี้ยม ทำให้เด็กชายดิ้นทุรน

ทุรายอย่างรุนแรง

ทันใดนั้นผิวของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดอย่างรวดเร็ว

ผมสีดำสนิทของเขายุ่งเหยิง แขนและขาของเขาหมดเรี่ยวแรงลงไปในทันที

หลี่เว่ยหยางผงะด้วยความรู้สีกตกใจ จากนั้นไป๋จือได้กระซิบที่หูของนางว่า

“คุณหนู นั่นคือบุตรบุญธรรมของสะใภ้สาม!”

เว่ยหยางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น

หลี่มินเต๋อเป็นบุตรบุญธรรมของ

โจวชิ ผู้ซึ่งเป็นสะใภ้สาม

เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว ท่านอาสามผู้ที่มีชื่อว่า หลี่เสี่ยวเหอ สุขภาพมิค่อยแข็งแรง และต้องเสียชีวิตลงเนื่องจากอาการเจ็บป่วย

พวกเขามิมีทายาทไว้สืบสกุล ดังนั้นข่าวของโจวชิที่กำลังมองหาบุตรบุญ ธรรมจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

ด้วยความช่วยเหลือของท่านย่าใหญ่ นางจึงนำโจวหมินเต๋อซึ่งเป็นบุตรชายของญาติห่าง ๆ มาเลี้ยง และรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม

แผนการดังกล่าวมีไว้เพื่อให้เด็กได้รับทรัพย์สมบัติเป็นจำนวนมากจากโจวชิ

รวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดของหลี่เสี่ยวเหอ ด้วย

หลังจากนั้น ฮูหยินใหญ่จึงมีความคิดที่จะกำจัดเด็กคนนี้ เพื่อให้ผู้ที่มีส่วนร่วมในทรัพย์สมบัติของตระกูลหลี่น้อยลง

เหวินชิ ,ผู้ซึ่งเป็นสะใภ้คนที่สองมีความคิดเดียวกันนั้นอยู่ในใจเช่นกัน

จึงเป็นผลให้ฮูหยินใหญ่ และเหวินชิบาดหมางกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโจวชิจะมีความอ่อนโยนและจิตใจดี แต่นางมิใช่ผู้ที่มีนิสัยขี้ขลาด

เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้โจวชิจึงโกรธเคืองฮูหยินใหญ่ และเหวินชิ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง หลี่หมินเต๋อผู้นี้เป็นเสี้ยนหนามในสายตาของฮูหยินใหญ่

ดวงตาของไป่จื่อมีความหวาดกลัวและสั่นไหว ขณะที่หลี่เว่ยหยางกำลังครุ่นคิด และลังเลใจว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร?

ตรงหน้ามีผู้หญิงถึงสองคน ดังนั้นนางคงมิโง่เขลาถึงขั้นที่จะออกไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวเหล่านั้น

มิกี่อึดใจต่อมา เด็กชายผู้นั้นก็มิได้ดิ้นรนอีกต่อไป

ศีรษะของเขาเอียงไปข้างหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนกับคอของนกกระเรียนที่ห้อยตกลงมาในตอน ที่มันตายแล้ว

หนึ่งในหญิงสาวสองคนนั้น หัวเราะอย่างเย็นชา

“โยนเขาลงไปในสระน้ำ เราจะบอกกับผู้อื่นว่า เขาเสียการทรงตัวจึงตกลงไปในน้ำและจมน้ำตาย”

เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้ว

ในที่สุดหลี่เว่ยหยางก็ได้เข้าใจทุกอย่าง นี่คือเหตุผลที่ทำใหเเด็กผู้น่าสงสาร ต้องเสียชีวิตในชาติที่แล้ว

คงเป็นเรื่องนี้กระมัง ที่ทำให้โจวชิทำตัวเหินห่างจากทุกคน และกลายเป็นผู้ที่มิชอบเข้าสังคม

นางต้องได้รับความบอบช้ำจากเหตุการณ์ที่เลวร้าย

ร่างที่หมดสติของเด็กชายถูกโยนลงน้ำ

ในตอนนี้สามารถมองเห็นเพียงแค่เสื้อผ้าไหมสีแดงของเขาลอยอยู่บนผิวน้ำ ก่อนที่จะจมลงอย่างช้า ๆ

ขณะนี้ หญิงทัั้งสองคนนั้นยังยืนอยู่ และเฝ้าดูจนกระทั่งร่างของเด็กน้อยจมดิ่งลงไป

หนึ่งในนั้นมองไปบริเวณโดยรอบจะได้แน่ใจว่า มิมีผู้ใดอยู่ใกล้บริเวณนี้ เพื่อดูการกระทำของพวกนาง

เมื่อเห็นว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว ผู้หญิงทั้งสองคนจึงเดินจากไปในที่สุด

จากนั้นไป๋จือจึงคว้ามือของเว่ยหยางด้วยความตื่นตระหนก

“เสี่ยวเจี๋ยตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี”

ชิหยินเหนียง และหลี่หมินเต๋อสองคนนี้ถูกสังหารอย่างต่อเนื่องในวันเดียวกัน

ราวกับว่า เหตุการณ์ทั้งสองนี้มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเว่ยหยาง!

ทันใดนั้นเอง หลี่เว่ยหยางได้รีบลุกขึ้นยืนโดยมิได้กล่าวอันใด

จากนั้นจึงถอดรองเท้าแล้วกระโดดลงไปในสระน้ำนั้นทันที

ไป๋จือรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จนทำอันใดมิถูก และมิทันได้คว้าตัวของนายหญิงน้อยเอาไว้

เพราะคาดมิถึงว่า นางจะกระโดดลงไป

สิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ก็คือ การยืนเฝ้าดูผมยาวสีดำค่อย ๆ จมหายลงไปใต้ผิวน้ำ จนมิเหลืออันใดเลย . .