ตอนที่ 17-1 อาชญากรรม

อาการป่วยของชิหยินเหนียงนั้นหนักมาก เพราะนางเริ่มไออย่างรุนแรงหลังจากกล่าวเพียงมิกี่คำ

หลี่เว่ยหยางเดินเข้าไปจับมือของมารดาเอาไว้แน่น

“ท่านแม่.”

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เรียกชิหยินเหนียงว่า ‘ท่านแม่’

ก่อนหน้านี้เว่ยหยางมีความสงบนิ่งอยู่ในใจมากพอสมควร

แต่มาถึงตอนนี้มีหลายอย่างเกิดขึ้นในหัวใจ มีทั้งความรู้สึกกังวล และความกลัว

ฮูหยินใหญ่ต้องเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมในครั้งนี้อย่างแน่นอน

หากเว่ยหยางมาถึงที่นี่ช้ากว่านี้หนึ่งชั่วโมง มีโอกาสที่นางจะมิได้พบมารดาผู้ให้กำเนิดของตนเองอีกต่อไป

แม้ว่าซีอุยเอ๋อ ผู้ที่เป็นสาวใช้ของชิหยินเหนียงจะมีความรู้สึกตกใจมาก แต่นางมิใช่ผู้ที่โง่เขลาเลย

เมื่อได้เห็นสถานการณ์ที่เลวร้ายตรงหน้า นางจึงรีบออกไปหากระเป๋าในทันที

หลังจากนั้น ซีอุยเอ๋อและไป๋จื่อได้ช่วยกันยัดศพของแม่นมจ้าวใส่กระเป๋า และใส่หินหนัก ๆ เข้าไปในกระเป๋าด้วย

โชคร้ายที่ร่างของแม่นมจ้าวมีน้ำหนักมากเกินไป และยังมีน้ำหนักของหินเพิ่มเข้าไปอีก

เด็กสาวรูปร่างบอบบางทั้งสองคนจึงมิสามารถยกกระเป๋าใบใหญ่นั้นได้

เมื่อเห็นเช่นนี้ หลี่เว่ยหยางจึงตัดสินใจช่วยเด็กสาวทั้งสองยกกระเป๋า มันต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก

จนถึงจุดที่เหนื่อยล้าสำหรับพวกเขาทั้งสามคนในการโยนกระเป๋าหนักลงไปในสระน้ำหลังหน้าต่างนั้น

เมื่อได้ยินเสียงกระเซ็นขนาดใหญ่ที่เกิดจากการโยนกระเป๋าลงไปในสระน้ำ ทั้งสามคนจึงสบตากัน และถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“รีบทำความสะอาดคราบเลือดในห้องให้หมด แม้แต่ชามซุปใบนั้นก็เอามันไปทิ้งด้วย

พวกเจ้าต้องการดำเนินการอย่างรวดเร็วและรอบคอบที่สุด อย่าให้ผู้อื่นสังเกตเห็นได้เด็ดขาด”

หลี่เว่ยหยางกล่าวอย่างจริงจัง ขณะกำลังนั่งอยู่ด้านข้างชิหยินเหนียง

ซึ่งสังเกตุเห็นว่า ในตอนนี้มารดามีอาการตัวสั่นเล็กน้อย

ชิหยินเหนียงมิเคยคิดเลยว่า เว่ยหยางจะเข้ามาช่วยนางในช่วงเวลาที่สำคัญ

และทำให้ได้เห็นการกระทำที่เด็ดขาดของบุตรสาวตนเอง

หลังจากทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ชิหยินเหนียงได้จับมือของเว่ยหยางเอาไว้แน่น

“รีบกลับไปยังห้องของตนเองเร็วเข้า อย่าอยู่ที่นี่อีกต่อไป แม่เกรงว่าเจ้าจะตกที่นั่งลำบากไปด้วย”

เมื่อมองไปที่ใบหน้าของมารดา หลี่เว่ยหยางจึงส่ายหัวอย่างดื้อดึง

“ไม่ ข้ามิไป ข้าจะอยู่กับท่านแม่”

“แม่นมจ้าวเป็นคนของฮูหยินใหญ่…”

ทันใดนั้นชิหยินเหนียงได้ไออีกครั้ง

เว่ยหยางขยับเข้ามาใกล้ และลูบหลังนางอย่างแผ่วเบา พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า

“ท่านแม่มิต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับฮูหยินใหญ่ ข้ามีวิธีจัดการกับนาง”

ชิหยินเหนียงส่ายหัวทันที

“ไม่ ฮูหยินใหญ่มิใช่ผู้ที่เจ้าจะรับมือได้อย่างง่ายดาย”

หลี่เว่ยหยางพยักหน้า พร้อมกับลูบไล้ใบหน้าของมารดา และรู้สึกได้ว่า หน้าผากของชิหยินเหนียง ร้อนขึ้น จึงหันไปหาซีอุยเอ๋อ

“ท่านแม่ของข้าป่วยเป็นอันใด?”

ซีอุยเอ๋อตาเเดงขึ้น และเริ่มมีน้ำตาคลอ แต่ชิหยินเหนียงมองนาง พร้อมกับขยิบตา เพื่อเป็นการบอกว่ามิต้องกล่าวอันใด

ในท้ายที่สุด ซีอุยเอ๋อมิสามารถนิ่งเงียบได้อีกต่อไป

“คุณหนูสาม ชิหยินเหนียนใช้ชีวิต อยู่อย่างยากลำบาก ตอนแรกเป็นเพียงหวัด แต่มิมีผู้ใดอนุญาตให้นางออกไปพบหมอ

นางทานอาหารมิค่อยลง จากนั้นมินานต่อมา สุขภาพของหยินเหนียงก็เริ่มแย่ลง”

หลี่เหว่ยหยางดึงเงินห้าเหรียญออกมา และยัดมันเอาไว้ใต้หมอนของผู้เป็นมารดา

“ท่านแม่รับสิ่งนี้เอาไว้ แล้วให้ซีอุยเอ๋อนำไปแลกเป็นเหรียญเล็ก ๆ เพื่อเอาไว้ซื้อยา”

ชิหยินเหนียงปฏิเสธทันทีโดยมิต้องคิด

“อันที่จริง แม่ต้องเป็นฝ่ายให้เจ้า แม่จะรับเงินของเจ้าเอาไว้ได้อย่างไร”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น นางจึงถอดกำไลหยกที่ข้อมือ และมอบให้เว่ยหยางทันที

ในสายตาของชิหยินเหนียง มีเพียงความห่วงใยและความรักที่มาจากส่วนลึกภายในหัวใจ

ดวงตาของเว่ยหยางเริ่มลุกเป็นไฟขณะที่ส่ายหัว

“ท่านแม่ ท่านย่าใหญ่ชอบข้ามาก เงินทั้งหมดนี้นางเป็นผู้มอบให้ข้าเอง

ตอนนี้ข้ามีชีวิตที่สุขสบายมาก ดังนั้นท่านมิต้องกังวล”

ชิหยินเหนียงพยักหน้าขณะที่นางระงับความต้องการที่จะกอดบุตรสาวของตนเอง และร้องไห้ออกมา

นางกล่าวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออก มาว่า

“เว่ยหยาง แม่ขอโทษ ทั้งหมดเป็นเพราะความไร้ประโยชน์ของแม่”

“ท่านแม่ ผู้ใดที่ทำให้ท่านต้องกลายเป็นเช่นนี้ . . สักวันข้าจะจัดการกับมันเอง!”

น้ำเสียงของเว่ยหยางเย็นชา และซ่อนความร้ายกาจเอาไว้

คำกล่าวเหล่านั้นมันมิสมควรที่จะเป็นคำกล่าวของเด็กสาวอายุสิบสามปี

ชิหยินเหนียงมีอาการตื่นตระหนกและรีบใช้มือปิดปากของเว่ยหยางในทันที

ซีอุยเอ๋อเป็นคนสนิทที่ไว้ใจได้ของนาง

และไป๋จือก็สามารถไว้วางใจได้เช่นเดียวกัน แต่ถึงกระนั้น…

“เจ้าต้องมิกล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้อีก!

ความฝันของแม่ ขอเพียงให้เจ้าเติบโตขึ้น แต่งงานกับคนที่ดี และมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข สิ่งนี้คือสุดยอดปรารถนาของแม่

เรื่องการแก้แค้นนั้น อย่าได้คิดเรื่องนี้อีกต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีชีวิตที่สงบสุข และเรียบง่าย”

เว่ยหยางรู้สึกถึงอารมณ์ที่รุนแรงในตัวนาง แต่มิสามารถกล่าวอันใดออกมาได้

ชิหยินเหนียงกำลังจะกล่าวต่อ แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงแปลก ๆ

‘ป๋อม’

เสียงดังกล่าวทำให้ชิหยินเหนียงหน้าซีดลงในทันที และมีความรู้สึกหวาดกลัว ราวกับว่านางมิเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

นางจับร่างของเว่ยหยางแน่นขึ้น

“เว่ยหยางเจ้าได้ยินเสียงนั้นหรือไม่”

“แม่นมจ้าวฟื้นคืนชีพแล้วหรือ!”ซีอุยเอ๋ออุทานออกมาด้วยความตกใจ

หลี่เว่ยหยางลุกขึ้นจากเตียงในทันที

“ข้าจะไปดูเอง”

นางรีบก้าวเดินไปยังหน้าต่าง และจ้องมองไปที่สระบัวนั้น

และได้สังเกตเห็นว่า บริเวณด้านหลังของหินมีเงาของคนผู้หนึ่งอยู่

จากนั้นมีก้อนหินขนาดเล็กตกลงไปในสระน้ำ ทำให้เกิดเสียงดัง’ป๋อม’

นางหันกลับมา และยิ้มกว้างให้กับมารดา พร้อมกับกล่าวว่า

“ท่านแม่มิต้องกังวล เป็นเสียงของหินก้อนเล็ก ๆ ที่หล่นมาจากสวนหินข้างสระน้ำเท่านั้นเอง”

หลังจากครุ่นคิดสักครู่ หลี่เว่ยหยางจึงมั่นใจว่า มีคนยืนอยู่เบื้องหลังสวนหิน แต่มันจะเป็นผู้ใด?