บทที่ 160 ความตื่นตระหนกของจางฮั่นหลิน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 160 ความตื่นตระหนกของจางฮั่นหลิน

หลังจากที่ไป๋เยี่ยเขียนรายงานสรุปแล้ว เขาก็แนบมันไว้ที่ด้านหลังของแผนดำเนินโครงการ ซึ่งเขาก็ได้บันทึกข้อมูล เขียนข้อสรุป และจัดเตรียมขั้นตอนสุดท้ายของการเขียนรายงานแล้ว

ไป๋เยี่ยพอใจมากเมื่อได้เห็นโครงการที่เขาเป็นคนออกแบบเองกับมือสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ส่วนที่ยากที่สุดของโครงการนี้คือการออกแบบการทดลองและการวิเคราะห์ข้อมูล

ขั้นตอนการทดลองนั้นไม่ยุ่งยากมาก เพราะเขาได้รับความช่วยเหลือจากเหล่านักศึกษาและอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ทุกขั้นตอนจึงเป็นไปอย่างมีแบบแผน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไป๋เยี่ยจึงเลือกทำโครงการนี้ให้เสร็จก่อน จากนั้นจึงค่อยเผยแพร่มันลงในวารสาร

ไป๋เยี่ยกำลังคิดจะโทรไปขอคำปรึกษาจากจางฮั่นหลิน ทว่าเมื่อคิดๆ ดูแล้วเขาก็ตัดสินใจไปที่ห้องผู้อำนวยการเองดีกว่า เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้รู้สึกถึงความจริงจังของเขา…

ไป๋เยี่ยคว้าเอกสารขึ้นมาและตรงไปที่ห้องผู้อำนวยการทันที

“อาจารย์จาง สะดวกไหมครับ” ไป๋เยี่ยถามด้วยรอยยิ้ม

จางฮั่นหลินพยักหน้า “เป็นยังไงบ้างล่ะ วิเคราะห์ไปถึงไหนแล้ว”

ไป๋เยี่ยยื่นรายงานให้จางฮั่นหลิน “เสร็จหมดแล้ว รอสรุปผลอย่างเดียวครับ!”

จางฮั่นหลินได้ยินดังนั้นก็นิ่งไป ผลสรุปเหรอ

นี่เพิ่งกี่วันเอง แต่เขาได้ผลสรุปแล้วเหรอ เพิ่งเริ่มทำโครงการได้ไม่นานเองไม่ใช่เหรอ

“รายงานเสร็จยังล่ะ”

ไป๋เยี่ยเปิดรายงานหน้าสุดท้าย “เสร็จแล้วครับ!”

จางฮั่นหลินอ่านข้อความบนกระดาษพลางขมวดคิ้วลง “ผลของอาหารหนูบีวายวันต่อการประเมินโดยใช้เกณฑ์บีพีเอฟเอช…บีพีเอฟเอชคืออะไรเหรอ”

ไป๋เยี่ยชะงักพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผากตนเอง จางฮั่นหลินไม่เคยได้ยินเรื่องเกณฑ์บีพีเอฟเอชเลยเหรอเนี่ย แต่อย่างว่า มันเพิ่งได้รับการเผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้เอง คนในจิ้นซียังไม่น่ารู้จักมักหรอกมั้ง

จางฮั่นหลินขมวดคิ้วเป็นปม เหตุผลที่เขาขอให้ไป๋เยี่ยสมัครโครงการนี้ก็เพราะเขาคิดว่าไป๋เยี่ยควรจะทำโครงการนี้แบบถูกต้องและเรียนรู้วิธีการทำวิจัยอย่างสมบูรณ์แบบ

จางฮั่นหลินจึงไม่ค่อยพอใจที่ไป๋เยี่ยทำรายงานสรุปขึ้นแบบลวกๆ เขาคิดว่าไป๋เยี่ยยังให้ความสำคัญกับงานวิจัยน้อยเกินไป ทั้งที่คนในมหาวิทยาลัยจำนวนมากยอมร่วมมือทำการทดลองต่างๆ ให้เขา ถึงแม้ว่าไป๋เยี่ยจะเป็นคนออกทุนเอง แต่คนอื่นๆ ก็เหนื่อยมากเช่นกัน แต่ไป๋เยี่ยกลับทำงานลวกๆ ส่งเสียอย่างนั้น

จางฮั่นหลินคิดได้ดังนั้นก็วางรายงานผลสรุปลงแล้วจึงมองหน้าไป๋เยี่ยก่อนจะพูดขึ้น “ไป๋เยี่ย คุณเก่งมากนะ แต่ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่คุณจะต้องเรียนรู้มัน ทั้งนักศึกษาและอาจารย์ในมหา’ลัยต่างทำงานหนักเพื่อคุณ ผมคิดว่าคุณไม่ควรทำให้พวกเขาผิดหวังนะ”

“อีกอย่าง…เกณฑ์บีพีเอฟเอชอะไรนี่ ผมลองอ่านดูแล้ว คุณใช้วิธีรวบรวมพารามิเตอร์ในการทดลองโดยใช้หนูมาทำเป็นเกณฑ์ประเมิน ความคิดของคุณดีมาก แต่การวิจัยนั้นต้องมีความเข้มงวม ตัวชี้วัดและหน่วยใดๆ จะต้องมีมาตรฐาน แต่เกณฑ์ของคุณน่ะ…กลับไปแก้ซะนะ”

พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไร จางฮั่นหลินก็ดูจะจริงจังขึ้นมาตลอด “คุณต้องพัฒนาทัศนคติเกี่ยวกับงานวิจัยซะตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นต่อไปมันจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาของคุณแน่นอน!”

“ส่วนเรื่องรายงานผลสรุปก็ค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน ขืนคุณยังเป็นแบบนี้ ผมจะหาคนมาตรวจรายงานผลสรุปของคุณได้ไงกัน ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า มันจะไม่เป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้ชื่อมหา‘ลัยของเราเหรอ”

เมื่อโครงการเสร็จสิ้นลงจะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ มาตรวจสอบ แก้ไขข้อสงสัย โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะต้องมาจากสถาบันอื่นที่ไม่ใช่สถาบันต้นสังกัด จางฮั่นหลินจึงมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“กลับไปแก้ไขให้ดี แก้เสร็จแล้ว ผมจะเป็นคนตรวจและหาผู้เชี่ยวชาญมากให้คุณเอง” จางฮั่นหลินคิดว่าน้ำเสียงของเขาอาจจะฟังดูดุเกินไป เขาจึงพยายามผ่อนคลายลง “คุณอาจยังไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้คุณกลายเป็นมาตรฐานและตัวแทนของสถาบันเรา ว่ากันตามตรง ตอนนี้คุณกลายเป็นไอดอลของนักศึกษาคนอื่นๆ แล้ว!”

ไป๋เยี่ยพยักหน้า เขาเข้าใจถึงความหวังดีของจางฮั่นหลิน ทว่าเขาเองก็ไม่อยากรีรอไปมากกว่านี้แล้ว ทันทีที่เขาจะปริปากอธิบาย จู่ๆ โทรศัพท์ของจางฮั่นหลินก็ดังขึ้น

จางฮั่นหลินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยความประหลาดใจ หลังจากรับสาย อีกฝ่ายก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“จางใช่ไหม ฉันทอมเอง นายอ่าน ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ ฉบับล่าสุดหรือยัง”

จางฮั่นหลินถึงกับผวา ทอมเป็นเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่สมัยที่เขาไปทำงานในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งในอเมริกา ซึ่งทอมก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานวิจัยเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังทำงานวิจัยอยู่ภายใต้สังกัดของสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียง

“ฉันอ่านฉบับเดือนพฤษภาคมไปน่ะ มีอะไรผิดปกติเหรอ” จางฮั่นหลินดูสงสัยเล็กน้อย เพราะปกติวารสารฉบับนี้จะออกเป็นรายเดือนเท่านั้น

“ไม่ ไม่ ไม่! ไม่ใช่ฉบับเดือนพฤษภาคม แต่เป็นฉบับพิเศษล่าสุด เป็นฉบับพิเศษที่เอ็มไอโอตีพิมพ์ขึ้นโดยเฉพาะ นี่เป็นเรื่องสุดยอดมากเลยนะ ไว้นายไปอ่านดูแล้วกัน ลองไปอ่านดูในเว็บทางการของเอ็มไอโอนะ เรื่องนี้ทำเอาวงการสัตว์ทดลองทั่วทั้งอเมริกาสั่นสะเทือนเลยล่ะ!”

จางฮั่นหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าทอมโทรหาเขาแบบนี้แปลว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ อีกทั้งเขายังบอกว่ามันเป็นวารสารฉบับพิเศษด้วย! ฉบับพิเศษหมายความว่าอะไร วารสารชั้นนำอย่าง ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ จะไม่ตีพิมพ์ฉบับพิเศษถ้าไม่มีประเด็นสำคัญอะไรแน่นอน

มันจะต้องเป็นประเด็นสำคัญของยุคแน่ๆ!

เขาวางสายโทรศัพท์ หันมาพูดกับไป๋เยี่ยด้วยสีหน้ากังวล “นั่งรอก่อน ไว้ผมจะคุยกับคุณทีหลัง”

จากนั้นเขาก็เข้าเว็บไซต์ทางการของเอ็มไอโอทันที ทันทีที่เขาเข้ามาหน้าแรกของเว็บไซต์ก็พบกับตัวอักษรขนาดใหญ่

‘เกณฑ์บีพีเอฟเอช’

จางฮั่นหลินกดเข้าไปด้วยความสงสัย ก่อนจะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา

[ระบบการประเมินหนูทดลองผ่านเกณฑ์ BPFH จะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการเพาะเลี้ยงหนูทดลองในยุคใหม่…]

เกณฑ์บีพีเอฟเอชคืออะไร จางฮั่นหลินยิ่งอยากรู้ จึงคลิกอ่านบทคัดย่อของบทความอย่างคร่าวๆ

เมื่อเขาอ่านจบก็เห็นประกาศบนเว็บไซต์ทางการอีกฉบับ!

[องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรฐาน ไอเอสโอ และสถาบันวิจัยเอ็มไอโอจะร่วมมือกันรับรองมาตรฐานของเกณฑ์ประเมินหนูทดลอง เอ็มไอโอ-บีพีเอฟเอช และจัดตั้งหน่วยงานดำเนินการตรวจสอบมาตรฐานขึ้นเป็นพิเศษเพื่อการซื้อขายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยของตลาดสัตว์ทดลองต่อไป…]

ด้านล่างเป็นหน้าปกวารสาร ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ ซึ่งเป็นภาพของไป๋เยี่ย!

จางฮั่นหลินรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเพราะข้อความบนปก

[‘ไป๋เยี่ย’ เสนอเกณฑ์การประเมินหนูทดลองบีพีเอฟเอชและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเพาะเลี้ยงหนูทดลอง เขาอาจจะกลายเป็นประธานคนแรกของหน่วยรับรองมาตรฐานเกณฑ์เอ็มไอโอ-บีพีเอฟเอช]

ในหัวของจางฮั่นหลินขาวโพลนไปหมด!

นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ

เขาไม่อยากจะเชื่อเลย เพราะมันฟังดูเหนือจริงเกินไป! ดูเป็นจริงไม่ได้เลย!

ป…เป็นไปได้ไงเนี่ย

เกณฑ์บีพีเอฟเอชที่สร้างผลกระทบต่อวงการสัตว์ทดลองถูกคิดค้นขึ้นโดยไป๋เยี่ยคนเดียวกันแน่นะ

แต่จะเหมือนกันทั้งชื่อทั้งหน้าเลยเรอะ นี่ไง มีรูปถ่ายด้วย!

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…จางฮั่นหลินยังยอมรับไม่ได้ เพราะสุดท้ายเขาก็ยังคิดว่าศักยภาพระหว่างเขาและไป๋เยี่ยยังคงต่างกันเกินไป

ไป๋เยี่ยเป็นคนเก่งมาก เขาเข้าใจข้อนี้ดี แต่ตอนนี้…เขาไม่สงสัยเรื่องความเก่งอีกต่อไปแล้ว เขากลับสงสัยมากกว่าว่าไป๋เยี่ยเป็นคนหรือเทพกันแน่!

บรรดาผู้คนที่ได้ขึ้นปกวารสารของเอ็มไอโอควรจะเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลไม่ใช่เหรอ

ยิ่งไปกว่านั้น นวัตกรรมล้ำยุคสมัยเหล่านี้ควรจะมาจากคนพวกนั้นไม่ใช่เหรอ

คนที่ปรากฏตัวบนทีวีควรจะเป็นคนพวกนั้นไม่เหรอ

จางฮั่นหลินเงยหน้าขึ้นมองไป๋เยี่ยที่นั่งหัวยุ่งอยู่อย่างนั้น

คนเดียวกันแน่นะ

จางฮั่นหลินคิดได้ดังนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปหาไป๋เยี่ยและมองเขาด้วยสายเคลือบแคลงใจ

ไป๋เยี่ยถึงกับสะดุ้ง อ…อาจารย์จะทำอะไรเนี่ย!

ไป๋เยี่ยรีบลุกขึ้นทันที “อาจารย์…อาจารย์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

จางฮั่นหลินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “บีพีเอฟเอชคืออะไร แล้วการรับรองมาตรฐานของเกณฑ์เอ็มไอโอ-บีพีเอฟเอชเป็นไงบ้าง คุณเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดนั่นเลยเหรอ”