บทที่ 161 ข้อเสนอของหยางมู่จวิน

สูตรโกงฉบับเด็กเรียน

บทที่ 161 ข้อเสนอของหยางมู่จวิน

ไม่ว่าอย่างไรจางฮั่นหลินก็ยังยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้…

จางฮั่นหลินมองไปที่ไป๋เยี่ยอย่างจริงจัง “ไป๋เยี่ย คุณทำทั้งหมดนี่เองเหรอ”

ไป๋เยี่ยได้แต่ยิ้มแห้งและเกาหัวแกรกๆ “ก็คงงั้นแหละครับ”

‘ก็คงงั้น’ หมายความว่าไง ใช่ก็บอกว่าใช่ ไม่ก็บอกว่าไม่สิ ไม่ใช่บอกว่าก็คงงั้น จู่ๆ จางฮั่นหลินก็รู้สึกกังวลขึ้นมา

ไป๋เยี่ยเห็นท่าทีของจางฮั่นหลินก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไปจึงรีบเอ่ยขึ้น

“อาจารย์ จริงๆ แล้วเรื่องนี้ผมได้แรงบันดาลใจมาจากอาจารย์จริงๆ นะครับ จำตอนที่อาจารย์ยังอยู่ที่สถาบันวิจัยโรคสมองได้ไหมครับ ตอนที่มีฝรั่งมาขึ้นราคาหนูทดลองแล้วอาจารย์บอกว่าคุณภาพของหนูทดลองในประเทศเรายังไม่ดี ผมก็เลยคิดหาวิธีประเมินคุณภาพหนูออกมา ทั้งเช่าฐานทดลอง ทั้งเช่าฐานเพาะพันธุ์หนู สังเกตและสรุปข้อมูลออกมาเป็นเกณฑ์บีพีเอฟเอชที่ใช้กันเนี่ยแหละครับ”

ถ้าจางฮั่นหลินไม่ฟังก็ไม่เป็นไร ทว่ายิ่งจางฮั่นหลินฟังคำพูดของไป๋ยิ่งก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ…

ความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับตัวเรามันเป็นแบบนี้สินะ

ให้ตายเถอะ…จางฮั่นหลินอยากจะชี้หน้าด่าทุกคนจริงๆ…แค่ราคาหนูทดลองเพิ่มขึ้นก็มีเกณฑ์บีพีเอฟเอชผุดขึ้นมาแล้ว ดูสิ คุณเองก็รู้ว่าราคาหนูทดลองนั้นเพิ่มสูงขึ้นจนเงินทุนไม่เพียงพอ

จู่ๆ จางฮั่นหลินก็นึกถึงไอแซค นิวตัน เขาหันมาศึกษากฎแรงโน้มถ่วงเพราะแอปเปิ้ลลูกนั้นที่หล่นใส่หัวเขา แทนที่จะกินมันไปให้สิ้นเรื่อง

ไอแซค นิวตันกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ก็เพราะความอยากรู้อยากเห็นและความช่างสังเกตของเขา

จางฮั่นหลินคิดแล้วก็ถอนหายใจ…

ไป๋เยี่ยเห็นสีหน้าของจางฮั่นหลินก็รู้สึกแปลกๆ คงจะไม่ทำให้ผอ.รู้สึกแย่ใช่ไหม

ไป๋เยี่ยรีบอธิบาย “อาจารย์จาง ที่จริงแล้ว…งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเลยครับ ผมใช้เวลากับมันนานมาก ทั้งกระบวนการรวมๆ ก็ครึ่งปีแล้วครับ…”

เดิมทีจางฮั่นหลินก็หงุดหงิดอยู่แล้ว…นายว่านายใช้เวลาครึ่งปีงั้นเหรอ คิดว่าครั้งปีมันนานมากมั้ง! ขนาดโครงการระดับชาติฉันยังใช้เวลาทำตั้งสองปีแน่ะ…

ไป๋เยี่ยเห็นว่าสีหน้าของจางฮั่นหลินไม่ค่อยดีนัก จึงหยุดพูดและไอแก้เขินไป

จางฮั่นหลินถอนหายใจก่อนจะนั่งลง ไป๋เยี่ยรู้ดีว่าตอนนี้เขาควรจะทำอะไรจึงเดินไปรินน้ำร้อนให้ “อาจารย์พักก่อนเถอะครับ ไว้ผมจะกลับไปแก้เอง เสร็จแล้วจะเอามาให้อาจารย์ดูครับ”

พูดจบไป๋เยี่ยก็เดินไปทันที

จางฮั่นหลินถึงกับผงะไปเมื่อเห็นท่าทีของไป๋เยี่ยที่กำลังรินน้ำร้อนให้เขาอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเขาก็เริ่มคิดอะไรได้

ใช่แล้ว ฉันเป็นอาจารย์ของเขา ต่อให้เขาจะเก่งแค่ไหนก็ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์อยู่ดี แต่ก็นะ คิดอะไรมาเทน้ำเปล่าให้วะเนี่ย

จางฮั่นหลินคิดแล้วก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “โอเค พอก่อน ผมอยากดื่มชาหลงจิ่ง ไปชงมาให้ผมสักแก้วสิ ส่วนเรื่องอื่นไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ไว้ถึงตอนนั้นจะหาผู้เชี่ยวชาญกับอาจารย์มารอไว้แล้วกันนะ”

พูดจบ จางฮั่นหลินก็ยื่นถุงชาให้ไป๋เยี่ย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋เยี่ยก็หัวเราะออกมาก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้ครับ อาจารย์พักผ่อนได้เลยครับ ผมชงชาให้!”

เมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของไป๋เยี่ย จางฮั่นหลินก็รู้สึกสดชื่อและผ่อนคลายมาก แต่เดี๋ยว รู้สึกผ่อนคลายงั้นเหรอ แค่กๆ! มันไม่ควรเป็นแบบนี้เซ่!…

หนึ่งชั่วโมงต่อมา จางฮั่นหลินกำลังนั่งตรวจรายงานผลสรุปของไป๋เยี่ยอย่างรอบคอบ

“แค่นี้ก็โอเคแล้ว กลับไปก็ไปแก้ตามที่ผมบอกซะ เวลาผู้เชี่ยวชาญมาตรวจจะได้ไม่มีปัญหาอะไร”

“จริงๆ แล้วรายงานผลสรุปนี่ก็ไม่แย่ พวกผู้เชี่ยวชาญน่าจะไม่ติดอะไร อีกอย่างคุณใช้เงินทุนไปแค่หนึ่งหยวน ก็น่าจะผ่านแหละมั้ง”

“โดยเฉพาะรายงานท้ายสุดนี่ ถ้าคุณตีพิมพ์มันลงวารสารดีๆ ได้ รายงานผลสรุปของคุณก็จะดูดีขึ้นหน่อย”

ไป๋เยี่ยจดสิ่งที่ต้องระวังไว้อย่างรอบคอบ รายงานผลสรุปถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่สำคัญมาก สิ่งที่จางฮั่นหลินหยิบยกขึ้นมาต่างเป็นจุดเล็กๆ ที่นำมาซึ่งปัญหาได้ง่าย

จางฮั่นหลินพูดจบก็ยิ้มออกมา “อย่ากังวลไป ผมจะลองติดต่อผู้เชี่ยวชาญกับอาจารย์จากสถาบันอื่นๆ ดูว่าพวกเขาสะดวกตอนไหนบ้าง พวกเรารีบนัดให้ตรวจเสร็จตอนเช้าเนี่ยแหละ คุณจะได้ไปทำอย่างอื่นต่อ”

ไป๋เยี่ยเองก็คิดแบบเดียวกันกับจางฮั่นหลินจึงรีบตอบรับ “ขอบคุณมากครับอาจารย์จาง รบกวนอาจารย์แล้ว”

จางฮั่นหลินยิ้มและโบกมือให้เขา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน

“ฮัลโหล หัวหน้าหลิน ผมจางฮั่นหลินนะ อ่า ใช่ๆ ผมมีเรื่องอยากขอให้คุณช่วยนิดหน่อย”

“อาจารย์จางเกรงใจกันเกินไปแล้ว อยากให้ช่วยอะไรก็พูดมาตรงๆ ได้เลย ถ้าช่วยได้ฉันก็จะช่วยนะ ฮ่าๆ” อีกฝ่ายกระตือรือร้นมาก

จางฮั่นหลินพูดต่อ “นักศึกษาของผมทำโครงการวิจัยอยู่หนึ่งชิ้นน่ะ กำลังจะส่งรายงานผลสรุปแล้ว แล้ว ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญสองคนมาช่วยตรวจสอบ คุณสะดวกไหมล่ะ”

“รายงานผลสรุปงั้นเหรอ หัวข้อโครงการคืออะไรเหรอ ฉันขอดูหน่อยได้ไหม” อีกฝ่ายยิ้ม อย่างไรความกว้างของแต่ละสาขาวิชาก็ต่างกันอยู่แล้ว

จางฮั่นหลินยิ้ม “ได้สิ เป็นโครงการวิจัยทางการแพทย์เนี่ยแหละ คนทำวิจัยก็คือ ‘ไป๋เยี่ย’ นักศึกษาของผมเอง หัวข้อโครงการก็คือ ‘ผลของอาหารหนูบีวายวันต่อการประเมินโดยใช้เกณฑ์บีพีเอฟเอช’”

อีกฝ่ายได้ฟังก็เงียบไป “อาจารย์จาง ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยนะ แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับสาขาของฉันสักเท่าไหร่ ฉันเป็นบุคลากรทางการแพทย์นะ ถ้าจะไปคุมเรื่องการทดลอง…มันจะดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะ อย่ารอจนตอนนั้นค่อย…”

จางฮั่นหลินเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายตั้งใจจะสื่อจึงตอบรับอีกฝ่ายไป “ไม่เป็นไรครับ ไว้โอกาสหน้าค่อยมาร่วมงานกัน”

อีกฝ่ายพยักหน้า

หลังจากที่โทรหาผู้เชี่ยวชาญนับหลายคนมาสักพัก ก็พบว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธทันทีเมื่อได้ยินว่าโครงการนี้มีทุนสนับสนุนเพียงหนึ่งหยวน

ตอนแรกจางฮั่นหลินยังไม่รู้สึกอะไร แต่เขาก็โดนปฏิเสธมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าไม่ได้ปฏิเสธเพราะเหตุผลเรื่องคุณสมบัติทางวิชาชีพ ก็เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่สะดวก

พอโทรไปเรื่อยๆ ก็เริ่มไม่มีใครรับสายจางฮั่นหลิน ตอนนี้ทั้งคู่จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

จางฮั่นหลินเริ่มรู้สึกไม่พอใจ ในขณะที่ไป๋เยี่ยเองก็กังวล นี่ ‘ชื่อเสีย’ ของเรามันดังขนาดนั้นเลยเหรอ

จางฮั่นหลินหันมาพูดกับไป๋เยี่ย “ไม่ต้องเครียด ผมเชื่อว่ายังไงเราก็หาผู้เชี่ยวชาญมาได้”

เขาจึงโทรหาเพื่อนเก่าบ้าง อีกฝ่ายเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยแพทย์แห่งหนึ่ง

“เหล่าเฮ่อ นี่จางฮั่นหลินเอง วันจันทร์หน้าว่างไหม” จางฮั่นหลินถามออกไปตรงๆ

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินเสียงของจางฮั่นหลิน ก็เอ่ยถามขึ้นอย่างลังเล “ใครก่อเรื่องล่ะเหล่าจาง ไหงพูดเสียงเครียดมาเชียว”

จางฮั่นหลินถอนหายใจและเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่

อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นก็หัวเราะลั่น “ฮ่าๆ นายโทษพวกเขาไม่ได้หรอก ก็โครงการหนึ่งหยวนของนายมันดังไงล่ะ เป็นฉันฉันก็ไม่ค่อยอยากยุ่งหรอก พวกเขาจะระวังตัวหน่อยก็ไม่ผิดหรอก ไม่ต้องโกรธหรอกน่า ถ้าถึงตอนนั้นคนไม่พอยังไง ไว้ฉันจะส่งคนจากมหา’ลัยฉันไปนะ”

จางฮั่นหลินได้ฟังก็พอจะทุเลาความโกรธลงได้บ้าง เพราะสิ่งที่อีกฝ่ายพูดก็ฟังดูมีเหตุผล “ขอบใจมากเหล่าเหอ ไว้ฉันจะติดต่อคนอื่นดู ไม่รบกวนนายแล้ว”

“ไม่เป็นไร ถ้าคนไม่พอก็โทรมาแล้วกันนะ ฉันก็สนใจเด็กไป๋เยี่ยนั่นอยู่เหมือนกัน เขาเป็นคนเก่งมาก อยากเจอมานานแล้ว”

หลังจากที่จางฮั่นหลินโทรหาคนอื่นๆ อีกสองสามสาย ก็มีคนตอบรับเขาสักที จางฮั่นหลินจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกพร้อมหันมาพูดกับไป๋เยี่ย “ไม่ต้องเครียด ผมเชื่อว่ายังไงเราก็หาผู้เชี่ยวชาญมาได้”

จู่ๆ โทรศัพท์ของจางฮั่นหลินก็ดังขึ้น!

“ฮัลโหล จางฮั่นหลินครับ” จางฮั่นหลินเห็นว่าเป็นสายที่ไม่รู้จักจึงชิงพูดขึ้นก่อน

“สวัสดีครับ ผอ.จาง ผมชื่อหยางมู่จวิน เป็นผู้รับผิดชอบจากศูนย์บริหารจัดการโครงการแห่งชาติครับ ผมมีเรื่องอยากสอบถามคุณหน่อย” อีกฝ่ายตรงเข้าประเด็นทันที

“โอ้ สวัสดีครับ หัวหน้าหยาง มีอะไรที่ผมพอจะช่วยคุณได้บ้าง” จางฮั่นหลินดูสับสน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหยางมู่จวินคือใคร แต่แน่นอนว่าเขารู้จักศูนย์บริหารจัดการโครงการแห่งชาติดี

ศูนย์บริหารจัดการโครงการแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลโครงการวิจัยต่างๆ แม้ว่าจะเป็นหน่วยงานขนาดเล็ก แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องในงานวิจัยต่างๆ ของหลายสถาบัน

เนื่องจากศูนย์บริหารจัดการโครงการแห่งชาติได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการคลัง หากเงินทุนที่ได้รับการสนับสนุนที่มาจากการจัดสรรของกระทวงการคลัง ก็จะต้องถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานดังกล่าว

แม้ว่าเงินทุนที่ได้รับการสนับสนุนจะถูกบันทึกไว้โดยกระทรวงการคลัง แต่สิทธิ์ขั้นสุดท้ายในการพิจารณาจะขึ้นอยู่กับศูนย์บริหารจัดการโครงการแห่งชาติเท่านั้น

หยางมู่จวินเปิดประเด็น “โครงการของไป๋เยี่ยเป็นไงบ้างครับ ผอ.จาง ทางหน่วยงานของเรามองว่าหัวข้อโครงการนี้ดีมาก เราจึงอยากให้ความสนใจเป็นพิเศษหน่อยน่ะครับ”

จางฮั่นหลินถึงกับตกตะลึง ว่าไงนะ หัวข้อที่ดีงั้นเหรอ

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายวันยังบอกว่าโครงการนี้เป็นแค่โครงการเด็กๆ เท่านั้นอยู่เลย ทว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นโครงการที่ดีมาก!

จางฮั่นหลินลองคิดๆ ดูแล้ว เขาก็พูดอะไรไม่ได้จริงๆ แต่การที่ศูนย์จัดการโครงการแห่งชาติให้ความสนใจกับโครงการนี้ก็ถือเป็นเรื่องดี

“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ หัวหน้าหยาง ผมคงต้องรบกวนคุณแล้ว” จางฮั่นหลินกล่าวอย่างยิ้มๆ

“ไม่มีปัญหาครับ เราควรจะให้ความสนใจและการสนับสนุนแก่ผู้มีศักยภาพอยู่แล้วครับ” หยางมู่จวินตอบอย่างชอบธรรม

“นอกจากนี้ ทางเราได้ศึกษาโครงการนี้อย่างละเอียดแล้ว เป็นงานวิจัยที่มีมาตรฐานมากครับ ต่อไปสามารถยกระดับขึ้นเป็นโครงการระดับมณฑลได้เลย หลังจากแก้ไขแล้วก็ยื่นสมัครได้เลยครับ ทางเราจะคอยจัดการให้เอง ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องกังวลเลยครับ”

จางฮั่นหลินผงะไปครู่หนึ่ง การสมัครโครงการระดับมณฑลมันง่ายแบบนั้นเลยเหรอ แถมยังไม่ต้องมานั่งเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย มันกลายเป็นเรื่องง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

แต่ว่า…โครงการของไป๋เยี่ยกำลังจะเข้าสู่การดำเนินการขั้นสุดท้ายแล้วนี่สิ

“เอ่อ…หัวหน้าหยางครับ คือว่าโครงการของไป๋เยี่ยมีกำหนดจะเสร็จสิ้นเร็วๆ นี้แล้ว ทางเราส่งรายงานผลสรุปไปแล้วด้วยครับ อีกอย่างเช้าวันจันทร์หน้าผมจะสรุปผลงานวิจัยแล้วครับ” จางฮั่นหลินกล่าวช้าๆ

หยางมู่จวินผงะ สรุปผลงานวิจัยแล้วเหรอ

ไม่กี่วันงานวิจัยก็เสร็จแล้วเนี่ยนะ…

ถ้าทำรายงานผลสรุปแล้วจะแก้ยังไงล่ะ

หยางมู่จวินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนะเอ่ยปากขึ้น “รายงานผลสรุปเหรอครับ งั้นก็ดีเลยสิ! ว่าแต่คุณเลือกผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบงานวิจัยหรือยังครับ พอดีวันจันทร์เป็นวันหยุดของผมครับ คุณยังขาดคนไหม”

จางฮั่นหลินกลอกตา หน่วยงานรัฐเขาหยุดวันจันทร์กันด้วยเหรอ

ไม่มีเหตุผลอื่นที่ดีกว่านี้แล้วหรือไง

แต่เอาเถอะ ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี หยางมู่จวินเหมาะจะมาเป็นหนึ่งในผู้ตรวจสอบรายงานผลสรุปเพราะเขาเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง!

“ยินดีมากเลยครับ! หัวหน้าหยางเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ ทางเรายินดีต้อนรับคุณมากๆ เลยครับ!” จางฮั่นหลินพูดด้วยรอยยิ้ม

“ตกลงครับ! ไว้ผมจะไปหาคุณในวันอาทิตย์นะครับ เราจะมาคุยกันเรื่องรายงานผลสรุปกันก่อน…”