บทที่ 112 ลูกสาวที่แต่งงานออกไปจะกลับมาบ้านช่วงปีใหม่

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 112 ลูกสาวที่แต่งงานออกไปจะกลับมาบ้านช่วงปีใหม่
บทที่ 112 ลูกสาวที่แต่งงานออกไปจะกลับมาบ้านช่วงปีใหม่

เนื้อที่บ้านโดนนักบัญลีจัดการไปไม่เหลือแล้ว ปีนี้ยากลำบากมาก และเพื่อให้ลูก ๆ ได้กินของดีซูเถาฮวาเลยใช้ให้ลูกสาวไปนำเต้าหู้มา

ส่วนนักบัญชีนี่ไม่ขยับเขยื้อนอะไรเลยสักอย่าง ตัวเองเอาแต่วิ่งเข้าหาแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้น

พอสองพี่น้องกลับมา กลับพบว่าบรรยากาศในบ้านไม่ดีเลย

“พ่อล่ะครับ?” เสี่ยวเหลียงมองบนเตียงเตาที่ว่างเปล่าทิ้งไว้เพียงผ้าห่มเป็นก้อนขยุ้มแล้วเอ่ยถาม

“ถูกคนรองเท้าขาดเรียกไปแล้ว!” เสี่ยวกังตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

เสี่ยวเหลียงและเสี่ยวเหมยก็ไม่คิดว่าช่วงปีใหม่แบบนี้ พ่อของเขาก็ยังไปกับหญิงอื่น

ชั่วขณะหนึ่งที่ภายในห้องเงียบงัน

ตระกูลหลักซูกำลังมีความสุขมาก

คุณปู่ซูพาพวกลูก ๆ หลาน ๆ ติดกลอนคู่สีแดงและทำความสะอาดลานบ้านด้วยกัน แม้แต่คอกเลี้ยงหมูก็ยังตั้งใจทำความสะอาดด้วย

คุณย่าซูอยู่ในครัว กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารค่ำในวันส่งท้ายปีเก่ากับสะใภ้ทั้งสาม

แตกต่างจากฝั่งบ้านเถาฮวามาก อาหารค่ำของบ้านซูเยอะแยะไปหมด

เกี๊ยวมีสองแบบ แบบแรกคือไส้หมูผักกาดดอง อีกแบบคือไส้หัวไชเท้ากากหมู

นอกจากนี้ยังมีนอกจากหมูก้อนทอดจานหนึ่ง ผลไม้หน้าหนาวจานหนึ่ง แล้วก็ไข่ผัดต้นหอม เต็มไปหมดดูแล้วน่ากินยิ่งหนัก

ถ้าเป็นครอบครัวทั่วไปคงไม่ได้กินอะไรแบบนี้ ยิ่งในปีที่ผ่านมาบ้านซูคงไม่สามารถเตรียมของกินมากมายแบบนี้ได้แน่ ๆ

แต่ปีนี้มันต่างออกไป คุณย่าซูเต็มใจทำอาหารอร่อยหลายจานในคราวเดียว

ซูเสี่ยวเถียนวิ่งไปรอบ ๆ ราวกับลูกแมวตะกละ แล้วถือโอกาสดูวิธีทำอาหารด้วยเลยยุ่งมาก

“อาหารค่ำส่งท้ายปีเก่าปีนี้ล้นหลามมาก”

หวังเซียงฮวาพลิกอาหารในกระทะอย่างเร็วรวด ถือโอกาสหยิบผลไม้หน้าหนาวที่ฉ่ำไปด้วยน้ำของเนื้อยัดเข้าปากซูเสี่ยวเถียน

แพร์หน้าหนาว มีวิธีการทำคือ จะเอาหมูสามชั้นหันเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วซ้อนเป็นชั้นสลับกับแพร์หน้าหนาวก่อนเอาไปนึ่ง

ถ้าทำแบบนี้ ส่วนมันจะไม่เยิ้ม และมีกลิ่นแพร์จาง ๆ หอมกรุ่นน่ากินมาก

เนื้อแพร์หน้าหนาวจะแทรกซึมกลิ่นของเนื้อ ทำให้มีรสชาติยอดเยี่ยม

แน่นอนว่าเหตุผลที่ชาวชนบททำเช่นนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันดูเหมือนจะใช้เนื้อเยอะแต่จริง ๆ ใช้เพียงนิดเดียว

ซูเสี่ยวเถียนกินแพร์หน้าหนาวรสหวานที่มีกลิ่นของเนื้อจาง ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“อร่อยมากเลย คุณย่าขา! หนูชอบจัง” ปากเล็กมันเยิ้มส่งเสียงจ้อแจ้

“ถ้าชอบก็กินเยอะ ๆ เลย ปีนี้ทำไว้เยอะมาก กินให้พอเลย” หวังเซียงฮวาพูดอย่างร่าเริง

ปีนี้ทำไว้หม้อใหญ่มาก แต่สาวน้อยจะกินได้สักกี่ชิ้นกันเชียว

คุณย่าซูเหลือบมองลูกสะใภ้ใหญ่ “หลายปีมานี้ ฉันลำเอียงกับเรื่องอาหารการกินของพวกเธอมากเกินไปแล้ว”

พอได้ฟังสิ่งที่แม่สามีพูดก็รู้สึกมีอะไรไม่ถูกต้อง เหลียงซิ่วรีบพูดทันที “แม่คะ ลำเอียงที่ไหนกันล่ะ พวกเรามีชีวิตที่ดีนะ ดูคนในชุมชนสิมีบ้านใครเหมือนแม่บ้าง”

สิ่งที่พูดคือเรื่องจริง ในชุมชนมีหลายครอบครัวที่ลูกสะใภ้ไม่สามารถกินข้าวร่วมโต๊ะได้ แต่บ้านซูไม่มีอะไรแบบนั้น

“ฉันพูดจริงนะ เนื้อปีก่อนก็โดนซูหม่านเซียงเอาไปไม่น้อยเลย ที่เหลือไวก็มีแต่มัน ๆ ไม่พอให้คนในบ้านกินเลย แต่ปีนี้ไม่มีน้ำมันอะไรแบบนั้นแล้ว”

ตอนนั้นหลังจากที่แบ่งเนื้อเสร็จ ซูหม่านเซียงก็หอบลูกที่บ้านมาร่ำไห้ว่าชีวิตยากลำบากอะไรทำนองนั้น แต่ก็โดนคุณปู่คุณย่าไล่ออกไป

“ก่อนหน้านี้ไม่มีชีวิตดี ๆ เลย แต่ปีนี้มีแล้วนะ ยังมีอะไรไม่พอใจอีกล่ะ?”

หวังเซียงฮวาเป็นคนตรงไปตรงมา ชีวิตในตอนนี้เธอพึงพอใจมาก

ขณะที่กำลังสนทนาก็ได้ยินเสียงรถจากด้านนอก

“ทำไมเสียงเหมือนรถของน้องเขยเลย” ฉีเหลียงอิงว่า “หรือว่าเขาจะเอาของปีใหม่มาส่งให้บ้านเรา?”

คุณย่าซูยิ้ม “ของกินเยอะขนาดนี้ยังไม่พอกินอีกหรือ?”

ยิ่งคนเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำให้บรรยากาศดีขึ้น

คนในชุมชนมีแค่เฉินจื่ออันที่ขับรถได้

ส่วนซูเสี่ยวเถียนเหาะออกไปอย่างไวด้วยขาสั้น ๆ ของเธอนู่นแล้ว

จากนั้นก็ได้ยินเสียงพวกเด็ก ๆ ในลานบ้าน

“คุณย่า อาใหญ่กับอาเขยมาแล้ว!”

คุณย่าซูตกใจ อะไรนะ? ลูกสาวกับลูกเขยมาหา?

แต่ฟ้ามืดแล้วนะ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้ล่ะ?

ตามกฎตั้งเดิมแล้ว ลูกสาวที่แต่งงานออกไปไม่สามารถอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ได้

“ทำไมพวกเธอมาเอาป่านนี้เล่า?” คุณย่าซูรีบวิ่งออกไป

“แม่ครับ ก็ที่บ้านมีกันอยู่สองคนเลยเบื่อ ๆ ผมจึงมาขอข้าวกินสักถ้วยครับ!”

ใบหน้าของเฉินจื่ออันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในมือถือถุงตาข่ายใบใหญ่ใส่ของดี ๆ ไว้เต็มไปหมด

พอลูกเขยพูดอย่างนั้น คุณย่าซูก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก

พ่อแม่ของเฉินจื่ออันเสียไปนานแล้ว เขาอยู่ตัวคนเดียว เพราะเหตุนี้เลยมาบ้านเธอในช่วงปีใหม่ใช่ไหม?

หันไปมองลูกสาวคนโตที่ใส่เสื้อนวมผิวกายแดงปลั่ง ดูก็รู้ว่ามีชีวิตที่ดี ทำคุณย่าซูมีรอยยิ้มบนใบหน้ามากขึ้น

“แม่คะ หนูบอกไปหมดแล้วว่าลูกสาวที่แต่งงานออกไปไม่อนุญาตให้กลับบ้าน แต่จื่ออันจะมาให้ได้เลย!” ซูหม่านซิ่วพูดอย่างกังวล

ถึงพ่อแม่จะเป็นคนเปิดกว้าง แต่ที่นี่ยังมีความคร่ำครึอยู่

หากไม่ใช่เขยที่แต่งเข้าบ้าน ลูกสาวกับลูกเขยจะไม่มีเหตุผลให้อยู่บ้านพ่อบ้านแม่ในช่วงปีใหม่

“ไว้ผมกลับไป จะไปบอกหัวหน้าซูนะครับ ช่วงใกล้ปีใหม่พวกเราสองคนจะมาอยู่ที่ชุมชนสักพัก หลังปีใหม่ก็จะกลับไปครับ!” เฉินจื่ออันพูดด้วยรอยยิ้ม

เดิมทีคุณปู่ซูคิดจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกประโยคเมื่อครู่ขัดเสียก่อน

ซูเสี่ยวเถียนยิ้มปรีดา “อาใหญ่ อาเขย คุณย่าทำอาหารอร่อย ๆ เยอะเลยค่ะ”

“เสี่ยวเถียนเต็มใจแบ่งให้อาเขยไหม?” เฉินจื่ออันถามติดตลก

ซูเสี่ยวเถียนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยอย่างภาคภูมิใจ “ได้สิคะ อาเขยใหญ่ดีที่สุดเลย!”

“อ้าว? แล้วอาไม่ดีบ้างหรือ?” ซูหม่านซิ่วก็เอากับเขาด้วย

“อาใหญ่ก็ดีเหมือนกันค่ะ” ปากน้อย ๆ นั่นหวานเสียจริงเชียว

ตอนที่พูดคำพวกนี้ เด็กหญิงรู้สึกขนลุกเล็กน้อย เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ น่าอายจริง ๆ ที่ต้องพูดคำนี้!

“เพราะเพิ่งกินแพร์หน้าหนาวไปแท้ ๆ ปากถึงได้หวานขนาดนี้” หวังเซียงฮวาพูดพร้อมกับหัวเราะลั่น

“น้องใหญ่น้องเขย พวกเธอไปห้องหลักอุ่นตัวจากเตียงเตาก่อนไป ระหว่างทางคงหนาวแย่เลยใช่ไหม?” เหลียงซิ่วรีบต้อนรับแขก

ริมฝีปากของฉีเหลียงอิงขยับ แต่ไม่ได้พูดออกมา

“แม่ ให้ฉันช่วยด้วยสิคะ!” ซูหม่านซิ่วรีบเอ่ยปากเมื่อเห็นพวกผู้หญิงต่างอยู่ในครัว

“ไปอุ่นตัวก่อนไป เดินทางมาต้องหนาวมากแน่ เหมือนหิมะจะตกด้วย!”

คุณย่าซูจะให้ลูกสาวเข้าครัวได้อย่างไร เลยรีบให้เจ้าตัวไปห้องหลักแล้วก็เรียกลูกเขยให้เข้าไปด้วยเหมือนกัน

พอเห็นแม่สามีพาน้องใหญ่น้องเขยไปห้องหลัก ฉีเหลียงอิงก็พูดเสียงเบา “ทุกคนเอาแต่บอกว่าลูกสาวที่กลับบ้านช่วงปีใหม่จะทำให้ปีนั้นไม่มีชีวิตที่ดี”

ซูเสี่ยวเถียนได้ยินก็พูดด้วยรอยยิ้ม “แม่รอง ปีก่อนอาใหญ่อาเล็กก็ไม่ได้กลับบ้านช่วงปีใหม่ บ้านเรายังไม่มีชีวิตที่ดีเลยค่ะ”

“ก็ใช่น่ะสิ ใช้ชีวิตไปวัน ๆ สถานการณ์แบบไหนจะไปทำอะไรได้ล่ะ?”

เห็นได้ชัดว่าหวังเซียงฮวาไม่ได้คัดค้านที่ซูหม่านซิ่วจะกลับบ้านในช่วงปีใหม่

“อีกอย่างน้องเขยไม่ได้บอกสักหน่อยว่ารอปีใหม่ก็จะเลี่ยงออกไป อย่างไรเสียก็ไม่นับเป็นปีใหม่บ้านเราหรอก”

“แต่ฉันเห็นว่าน้องเขยเอาของดี ๆ มาเพียบเลยนะ” เหลียงซิ่วเตือนด้วยรอยยิ้ม

พี่สะใภ้รองไม่ใช่คนแย่ ก็แค่มีความคิดระวัง ๆ เอาไว้

สุดท้ายแล้วความไม่เต็มใจบนใบหน้าของฉีเหลียงอิงก็หายไป

เธอลืมไปได้อย่างไรว่าน้องเขยคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอำเภอ แม้กระทั่งผู้นำของชุมชนใหญ่ที่นี่ยังต้องประจบสอพลอ

อาจได้พึ่งพาน้องเขยคนนี้สักช่วงก็ได้นะ ไม่ใช่ว่าอยู่ที่นี่ช่วงปีใหม่หรือ? ขนาดสองคนนั้นยังไม่สนใจเลย แล้วเธอจะสนใจทำไม?

“ดูฉันซิ ทำไมคิดผิดอีกแล้ว!” ฉีเหลียงอิงหัวเราะ

แต่ก่อนจะพูดจบ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงโวยวายจากข้างนอก