“วิคตอเรียทำเรื่องใหญ่ไปไหมเนี่ย”

มันทำให้เย่เทียนรู้สึกตะลึงไปเลย.

เขารู้ว่าสาวหมาป่ากำลังมาแต่เขาไม่ได้คิดเลยว่าถ้าเธอถูกพบตัวแล้วเธอเลือกที่จะฆ่าแทน และทุกคนที่พยายามจะหยุดเธอถูกฉีกเป็นชิ้นๆอย่างโหดร้าย.

“โฮ่ง!”

ด้วยเสียงคำรามนั้น ยามหลายคนก็ถูกส่งขึ้นไปบนเพดานแล้วตกลงมาอย่างรุนแรง. คอพวกเขาทุกคนถูกเฉือนและเลือดก็กระฉูดออกมา.

“พระเจ้าช่วย!”

“ช่วยด้วย…”

“มานี่ ทหาร, ทหาร….”

สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่กำลังปาร์ตี้กันอยู่เมื่อกี้ก็กรีดร้องออกมา พวกเขาพยายามกอดกันไว้ด้วยหน้าซีดและตัวสั่น.

“อยู่หลังข้าไว้!”

เย่เทียนพูดกับออเรเลีย, ซีซาร์, ยูเลียและท่านหญิงฉินน่าแล้วพาพวกเขาออกจากฝูงชน. เพื่อป้องกันการถูกเหยียบเขาเลยพลิกโต๊ะหินเพื่อหยุดคนกรูกันเข้ามาทางนี้.

“ซาตาน, นั่นตัวอะไร?”

พอเห็นเย่เทียนยืนอย่างสงบนิ่งตรงหน้าและร่างกายที่แข็งแกร่งคอยปัดเป่าอันตรายให้ ออเรเลียกับยูเลียก็รู้สึกปลอดภัย. ซีซาร์เองก็โล่งอก. ในเวลาเดียวกันเขาก็มองไปที่เย่เทียนอย่างใจจ่อ.

ขณะทุกคนกำลังลนลานมีเพียงน้องเขยของเขาเท่านั้นที่ดูสงบนิ่ง, เขาดูสงบอยู่ตลอดเวลามากและเป็นคนแรกที่เข้ามาปกป้องพวกเขา.

นี่แหละคือนักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุด!

ท่านหญิงฉินและยูเลียเองก็เกือบจะหลงเสน่ห์ของเย่เทียน, สามีของพวกเธอนั้นชราเกินกว่าจะทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยแบบนี้ได้.

“ข้าเองก็ไม่ทราบครับ, มันน่าจะเป็นหมาป่าไม่ก็หมีและอาจจะเป็นสัตว์ประหลาดในตำนานก็ได้. บ้าเอ๊ย, บางทีแครสซัสอาจจะไปทำให้ใครไม่พอใจเลยส่งสัตว์ประหลาดมาพังงานแต่งงานแบบนี้ก็ได้!!”

เย่เทียนส่ายหัวบอกว่าเขาไม่รู้อะไรเลยในขณะเดียวกันเขาก็โบ้ยไปที่แครสซัสเพื่อทำให้ตัวเองรอดจากเรื่องนี้.

ทำไมสัตว์ประหลาดถึงมาพังงานแครสซัสและขโมยเจ้าสาวได้หรอ?

ถ้าแครสซัสไม่หมิ่นพระเป็นเจ้าแล้วจะมีเหตุผลไหนอธิบายได้ดีกว่านี้อีก?

คงจะล้อเล่นแน่ๆใครมันจะมีพลังพอจะควบคุมสัตว์ที่น่ากลัวแบบนี้?

แต่ทว่า เย่เทียนเองก็รู้ว่าสาวหมาป่าทำเกินไปจริงๆงานนี้. พ้นคืนนี้ไปเขาจำเป็นต้องซ่อนตัวเธอสักพัก.

“ข้ารู้ว่าเจ้าบ้าแครสซัสนั่นไม่ใช่คนที่ดีเด่นักหรอก. เขาสมควรโดนแล้วแต่ไม่เห็นจะต้องให้พวกเราไปพัวพันด้วยเลยหนิ…”

ยูเลียบ่นออกมา เมื่อตะกี้นี้เธอกลัวสุดขีดจริงๆ.

“แครสซัส, น่าสงสารจริง, ข้าหวังว่าเขาจะรับมือได้….”

ความรู้สึกเวทนาโผล่ขึ้นมาในตาของออเรเลีย.

ท่านหญิงฉินน่าไม่พูดใดๆ, ตาของเธอจับจ้องอยู่แต่ร่างกายสูงและกำยำของเย่เทียนเท่านั้น.

“ท่านน้องเขยของข้า, สัตว์ประหลาดมีอยู่จริงงั้นรึครับ?”

ซีซาร์ถามด้วยความสงสัย.

“ข้าว่ามีแต่พระเป็นเจ้าเท่านั้นที่จะรู้แต่มันอาจจะเป็นสัตว์ที่เราไม่รู้ก็ได้, เราเลยเรียกพวกมันว่าสัตว์ประหลาดได้อย่างเดียว. พูดง่ายๆคือข้าหวังว่ามันจะไม่ทำร้ายเรานะ…”

เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นซึ่งมันทำให้พวกเขาตัวสั่นขึ้นไปอีก.

“โฮ่ง!!”

มีเสียงเห่าดังขึ้นมาอีก, มีศพบินไปมา, มีศพหนึ่งหล่นลงมาข้างๆพวกเขา เลือดกระเด็นไปหมด, ออเรเลียและยูเลียกลัวมาก, พวกเธอเข้าไปกอดแขนของเย่เทียนพร้อมๆกัน, เพื่อที่จะหาความปลอดภัยแล้ว พวกเธอไม่ลังเลที่จะเอาแขนของเขาซุกไว้ในร่องอกเลย.

“ยาม….”

“บ้าเอ๊ย, โจมตีสัตว์ประหลาดซะ, เจ้าโง่เอ้ย ทำไมไม่ยิงมันด้วยธนูเล่า?”

แครสซัสคำรามอย่างบ้าคลั่ง, สูญเสียสติไปหมดแล้ว.

“โฮ่ง!”

สาวหมาป่าหยุดแล้วขู่ทุกคนที่อยู่ด้านล่างบันไดแล้วเผยตัวเธอให้เห็นร่างของเธอที่ปกคลุมไปด้วยขนสีทองที่เจิดจรัสออกมาเพราะไฟของคบเพลิง. แต่ทว่าใบหน้าของเธอไม่สามารถเห็นได้เพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยขนสีทอง.

ที่น่ากลัวกว่านั้นคือมือของเธอเต็มไปด้วยเลือด.

มันดูน่ากลัวมากๆ.

“อะไรน่ะ…..”

“สัตว์ประหลาด, สัตว์ประหลาดอะไรกันเนี่ย”

“โอ้พระเจ้านั่นมันสัตว์ประหลาดอะไรกัน…”

แขกทุกคนล้วนหวาดกลัวและหน้าซีด, พวกเขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง.

“ฟุ่บ!”

สาวหมาป่าหายตัวไป.

“โครม!”

วินาทีต่อมาประตูห้องเจ้าสาวก็ถูกพังทันที. หัวใจทุกคนแทบจะหยุดเต้น.

“อะไรน่ะ….”

เสียงร้องหวาดกลัวของเจ้าสาวดังขึ้นมา.

“เฮร่า….”

แครสซัสโกรธเลือดขึ้นหน้า. เขาตะโกนออกไปอย่างดัง. เขาชักดาบออกมาแล้วพยายามเดินขึ้นไปชั้นสอง.

“โฮ่ง!!”

แต่ทว่ารอบนี้สาวหมาป่าส่งเสียงขู่แล้วรีบออกมา ทำให้แครสซัสกลัวแล้วถอยไปอย่างเร็วจนล้ม.

“พระเจ้า…”

พวกแขกช้อคเพราะสัตว์ประหลาดออกมาพร้อมกับเจ้าสาวของแครสซัสในมือเธอ.

“โฮ่ง!”

สาวหมาป่าคำรามออกมาแล้วเธอก็พาเจ้าสาวของแครสซัสออกไปจากชั้น2ผ่านหน้าต่างแล้วหายไปในความมืด.

“ตามมันไป!!”

แครสซัสตะโกนใส่กลุ่มทหาร ณ ตอนนั้นใจเขาแทบจะทะลักออกมา.

ในคืนวันแต่งงาน, สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเข้ามาพังงานแต่งและฆ่าคนไปมากมาย, ทำให้งานเลี้ยงเต็มไปด้วยเลือด. แล้วสัตว์ประหลาดนั้นก็ลักพาตัวเจ้าสาวแล้วจากไป.

หลังจากคืนนี้เขาจะกลายเป็นตัวตลกในโรมและตระกูลของเขาก็จะอับอายเพราะเรื่องนี้.

แต่ทว่าไม่มีใครสนใจแครสซัสเลย. สัตว์ประหลาดที่บ้าคลั่งได้จากไปแล้ว ใครจะกล้าไปยั่วยุมันอีก?

“ล้อข้าเล่นงั้นเรอะ?”

“ไอ้เ*ี้ยเอ้ย!!”

แครสซัสอยากจะร้องไห้ออกมา เขาชกพื้นอย่างรุนแรง, ความเจ็บปวดนั้นเทียบไม่ได้กับความเจ็บในใจเขาเลย.

“พระเจ้า ทำไมสัตว์ประหลาดนั่นถึงลักพาตัวเจ้าสาวไป?”

ในความเงียบสงัดนั้นในที่สุดก็มีคนถามคำนี้ขึ้นมา.

“ใช่, ใครจะอธิบายได้ว่าทำไมสัตว์ประหลาดถึงลักพาตัวเจ้าสาวไป?”

“บ้าเอ๊ย, ข้าไม่สนหรอกนะว่าทำไมสัตว์ประหลาดถึงพาตัวเจ้าสาวไป. ข้ารู้แค่ว่าข้าเกือบจะถูกฆ่าแค่เพราะมางานแต่งบ้าๆนี่!”

“ใช่แล้ว, โรมวุ่นวายพอแล้ว, ยังมาเกิดเรื่องบ้าแบบนี้ขึ้นอีก!”

“แครสซัส, ข้าต้องการค่าทำขวัญ. ตะกี้ยาม2คนของข้าตายอยู่นี่, งานแต่งบ้าๆนี่!”

พวกชนชั้นสูงที่กำลังหวาดกลัวไม่สนใจใยดีแครสซัสอีกต่อไปแต่กลับระบายความโกรธและความไม่พอใจออกมา.

วันนี้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างจริงจัง, พวกเขาไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบนั้นมาก่อนแม้แต่คนตาขาวบางคนแทบจะเยี่ยวเล็ดออกมา.