ตอนที่ 159 มีบุตร

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 159 มีบุตร

“เสด็จแม่ทรงกลัวข้า!”

เซียวเฉิงเหวินพูดขึ้นเมื่อนั่งรถม้าออกจากวังหลวงกลับจวนองค์ชาย

ขุนนางฝ่ายใน เฟ่ยกงกงตกใจ “เป็นอุปสรรคต่อองค์ชายหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายอย่าทรงเข้าวังหลวงอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “ไม่ต้องตกใจ เสด็จแม่ทรงกลัวข้า แต่ก็ห่างจากข้าไม่ได้ เรื่องบางเรื่อง อาทิเรื่องสกปรก นางไม่ยอมให้เจ้าสามเปื้อนมือ กลัวทำให้มือของเจ้าสามแปดเปื้อน นางทำได้เพียงใช้ข้า ให้ข้าจัดการเรื่องสกปรกเหล่านั้นให้นาง”

เฟ่ยกงกงถอนหายใจอีกครั้ง “ลำบากองค์ชายแล้ว องค์ชายร่างกายไม่ดี อีกทั้งยังต้องทรงสิ้นเปลืองแรงแบ่งเบาความทุกข์ของฮองเฮา แต่ฮองเฮากลับไม่ทรงเห็นพระทัยองค์ชาย”

เซียวเฉิงเหวินไม่สนใจว่าจะเป็นธรรมหรือไม่ เขาเพียงแค่ทำในสิ่งที่อยากทำ

เรื่องที่เขาไม่อยากทำ ผู้ใดก็ไม่อาจบังคับเขาได้

เขาพูดกับเฟ่ยกงกง “ถึงเวลาต้องมีบุตรแล้ว”

เอ๊ะ

เฟ่ยกงกงดีใจอย่างมาก

เขาร้องไห้ออกมา “องค์ชายทรงตระหนักได้แล้ว องค์ชายควรมีบุตรนานแล้ว ยาก็อย่าเสวยอีกเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “ยาหยุดเสียเถิด! ยาที่บำรุงร่างกายกินต่อ”

“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ! หวังว่าฮูหยินจะได้บุตรชายในคราวเดียว นับแต่นี้องค์ชายย่อมไร้ความกังวลอีก”

เซียวเฉิงเหวินพูด “บุตรคนแรก หากเป็นบุตรสาวก็ไม่เลว”

เฟ่ยกงกงส่ายหน้าระรัว “บุตรสาวไม่ดี! บุตรชายดีกว่า”

“เจ้าคิดถึงติ้งเถาใช่หรือไม่ ติ้งเถาเป็นกรณีพิเศษ เสด็จแม่ไม่เคยสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจในการสั่งสอนนาง หากเมื่อติ้งเถายังเยาว์ เสด็จแม่ยอมสิ้นเปลืองแรงสั่งสอนนาง นางก็คงไม่เติบโตมาเป็นหญิงสาวที่โง่เขลาเช่นนี้”

พูดจบ เซียวเฉิงเหวินก็หัวเราะขึ้นมา

เฟ่ยกงกงยืนกรานความเห็นของตนเอง “มีบุตรชายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเฉิงเหวินพูด “บุตรชายดีมากก็จริง แต่บุตรคนแรกเป็นบุตรสาวก็ไม่มีผลกระทบ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีบุตรคนแรกก็จะมีบุตรคนที่สอง”

ภายในใจของเฟ่ยกงกงแน่วแน่อย่างมาก ไม่ว่าอย่างไร ย่อมต้องให้ฮูหยินรีบตั้งครรภ์ พร้อมทั้งให้กำเนิดบุตรชายคนโตออกมา

บุตรสาวคนโตไม่ต้องคำนึงถึงแม้แต่น้อย!

หญิงสาวล้วนเปรียบเสมือนผีที่มาตามทวงหนี้

จ้งซูอวิ้นก็อยากตั้งครรภ์ในเร็ววัน

ช่วงอภิเษกใหม่ๆ นางมักจะตามตื๊อองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้ ไม่ให้เขาออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียว

เถาฮองเฮาทรงพิโรธอย่างมากเมื่อรู้เรื่องนี้

นางก็อยากมีหลานในเร็ววัน แต่ไม่เท่ากับนางจะดีใจที่เห็นจ้งซูอวิ้นตามตื๊อบุตรชาย

“เหลวไหล! ร่างกายของบุรุษจะเหน็ดเหนื่อยทุกวันได้อย่างไร เพื่อมีบุตร แต่ทำลายสุขภาพ ช่างกลับตาลปัตรเสียจริง”

เถาฮองเฮาไม่พอใจ ดังนั้นจึงส่งคนมุ่งหน้าไปตักเตือนจ้งซูอวิ้นที่จวนองค์ชายสาม

เมื่อถูกแม่นมในวังหลวงชี้จมูกตักเตือน ขาดก็เพียงแค่ด่าทอว่านางเป็นหญิงต่ำทราม จ้งซูอวิ้นรู้สึกทั้งน้อยใจทั้งอับอาย อีกทั้งยังรู้สึกว่าเถาฮองเฮาไร้เหตุผล

นางร้องทุกข์ต่อเซียวเฉิงอี้ “ท่านพี่ทรงบอกมา ข้าตามตื๊อท่าน ทำให้ร่างกายของท่านเสื่อมเสียหรือไม่”

เซียวเฉิงอี้ถูกหนีบอยู่ตรงกลางด้วยความลำบากใจ “อย่าร้องไห้เลย! เมื่อข้าเข้าไปถวายบังคม ข้าจะทูลต่อเสด็จแม่ พยายามให้นางอย่าแทรกแซงชีวิตของพวกเรา ส่วนเจ้าก็อย่าขุ่นเคืองไป เสด็จแม่ก็เพียงแค่หวังดีต่อข้า”

จ้งซูอวิ้นได้ยินเช่นนี้จึงอยากอาละวาด แต่ก็กลัวจะบั่นทอนความรักระหว่างสามีภรรยา

นางรู้ว่าเซียวเฉิงอี้เป็นคนที่ดีมาก เป็นผู้ที่มีหัวใจและมีคุณธรรมอย่างหาได้ยากในราชวงศ์

นางไม่อาจทำให้เขาเสียใจได้ อีกทั้งไม่อยากทำให้เขาเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นสตรีที่ไร้เหตุผล

แต่ภายในใจของนางอึดอัดยิ่งนัก!

นางหาโอกาสกลับจวนของตนเอง จ้งซูอวิ้นร้องทุกข์กับองค์หญิงเฉิงหยางผู้เป็นมารดา บอกว่าเถาฮองเฮาเข้มงวดกับนาง

องค์หญิงเฉิงหยางย่อมไม่อาจทนเห็นบุตรสาวได้รับความลำบาก ร้องไห้จนนางก็เจ็บปวดใจ

“เจ้ากลับจวนองค์ชายก่อน! ทางฮองเฮาข้าจะจัดการเอง”

จ้งซูอวิ้นถึงได้พอใจ

มีท่านแม่จัดการให้นาง คิดว่าเถาฮองเฮาก็คงจะเข้มงวดน้อยลงบ้าง

ผ่านไปหลายวัน องค์หญิงเฉิงหยางเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าเถาฮองเฮา

เริ่มแรกบรรยากาศยังดีมาก สตรีทั้งสองล้วนตั้งใจรักษาเกียรติ

ต่อมาเมื่อประเด็นสนทนาพุ่งไปยังจ้งซูอวิ้นและเซียวเฉิงอี้ บรรยากาศก็เปลี่ยนไปทันที

“…เด็กทั้งสองสนิทสนมกันจนทำให้คนอิจฉาเสียจริง นึกถึงตอนที่หม่อมฉันออกเรือน หม่อมฉันก็อยากจะตัวติดกับสามีวันละสิบสองชั่วยาม ไม่อยากจากแม้แต่นาทีเดียว ต่อมาจึงมีซูหาว ฮองเฮากับเสด็จพี่ก็ทรงเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ เสียดาย เฉิงเหวินกำเนิดก่อนกำหนด ร่างกายไม่ดีแต่เด็ก”

ดวงตาของเถาฮองเฮาหรี่ลง แต่บนหน้ายังเปื้อนยิ้ม “เรื่องหลายปีสิบก่อน องค์หญิงยังจดจำได้อย่างดี”

องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะร่า “เรื่องใหญ่อย่างการอภิเษกจะลืมได้อย่างไร ฮองเฮาทรงลืมไปแล้วหรือว่ารักใคร่กับเสด็จพี่อย่างไรในตอนนั้น”

เถาฮองเฮายิ้มบาง “ข้ากับฝ่าบาทหลายสิบปีเหมือนหนึ่งวัน รักใคร่เหมือนเคยเสมอมา ไม่จำเป็นต้องระลึกถึงอดีต ชีวิตในเวลานี้ก็กำลังวนเวียนเรื่องราวในอดีต องค์หญิงอย่าได้อิจฉา พระราชบุตรเขยแม้จะไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่เขาก็เป็นคนดี”

สีหน้าขององค์หญิงเฉิงหยางดำทะมึน ทันใดนั้นนางก็ไม่พอใจนัก

หลายปีนี้นางกับสามีมีความรักเสียที่ใดกัน ไม่ได้กลายเป็นศัตรูกันก็เพราะเห็นแก่บุตร

แต่เถาฮองเฮาจงใจพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ช่างรังแกกันเสียจริง

นางกลอกตาพลันหัวเราะขึ้นมา “ยินดีกับฮองเฮา ได้ยินว่าวังหลังมีเหม่ยเหรินตั้งครรภ์ ไม่นานนักฮองเฮาก็จะมีบุตรเพิ่มขึ้นอีกคน ช่างน่ายินดีเสียจริง”

เถาฮองเฮาเม้มปากยิ้ม “วังหลังมีเหม่ยเหรินตั้งครรภ์เป็นเรื่องน่ายินดีจริง ฝ่าบาททรงมีพระวรกายแข็งแรง ช่างน่าปลื้มปริ่ม”

ทั้งสองเป็นพี่สะใภ้กับน้องสามี อีกทั้งยังเป็นเครือญาติกัน คำพูดเต็มไปด้วยการเสียดสี ไม่มีผู้ใดยอมอ่อนข้อ

เถาฮองเฮายกชาขึ้นจิบ

นี่ก็คือสาเหตุหลักที่นางไม่ยินดีปรองดองกับองค์หญิงเฉิงหยาง

การมีเครือญาติที่แข็งกร้าวคือความหายนะ

หากองค์ชายสามเซียวเฉิงอี้อภิเษกกับหญิงอื่น เถาฮองเฮาส่งคนไปลงโทษลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้และครอบครัวย่อมไม่กล้าแม้แต่จะผายลม อีกทั้งยังต้องน้อมรับคำสั่งสอน ทำตามสิ่งที่นางรับสั่งอย่างเชื่อฟัง

มีเพียงองค์หญิงเฉิงหยางแม่ลูกที่กล้าหาเรื่องหากรู้สึกไม่พอใจ

เถาฮองเฮาวางถ้วยชาลง ยิ้มมีนัย “องค์หญิงกลางวันอยู่กินอาหารกับข้า ข้าจะส่งคนไปยังตำหนักซิงชิ่ง หากฝ่าบาททรงว่าง ขอฝ่าบาทโปรดให้เกียรติเสด็จมา เมื่อถึงเวลา องค์หญิงทูลยินดีต่อฝ่าบาทด้วยตนเอง ฝ่าบาทย่อมต้องทรงดีใจอย่างมาก”

“ดีเสียจริง! หม่อมฉันไม่เกรงใจแล้ว วันนี้หม่อมฉันขอรบกวนฮองเฮาที่ตำหนักเว่ยยาง”

ทั้งสองภายนอกยิ้มแย้ม แต่ภายในใจก่นด่า

ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการแสดง ขอเพียงแค่เต็มใจ ทั้งสองก็สามารถประคองสถานการณ์ได้อย่างดี

แต่เวลานี้เยียนอวิ๋นฉียากที่จะประคองสีหน้าไว้อย่างงดงาม

นางกำลังดื่มยาสมุนไพรขมปี๋ ใบหน้าของนางย่นจนกลายเป็นซาลาเปา

เหตุใดจึงมียาสมุนไพรที่ขมเพียงนี้

แม่นมจับตาดูนางดื่มยา

“ยาดีย่อมขมปาก ฮูหยินต้องดื่มให้หมด องค์ชายทรงเชิญหมอหลวงมาบำรุงร่างกายของฮูหยิน ฮูหยินอย่าได้ทรยศต่อเจตนาขององค์ชาย”

“แม่นมไม่ต้องพูดเช่นนี้ ควรทำอย่างไร ข้ารู้ดีแก่ใจ”

เยียนอวิ๋นฉีบอกกับแม่นม จากนั้นบีบจมูกดื่มยาจนหมดในคราวเดียว

สาวรับใช้รีบหยิบน้ำตาลมาให้

“ฮูหยินกินน้ำตาล ปากก็จะได้ไม่ขมมากเจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นฉีอมน้ำตาลไว้ในปาก ภายในใจกำลังครุ่นคิดบางเรื่อง

ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเซียวเฉิงเหวินก็ตัดสินใจจะมีบุตร

หวังว่าการให้ความร่วมมือของนางจะทำให้ตั้งครรภ์ได้อย่างราบรื่น

นางไม่อยากดื่มยาขมเช่นนี้ทุกวัน

“ไปหยิบผักดองที่น้องสี่ให้คนส่งมาให้ข้า มันช่างอร่อยเสียจริง”

เมื่อนึกถึงน้องสี่เยียนอวิ๋นเกอ นางก็อดยิ้มไม่ได้

“น้องสี่ทำอาหารได้อร่อยเสียจริง”

ผักดอง และเครื่องปรุงที่เยียนอวิ๋นเกอมอบให้เยียนอวิ๋นฉีล้วนเป็นฝีมือของนาง

รสชาติดีกว่าที่ขายในร้านขายของชำหนานเป่ยเสียอีก

สิ่งของมีน้อยยิ่งล้ำค่า

ผักดองที่เยียนอวิ๋นเกอทำเอง นอกจากคนในครอบครัว คนนอกไม่อาจได้รับไป

แม้แต่เยียนอวิ๋นเพ่ยอยากได้ก็หาโอกาสไม่ได้แม้แต่น้อย

เวลานี้ เยียนอวิ๋นเกอกำลังกินเมล็ดฟักทองผัด

เมล็ดฟักทองชุดแรก นางลงมือผัดด้วยตนเอง รสชาติดีกว่าแม่ครัวเสียอีก

เมล็ดฟักทองหอมมาก

“ท่านแม่ลองชิมดู กินเป็นของว่างก็ดีไม่น้อย แต่ว่ากินมากไม่ได้ เกรงว่าจะร้อนใน แต่ว่าข้าทำน้ำสมุนไพรเอาไว้ ถึงแม้จะร้อนในก็ไม่กลัว”

เซียวฮูหยินหยิบเมล็ดฟักทองหนึ่งขึ้นมา นางกินด้วยท่าทางสง่างาม ปอกเปลือกชิมรสชาติ ดีไม่น้อยเสียจริง

เยียนอวิ๋นเกอพูด “ไม่ต้องปอกเปลือก กินเลยยิ่งมีรสชาติ ท่านแม่จะลองหน่อยหรือไม่เจ้าคะ”

พูดจบ นางหยิบเมล็ดฟักทองกำหนึ่งขึ้นมาโยนเข้าปาก ขบเคี้ยว รสชาติเค็มอ่อนๆ หอมมาก

เซียวฮูหยินเลียบแบบนาง โยนหลายเมล็ดเข้าปาก “รสชาติไม่เลว! ลำบากเจ้ายอมเข้าครัวผัดเอง”

อากาศร้อนเช่นนี้ ผู้ใดก็ไม่อยากวิ่งเข้าไปในครัว

เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “เพื่อของกิน ข้าสามารถพิชิตความลำบากทุกอย่างได้”

เซียวฮูหยินหัวเราะ “เหมือนดั่งที่เจ้าพูด เจ้าเป็นคนเห็นแก่กิน เพื่อของกิน เจ้าก็ไม่ย่อท้อเอาเสียเลย”

“มื้อกลางวันท่านแม่อยากกินอันใดเจ้าคะ ระยะนี้ข้าคิดค้นอาหารใหม่ ท่านแม่ชิมรสชาติอาหารของข้าดีหรือไม่เจ้าคะ”

เซียวฮูหยินกลับส่ายหน้า “ทำอาหารเหน็ดเหนื่อยเกินไป อากาศยังร้อนอีก เจ้าอย่าวุ่นวายเลย น้ำผลไม้แช่เย็นที่เจ้าทำครั้งก่อนอร่อยไม่น้อย อีกทั้งยังดับร้อนได้ รับสั่งลงไป ให้แม่ครัวทำน้ำผลไม้แช่เย็นมาสองสามแก้ว”

บ่าวรับใช้รับคำสั่งจากไป

เยียนอวิ๋นเกอกินเมล็ดฟักทองจนแก้มทั้งสองข้างป่อง เวลานี้ถึงได้แสดงออกถึงความเป็นเด็กที่นางควรมีในวัยนี้

เซียวฮูหยินมองนาง “เพียงชั่วพริบตา เจ้าก็กลายเป็นหญิงสาวแล้ว สูงกว่าข้าเสียอีก ถึงเวลาคิดเรื่องคู่ครองของเจ้าแล้ว”

พู่!

เยียนอวิ๋นเกอพ่นเมล็ดฟักทองออกมา เห็นได้ชัดว่านางตกใจ

“ท่านแม่ ข้ายังเด็ก เรื่องคู่ครองช้าอีกสักสามปีห้าปีก็ไม่เป็นอันใด”

เซียวฮูหยินหัวเราะร่า “ดูเจ้าตกใจเข้า เจ้าวางใจเถิด ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าออกเรือนตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้”

เยียนอวิ๋นเกอรีบพูด “ข้าไม่อยากออกเรือน!”

“อย่าพูดเหลวไหล! สตรีจะไม่ออกเรือนได้อย่างไร”

“ท่านแม่ไม่ชอบข้าหรือ ไม่อยากให้ข้าอยู่ข้างกายท่านหรือ เรื่องคู่ครองของพี่สองยังไม่ได้จัดการ ท่านก็อย่ารีบร้อนเรื่องของข้าเลย”

เซียวฮูหยินพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าชอบเจ้า ไม่เท่ากับต้องรั้งเจ้าไว้ข้างกายตลอดไป เมื่อหญิงสาวเติบใหญ่ รั้งไปรั้งมาจะกลายเป็นความแค้น”

“ข้าไม่เหมือนกับหญิงสาวอื่น ข้าอยากอยู่ข้างกายท่านแม่ตลอดไป”

เซียวฮูหยินยิ้มพลันส่ายหน้า “เจ้าอย่าดื้อรั้น อย่าต่อต้าน อย่ากังวล เจ้าวางใจ ข้าจะเลือกให้เจ้าอย่างตั้งใจ เลือกที่เหมาะสมกับใจของเจ้า ส่วนพี่สองของเจ้า เขาเป็นบุรุษ ถึงแม้จะแต่งงานตอนสามสิบก็ยังได้ แต่เจ้าเป็นหญิงสาว เจ้าไม่อาจยื้อไปถึงสามสิบ อย่างช้ายี่สิบก็ต้องออกเรือน”