บทที่164ความลับ

ลูกกระเดือกของหลิงเล่เคลื่อนที่ขึ้นลงไปรอบหนึ่ง

เขารู้สึกหิวมากแล้วจริงๆ

หิวไปทุกอย่าง!

เขาจูบไปทั่วหน้าของเธอ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ได้ เรามาลองดูกัน ทุกอย่างให้เธอเป็นคนตัดสินใจ!”

เขาดูดน้ำตาบนใบหน้าของเธอจนแห้ง ปลายนิ้วของเขาเริ่มสั่น

พอคิดจะย้ายไปจูบที่ริมฝีปากน้อยๆ ของเธอ สาวน้อยคนนั้นก็ได้ดีดตัวออกจากตักของเขา

หลิงเล่รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที “เธอ?”

เด็กสาวไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่วิ่งไปปิดประตูของห้องนั่งเล่น จากนั้นก็วิ่งไปปิดผ้าม่าน ตอนนี้แหล่งกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวในห้องก็คือหลอดไฟดวงเดียวที่อยู่บนเพดาน แต่มันก็สว่างมาก

เธอคิดไตร่ตรอง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คะ คุณอาคะ หนูว่าหนูพาคุณขึ้นเตียงก่อนดีไหมคะ? จากนั้นค่อยปิดไฟ แล้วหนูค่อยตามขึ้นไป แบบนี้ได้ไหมคะ?”

ที่แท้ สาวน้อยก็กำลังเขินนี่เอง!

หลิงเล่เข้าใจแล้ว “ได้!”

ขอแค่ได้กิน ตอนนี้จะให้เขาทำอะไรก็ได้!

ในระหว่างที่มูเทียนซิงพยุงหลิงเล่ขึ้นเตียง ครั้งนี้มันง่ายกว่าครั้งอื่นๆ เธอรู้สึกว่าแขนของเขามีแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!

เพราะเมื่อก่อนกว่าจะพาเขาขึ้นเตียงได้ก็ต้องใช้เวลาตั้งหลายนาที แต่ครั้งนี้มันใช้เวลาไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ เขาก็ไปนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว!

มู่เทียนซิงเอาผ้าห่มมาปิดให้เขาครึ่งตัว จากนั้นก็รีบวิ่งปิดไฟ!

ในห้องมืดไปในทันที ยื่นมือไปยังมองไม่เห็นนิ้วมือด้วยซ้ำ

ในความมืดมิดแบบนี้ ทำให้ความลำบากใจของทั้งคู่ถูกกลืนกินไปในทันที ยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่มองอะไรไม่เห็นแบบ ยิ่งทำให้ในหัวของทั้งคู่จินตนาการถึงอีกฝั่งมากขึ้น อุณหภูมิในร่างกายค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น!

“คุณอาคะ หนู หนูมาแล้วน้าาา~!”

“อืม”

เธอเดินมาอยู่ข้างเตียง เธอใช้มือคลำไปทั่ว มือน้อยๆ ของเธอเริ่มต้นด้วยการปลดกระดุมเสื้อของเขา ถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออก จากนั้นก็ปลดเข็มขัดแล้วอะไรอีกมากมาย เนื่องจากแอร์ในห้องค่อนข้างเย็น ด้วยความที่กลัวว่าเขาจะหนาวในระหว่างที่ถอดเสื้อผ้าให้เขาเธอก็ห่มผ้าให้เธอไปด้วย

แล้วในที่สุด เขาก็พูดขึ้นด้วยความหวาดระแวงว่า “เทียนซิง ตอนนี้ฉันโป๊หมดแล้วนะ!”

ดังนั้น เธอควรเร่งมือได้แล้วนะ!

มู่เทียนซิงตอบกลับมาเบาๆ ว่า “นะ หนูก็กำลังถอดของตัวเองอยู่ค่ะ”

เธอที่ยืนอยู่ข้างเตียง ได้ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดแล้ว คลำไปที่หัวเตียง แล้วแขวนเสื้อผ้าของตัวเองไว้ข้างๆ ของหลิงเล่

เอามือวางบนเตียง จากนั่นก็ค่อยๆ ปีนขึ้นเตียงไปพร้อมกับความเขินอาย เปิดผ้าห่มของเขาออก จากนั้นก็มุดเข้าไปข้างใน

แขนทั้งสองข้างของหลิงเล่เหมือนกำลังรอเธออยู่ เพราะทันทีที่เธอขึ้นมา เขาก็ล็อกตัวเธอไว้ในทันที ในขณะที่ที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เธอก็ถูกเขากอดเอาไว้แน่ๆ แล้ว ริมฝีปากที่ร้อนฉานเริ่มจูบตั้งแต่ใบหูไปจนถึงปากของเธอ มันช่างดูร้อนแรงเหลือเกิน

มู่เทียนซิงเข้าใจว่า ในการทำเรื่องแบบนี้ เธอควรจะเป็นผู้คุมเกมถึงจะถูก

แต่ว่า เมื่อเธอเข้าสู่สนามรบ ไม่นานเธอก็ถูกเขาจูบจนเคลิ้มไปหมดแล้ว จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเขาพลิกตัวขึ้นมาอยู่บนตัวเธอตั้งแต่เมื่อไหร่

เธอจำได้เพียงว่ามือที่ร้อนรุ่มของเขากำลังลูบไปทั่วตัวของเธอ!

เธอตื่นเต้นจนแทบบ้าแล้ว!

“คะ คุณอาคะ หนูปวดฉี่~!”

“เด็กโง่!”

เมื่ออยู่ต่อหน้าเด็กสาวที่กำลังตื่นตระหนก เขาก็ปลอบเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรหรอกเด็กดี หนูแค่นอนอยู่แบบนี้ก็พอแล้ว”

สิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ตอนนี้คือ เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เกรงว่าความลับเล็กที่เขาเก็บไว้อาจปิดต่อไปไม่อยู่แล้ว!

เด็กสาวที่อยู่เบื้องล่างกำลังตัวสั่น เพียงเพราะเขากำลังดื่มด่ำกับความอบอุ่นอย่างเต็มที่อยู่เท่านั้น

มู่เทียนซิงรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะจมน้ำตายในมหาสมุทรแล้ว ตื่นเต้นจนกำผมของหลิงเล่ไว้แน่น กัดริมฝีปากเธอกำลังสูญเสียความเป็นตัวเองให้กับความมืดมิดไปทีละน้อย

เธอกำลังคิดว่า เมื่อไหร่คุณอาจะเสร็จเธอควรจะขึ้นไปข้างบนแล้วหรือยัง?

ในหัวของเธอตอนนี้กำลังกังวลอยู่แค่ว่าตัวเองจะสามารถทำภารกิจครั้งนี้ให้สำเร็จได้หรือไม่ เพราะขาของเขาใช้การไม่ได้ เรื่องแบบนี้ต้องเป็นเธอเท่านั้นที่อยู่ข้างบน!

ทันใดนั้น ตอนที่เธอกำลังจะเสนอความคิดนี้ให้เขาไป ห้องนั่งเล่นที่แสนมืดมิดก็ได้สว่างขึ้นมา!

มันเป็นแสงที่ถูกส่องมาจากข้างหมอน มันคือมือถือของหลิงเล่!

เสียงเปียโนที่ดังไล่จังหวะไปเรื่อยๆ ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็คือ “จูน” !

มู่เทียนซิงไม่ได้ตั้งใจที่จะไปหยิบมัน แต่เธอสามารถมองเธอมันได้จากทางหางตา

ส่วนผู้ชายที่อยู่บนตัวเธอ กลับทำเหมือนไม่ได้ยินมันเลย เขาเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายที่งดงามของเธอเท่านั้น

“คะ คุณอาคะ?”

“อย่าไปสนใจ!”

“สายเข้านะคะ!”

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไปสนใจ!”

มู่เทียนซิงกัดริมฝีปาก หลับตา พอนึกถึงหนีหย่าจูนที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล ที่เขาโทรมาแบบนี้ เขาอาจจะมีธุระอะไรสำคัญหรือเปล่า เธอจึงได้หยิบมือถือขึ้นมา แสงจากมือถือทำให้เธอเห็นเงาของตัวเองบนกำแพงกับตัวอะไรบางอย่างที่กำลังขยับอยู่ใต้ผ้าห่ม นั่นทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมากกว่าเดิม

“ค่ะ”

“นี่แม่หนู?”

หนีหย่าจูนรู้สึกแปลกใจ “นี่เธอรับสายของพี่ชายฉันได้ยังไงเนี่ย?” ” ขะ เขากำลังยุ่งอยู่ค่ะ” ยุ่งอยู่กับการกินเธออยู่!

หนีหย่าจูนไม่อยากสนใจเรื่องพวกนั้นแล้ว และได้พูดไปว่า “ฉันจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว! อีกเดี๋ยวก็คงถึงแล้ว! เธอคงไม่รู้ว่ากว่าฉันจะเกลี้ยกล่อมคุณป้าจนยอมให้ฉันออกจากโรงพยาบาลได้เนี่ย ฉันต้องใช้ความพยายามมากมายขนาดไหน! ฉันบอกกับป้าไปแล้วว่าตอนเที่ยงพี่เขาจะไม่อยู่บ้าน ฉันก็เลยเชิญป้าไปนั่งเล่นที่บ้าน พอป้าบอกไม่มา ฉันก็ทุ่มสุดชีวิตเลยนะ! เธอช่วยบอกพี่ทีว่าให้เขานั่งดูอยู่หน้ากล้องก็พอ ไม่จำเป็นต้องออกมา คุณป้าเขาเป็นคนรักษาคำพูด บอกไม่เคยก็คือไม่เจอ!

“กล้อง??”

เนื้อหาที่หนีหย่าจูนพูดออกมานั้นมีมากมาย แต่สิ่งเดียวที่มู่เทียนซิงจำได้คือ “กล้องอะไรเหรอคะ?”

ผู้ชายที่กำลังยุ่งอยู่บนตัวเธอหยุดชะงักไปในทันที!

มู่เทียนซิงเองก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่!

แล้วหนีหย่าจูนก็ตอบมาว่า “ก็กล้องวงจรปิดที่อยู่ในบ้านไง นี่เธอไม่รู้เหรอ? มันถูกติดไว้ในทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์จื่อเวยเลยนะ มันถูกเชื่อมเข้ากับคอมกับมือถือแทบทุกเครื่องเลย ขอแค่ใส่รหัสที่ถูกต้องเข้าไป ก็สามารถมองเห็นทุกอย่างในบ้านได้แล้ว ต่อให้อยู่ห่างไปเป็นร้อยเป็นพันลี้ก็ยังสามารถดูได้!”

โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบสงัด มู่เทียนซิงรู้สึกช็อกไปในทันที!

เมื่อคืนจั๋วซีบอกว่า หลิงเล่เป็นคนกดสัญญาณให้เขาไปเข็นหลิงเล่ออกไปเอง หรือก็คือ คนในบ้านน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเมื่อคืนหลิงเล่ไม่ได้อยู่บ้าน

แต่ว่าในเช้าวันนี้ ฉวีซือเหวินกลับบอกว่าปกติแล้วคุณอาจะกดสัญญาณในทุกเช้าเพื่อเรียกให้จั๋วซีขึ้นไปดูแลเขา และเธอก็จะตื่นขึ้นมาทำงานพร้อมกับสัญญาณนั้นเหมือนกัน

นั่นก็เท่ากับว่า ฉวีซือเหวินกำลังโกหกเธออยู่ พอหลิงเล่ออกไป ในตอนนั้นฉวีซือเหวินเองก็ต้องรู้แล้วเหมือนกัน

พวกเขาพักอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ถ้าในบ้านมีกล้องวงจรปิดละก็ มันจะต้องอยู่ที่ชั้นหนึ่งแน่นอน!

พอนึกถึงการที่เธอทำตัวเศร้าสร้อยเหมือนคนไม่มีสติสตังในตอนเช้า พอฉวีซือเหวินเดินออกมาจากทางชั้นหนึ่งเธอก็ทำถ้าเหมือนจ้องไปตามมุมต่างๆ ของบ้าน……

บัดซบ!

“หลิงเล่! ไอ้คนสาระเลว! นี่คุณตั้งใจแกล้งฉันใช่ไหม?”

เธอวางมือถือลง จากนั้นก็ตะคอกใส่คนในผ้าห่มอย่างสุดเสียง!

หนีหย่าจูนไม่รู้ว่าเกิดขึ้น เขาจึงได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สดใสว่า “นี่แม่หนู เดี๋ยวเราก็ถึงแล้วนะ เธอควรเตรียมตัวให้เรียบร้อยเพื่อพบหน้ากับว่าที่แม่สามีของเธอสักครั้ง! จำสิ่งที่ฉันบอกเธอให้ดี บอกพี่ให้นั่งดูสถานการณ์อยู่ที่หน้าคอมก็พอแล้ว อย่าเสนอหน้าออกมาเด็ดขาด! ไม่อย่างนั้นการได้เจอหน้าแม่แบบนี้ก็คงไม่มีอีกแล้ว!”